วันนี้ (10 พฤษภาคม 2565) เวลา 13.30 น. ณ ทางเชื่อมตึกสันติไมตรีและตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า รัฐบาลเร่งขับเคลื่อนการดำเนินงานในหลาย ๆ ด้าน เป็นสัญญาณที่ดีว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการเดินหน้าประเทศ ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ มีสถานการณ์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เริ่มเปิดประเทศ เปิดกิจการ จัดงาน จัดกิจกรรมต่าง ๆ ไปสู่ความปกติใหม่ ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ตามแนวทาง ?ล้มแล้วลุกไว? ที่รัฐบาลได้เตรียมการไว้ ซึ่งได้มีการติดตามนโยบายต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และเตรียมมาตรการเพื่อรองรับการเปิดประเทศ เช่น การสานต่อความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การบริหารจัดการน้ำ เทคโนโลยีการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ การขับเคลื่อนนโยบาย BCG การช่วยเหลือผู้ประกอบการ สินค้าชุมชน ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 50 ล้านบาท และอื่น ๆ
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วน เช่น การลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตรเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรวบรวมข้อมูล ศึกษาความเป็นไปได้ของมาตรการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ จะมีการเสนอเพื่อพิจารณาร่วมกันอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐโดยโอนเงินให้แก่ผู้มีสิทธิไปแล้วมากกว่าสองหมื่นล้านบาท โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางซึ่งมีพี่น้องชาวสวนยางได้รับประโยชน์มากกว่า 1,200,000 ราย และขยายสิทธิโครงการประกันรายได้ให้พี่น้องชาวไร่มันสำปะหลัง ที่จะมีเกษตรกรไร่มันสำปะหลังได้ประโยชน์มากกว่า 500,000 ราย เป็นเงินมากกว่า 3,600 ล้านบาท โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ยืมสำหรับผู้ทำงานที่บ้าน โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและความมั่นคงปลอดภัยด้านดิจิทัล ซึ่งให้บริการในระบบ e-Timestamp แล้วมากกว่า 16 ล้านฉบับ และการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs เสริมสภาพคล่องและพยุงการจ้างงาน รวมทั้งการจัดหางานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งเสริมการฝึกทักษะ สร้างอาชีพใหม่หลังโควิด และส่งเสริมการจ้างงานให้กับคนพิการและผู้สูงอายุ เป็นต้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทยที่จัดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และเป็นหนึ่งในศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาค โดยไทยได้พัฒนาระบบ National Single Window ซึ่งสามารถเชื่อมโยงข้อมูลหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์กับสมาชิกอาเซียนได้ครบทุกประเทศ ซึ่งเป็นตัวช่วยส่งเสริมและตอกย้ำความเป็นหนึ่งในผู้นำด้านโลจิสติกส์ของประเทศ เพิ่มความมั่นใจและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติในประสิทธิภาพของประเทศได้อย่างดี ซึ่งนายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้มีการเร่งรัดการเสริมความพร้อมในด้านต่าง ๆ สำหรับเส้นทางรถไฟสายจีนและ สปป.ลาว เพื่อการขยายโอกาสทางเศรษฐกิจด้วย
นายกรัฐมนตรียังได้ขอความร่วมมือคนไทยทุกคนร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับนักท่องเที่ยวภายหลังการเปิดประเทศ โดยผู้ประกอบการต้องไม่เอารัดเอาเปรียบลูกค้า ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความห่วงใยผู้ประกอบการบางกลุ่มที่ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปติดตามดูแลและให้ความช่วยเหลือให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อนำมาปรับปรุงกิจการให้มีความพร้อมรับนักท่องเที่ยวต่อไป ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการเดินหน้าโครงการอื่น ๆ อีกหลายโครงการ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารณากลั่นกรองอย่างรอบคอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และพร้อมขับเคลื่อนเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนแบบพุ่งเป้า ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนอย่างครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ที่มา: http://www.thaigov.go.th