รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2551 (ครั้งที่ 121) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม 301 ทำเนียบรัฐบาล นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2551 (ครั้งที่ 121) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ภายหลังการประชุม พลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้เห็นชอบมาตรการระยะสั้น เพื่อแก้ไขปัญหาผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง โดยปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 50 สตางค์ต่อลิตร และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 10 สตางค์ต่อลิตร และนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล 30 สตางค์ต่อลิตร โดยในส่วนการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 50 สตางค์ต่อลิตรนั้น จะต้องรอประกาศในราชกิจจานุเบกษาก่อน ซึ่งหากพรุ่งนี้ลงประกาศได้ก็จะมีผลบังคับใช้ในวันถัดไป ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะมีระยะเวลา 6 เดือนหรือจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ ขณะที่การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซลและการอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง รวม 40 สตางค์ต่อลิตรนั้นจะมีผลบังคับใช้ทันที
ในส่วนมาตรการระยะยาว อาทิ การขยายระยะเวลาอากรขาเข้าถังบรรจุก๊าซธรรมชาติอัดและอุปกรณ์ควบคุมการใช้ก๊าซธรรมชาติในรถยนต์ หรือถัง NGV ขยายเวลาปรับลดอากรขาเข้าสำหรับรถโดยสาร NGV ทั้งนี้จะเร่งรัดเส้นทางการจัดส่งก๊าซ NGV ให้ทั่วถึงภายในกลางปีนี้ และที่ประชุมยังเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการดูแลป้องกันการลักลอบจำหน่ายก๊าซ LPG ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้ยังมีมาตรการที่จะช่วยเหลือผู้ใช้น้ำมันเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มเรือประมงชายฝั่งที่ใช้น้ำมันม่วง โดยจะพิจารณาชดเชยส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลกับน้ำมันม่วงให้ภาคประมง เพื่อลดผลกระทบให้กับชาวประมงด้วย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม 301 ทำเนียบรัฐบาล นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2551 (ครั้งที่ 121) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ภายหลังการประชุม พลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้เห็นชอบมาตรการระยะสั้น เพื่อแก้ไขปัญหาผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง โดยปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 50 สตางค์ต่อลิตร และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 10 สตางค์ต่อลิตร และนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล 30 สตางค์ต่อลิตร โดยในส่วนการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 50 สตางค์ต่อลิตรนั้น จะต้องรอประกาศในราชกิจจานุเบกษาก่อน ซึ่งหากพรุ่งนี้ลงประกาศได้ก็จะมีผลบังคับใช้ในวันถัดไป ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะมีระยะเวลา 6 เดือนหรือจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ ขณะที่การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซลและการอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง รวม 40 สตางค์ต่อลิตรนั้นจะมีผลบังคับใช้ทันที
ในส่วนมาตรการระยะยาว อาทิ การขยายระยะเวลาอากรขาเข้าถังบรรจุก๊าซธรรมชาติอัดและอุปกรณ์ควบคุมการใช้ก๊าซธรรมชาติในรถยนต์ หรือถัง NGV ขยายเวลาปรับลดอากรขาเข้าสำหรับรถโดยสาร NGV ทั้งนี้จะเร่งรัดเส้นทางการจัดส่งก๊าซ NGV ให้ทั่วถึงภายในกลางปีนี้ และที่ประชุมยังเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการดูแลป้องกันการลักลอบจำหน่ายก๊าซ LPG ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้ยังมีมาตรการที่จะช่วยเหลือผู้ใช้น้ำมันเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มเรือประมงชายฝั่งที่ใช้น้ำมันม่วง โดยจะพิจารณาชดเชยส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลกับน้ำมันม่วงให้ภาคประมง เพื่อลดผลกระทบให้กับชาวประมงด้วย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--