นายกรัฐมนตรีเยือนสหภาพพม่า อย่างเป็นทางการ วันที่ 14 มีนาคม 2551 พบหารือกับพลเอกอาวุโส ตาน ฉ่วย ประธาน SPDC แห่งพม่า และพลเอก เต็ง เส็ง นายกรัฐมนตรี พม่า ทั้งสองฝ่าย เห็นพ้องพัฒนาความร่วมมือในด้านต่างๆ และเป็นมิตรประเทศที่ใกล้ชิด
นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางเยือนนครเนปิดอว์ สหภาพพม่า และเข้าเยี่ยมคารวะ พลเอกอาวุโส ตาน ฉ่วย ประธาน SPDC แห่งสหภาพพม่า สรุปผลการหารือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีได้แลกเปลี่ยนถึงประสบการณ์ของไทยในการพัฒนาทางการเมืองและประชาธิบไตยในช่วง 30 — 40 ปีที่ผ่านมา ว่าไทยดำเนินการอย่างไร ซึ่ง พลเอก อาวุโส ตาน ฉ่วย ได้แสดงความขอบคุณ และเห็นว่าเป็นประโยชน์กับพม่า ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความร่วมมือระหว่างไทยและพม่าในด้านต่างๆ ได้แก่ การเชื่อมโยงถนนจากแม่สอด — เมียวดี — กอกะเร็ก ที่ไทยได้ให้ความช่วยเหลือ ซึ่งพลเอกอาวุโส ตาน ฉ่วย ได้ขอความร่วมมือจากไทยให้ช่วยสร้างถนนต่อไปจนถึงเมืองเมาะลำไย ซึ่งเป็นเมืองสำคัญมาแต่โบราณของพม่า ซึ่งไทยจะรับไปพิจารณาเพราะเป็นประโยชน์ต่อการค้าขายกับพม่า นอกจากนี้ เส้นทางการเชื่อมโยงถนนช่วงกรุงเทพฯ- กาญจนบุรี- เมืองทวาย ซึ่งพม่ากำลังก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก ทั้งนี้ หากโครงการเชื่อมโยงกันก็จะช่วยให้การขนส่งสินค้าสะดวก เพราะจะเชื่อมกับท่าเรือน้ำลึกของไทยที่แหลมฉบังได้ และจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเชื่อมการคมนาคมระหว่ามหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ในด้านความร่วมมือด้านพลังงานทั้งก๊าซธรรมชาติและเขื่อนผลิตไฟฟ้า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อประโยชน์ทั้งสองประเทศ เช่นเดียวกับความร่วมมือในด้านอื่นๆ
ในการหารือกับพลเอก เต็ง เส็ง นายกรัฐมนตรีพม่า ณ ทำเนียบนายกรัฐมนตรี ทั้งสองฝ่ายมีการหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีพม่า หารือในการแก้ไขปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งเห็นว่าควรเร่งดำเนินการพิสูจน์สัญชาติ ตามที่เคยได้ตกลงกันไว้
ด้านยาเสพติด เป็นที่น่ายินดีว่าทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด และมีความคืบหน้าไปมาก ทั้งนี้ จะได้มีการดูแลเรื่องการสกัดกั้นสารตั้งต้นที่ใช้ในการผลิตยาบ้า และการปราบปรามอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น รวมถึงร่วมกันพัฒนาโครงการปลูกพืชทดแทนยาเสพติด อีกด้วยในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีพม่าได้กล่าวถึงกลไกในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและพม่า เช่น การประชุมคณะกรรมาธิการร่วม คณะกรรมการชายแดนท้องถิ่น และเห็นว่ากลไกเหล่านี้เป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่เกิดประโยชน์ และจะต้องร่วมกันใช้อย่างสร้างสรรค์ต่อไป ทั้งนี้ ปัจจุบัน พม่ากำลังพยายามเจรจากับชนกลุ่มน้อยได้แก่ KNU SSA KNPP เพื่อชักชวนให้มาร่วมกันพัฒนาประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แจ้งว่า ไทยพร้อมสนับสนุนการเจราจาระหว่างรัฐบาลพม่ากับชนกลุ่มน้อยดังกล่าวนอกจากนี้ ได้มีการหยิบยกเรื่องการรื้อฟื้นนิคมอุตสาหกรรมชายแดน ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาแรงงานผิดกฎหมายพม่าในไทย โดยการสร้างแรงงานในเขตพม่าบริเวณชายแดน และการเปิดจุดผ่านแดนที่ด่านเจดีย์สามองค์ ซึ่งทางพม่าได้ปิดมาเป็นปี ทั้งนี้ ทางพม่าแจ้งว่าที่ยังไม่สามารถเปิดได้เนื่องจากยังสร้างอาคารให้เจ้าหน้าที่พม่ายังเสร็จสิ้นในโอกาสนี่ นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีพม่าได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลงการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างไทยกับพม่า เพื่อสร้างเสริมสภาวะที่เอื้ออำนวยต่อการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศ และจะมีส่วนช่วยกระตุ้นความคิดริเริ่มทางธุรกิจรายบุคคล อีกด้วย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางเยือนนครเนปิดอว์ สหภาพพม่า และเข้าเยี่ยมคารวะ พลเอกอาวุโส ตาน ฉ่วย ประธาน SPDC แห่งสหภาพพม่า สรุปผลการหารือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีได้แลกเปลี่ยนถึงประสบการณ์ของไทยในการพัฒนาทางการเมืองและประชาธิบไตยในช่วง 30 — 40 ปีที่ผ่านมา ว่าไทยดำเนินการอย่างไร ซึ่ง พลเอก อาวุโส ตาน ฉ่วย ได้แสดงความขอบคุณ และเห็นว่าเป็นประโยชน์กับพม่า ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความร่วมมือระหว่างไทยและพม่าในด้านต่างๆ ได้แก่ การเชื่อมโยงถนนจากแม่สอด — เมียวดี — กอกะเร็ก ที่ไทยได้ให้ความช่วยเหลือ ซึ่งพลเอกอาวุโส ตาน ฉ่วย ได้ขอความร่วมมือจากไทยให้ช่วยสร้างถนนต่อไปจนถึงเมืองเมาะลำไย ซึ่งเป็นเมืองสำคัญมาแต่โบราณของพม่า ซึ่งไทยจะรับไปพิจารณาเพราะเป็นประโยชน์ต่อการค้าขายกับพม่า นอกจากนี้ เส้นทางการเชื่อมโยงถนนช่วงกรุงเทพฯ- กาญจนบุรี- เมืองทวาย ซึ่งพม่ากำลังก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก ทั้งนี้ หากโครงการเชื่อมโยงกันก็จะช่วยให้การขนส่งสินค้าสะดวก เพราะจะเชื่อมกับท่าเรือน้ำลึกของไทยที่แหลมฉบังได้ และจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเชื่อมการคมนาคมระหว่ามหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ในด้านความร่วมมือด้านพลังงานทั้งก๊าซธรรมชาติและเขื่อนผลิตไฟฟ้า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อประโยชน์ทั้งสองประเทศ เช่นเดียวกับความร่วมมือในด้านอื่นๆ
ในการหารือกับพลเอก เต็ง เส็ง นายกรัฐมนตรีพม่า ณ ทำเนียบนายกรัฐมนตรี ทั้งสองฝ่ายมีการหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีพม่า หารือในการแก้ไขปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งเห็นว่าควรเร่งดำเนินการพิสูจน์สัญชาติ ตามที่เคยได้ตกลงกันไว้
ด้านยาเสพติด เป็นที่น่ายินดีว่าทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด และมีความคืบหน้าไปมาก ทั้งนี้ จะได้มีการดูแลเรื่องการสกัดกั้นสารตั้งต้นที่ใช้ในการผลิตยาบ้า และการปราบปรามอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น รวมถึงร่วมกันพัฒนาโครงการปลูกพืชทดแทนยาเสพติด อีกด้วยในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีพม่าได้กล่าวถึงกลไกในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและพม่า เช่น การประชุมคณะกรรมาธิการร่วม คณะกรรมการชายแดนท้องถิ่น และเห็นว่ากลไกเหล่านี้เป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่เกิดประโยชน์ และจะต้องร่วมกันใช้อย่างสร้างสรรค์ต่อไป ทั้งนี้ ปัจจุบัน พม่ากำลังพยายามเจรจากับชนกลุ่มน้อยได้แก่ KNU SSA KNPP เพื่อชักชวนให้มาร่วมกันพัฒนาประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แจ้งว่า ไทยพร้อมสนับสนุนการเจราจาระหว่างรัฐบาลพม่ากับชนกลุ่มน้อยดังกล่าวนอกจากนี้ ได้มีการหยิบยกเรื่องการรื้อฟื้นนิคมอุตสาหกรรมชายแดน ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาแรงงานผิดกฎหมายพม่าในไทย โดยการสร้างแรงงานในเขตพม่าบริเวณชายแดน และการเปิดจุดผ่านแดนที่ด่านเจดีย์สามองค์ ซึ่งทางพม่าได้ปิดมาเป็นปี ทั้งนี้ ทางพม่าแจ้งว่าที่ยังไม่สามารถเปิดได้เนื่องจากยังสร้างอาคารให้เจ้าหน้าที่พม่ายังเสร็จสิ้นในโอกาสนี่ นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีพม่าได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลงการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างไทยกับพม่า เพื่อสร้างเสริมสภาวะที่เอื้ออำนวยต่อการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศ และจะมีส่วนช่วยกระตุ้นความคิดริเริ่มทางธุรกิจรายบุคคล อีกด้วย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--