รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มต่าง ๆ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน แต่อยากให้ทุกฝ่ายใช้กลไกรัฐสภามาดำเนินการ ซึ่งจะเป็นช่องทางระงับความขัดแย้งได้
เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันที่ 28 มีนาคมนี้ว่า เรื่องนี้ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ เพราะได้ติดตามข่าวสารมาโดยตลอด ซึ่งในส่วนของรัฐบาลเห็นว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ เองก็เป็นประโยชน์ แต่รัฐบาลก็ยังจะเดินหน้าทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองต่อไป หากไม่สามารถทำงานได้ เพราะการเคลื่อนไหวของบางกลุ่มก็จะทำให้การแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองลำบาก
ส่วนที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) รวมทั้งกลุ่มนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน เตรียมการเคลื่อนไหวเพื่อชนกับกลุ่มพันธมิตรฯ นั้นจะมีการไปทำความ เข้าใจหรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องดูว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน รัฐบาลชุดนี้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยที่ไม่มีกลุ่มมวลชนใด ๆ ติดปลายนวมมาด้วย เราเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยล้วนๆ แต่ก็เริ่มมีสัญญาณจะไม่ให้รัฐบาลทำงาน โดยอ้างว่ารัฐบาลไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งๆ ที่ทำงานมาได้เพียงเดือนเศษๆ จึงขอให้ประชาชนช่วยพิจารณาว่าอะไรเป็นต้นเหตุของการทำให้บ้านเมืองเกิดปัญหา อย่างไรก็ตาม ถือเป็นภาระของรัฐบาลที่ต้องทำให้บรรยากาศดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จึงขอร้องทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนก็ตามได้ให้ความร่วมมือกับการพัฒนาประเทศ และการที่ทั้งสองกลุ่มได้ขอใช้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นสถานที่ชุมนุม ก็คงไม่มีปัญหา ถือเป็นการแสดงความเห็นที่ไม่ตรงกัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องยกพวกตีกัน เพียงแต่ขอร้องว่าแต่ละฝ่ายต้องพยายามสำรวมกิริยาให้มากที่สุด ไม่ทำให้ความขัดแย้งบานปลายจนเกิดความเสียหายกับประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าพรรคพลังประชาชนจะให้กลุ่มของนายประชาฯ ดำเนินการตามสิทธิที่มีใช่หรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประชาชนทุกคนมีสิทธิแสดงความเห็นของตัวเอง รัฐบาลก็มีหน้าที่ดูแลไม่ให้การแสดงออกเกินเลยจนเป็นการละเมิดสิทธิคนอื่นหรือสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายให้กับสังคม รัฐบาลจะดูแลในแง่นี้มากกว่า ส่วนจะไปบอกว่าใครควรจะทำอะไรนั้นรัฐบาลนี้คงทำไม่ได้ เพราะไม่ได้มาจากการรัฐประหารแต่มาจากการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่หลายฝ่ายเกรงว่าอาจจะเกิดความขัดแย้งบานปลายนั้น รัฐบาลได้คุยกันเป็นการภายในแล้ว ทั้งนี้ อยากให้ทุกฝ่ายรวมทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ ใช้กลไกในระบบรัฐสภามากกว่า หากใครไม่พอใจรัฐบาล ก็ควรใช้ระบบรัฐสภาดำเนินการแทน ซึ่งถือเป็นช่องทางที่จะระงับความขัดแย้งได้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันที่ 28 มีนาคมนี้ว่า เรื่องนี้ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ เพราะได้ติดตามข่าวสารมาโดยตลอด ซึ่งในส่วนของรัฐบาลเห็นว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ เองก็เป็นประโยชน์ แต่รัฐบาลก็ยังจะเดินหน้าทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองต่อไป หากไม่สามารถทำงานได้ เพราะการเคลื่อนไหวของบางกลุ่มก็จะทำให้การแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองลำบาก
ส่วนที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) รวมทั้งกลุ่มนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน เตรียมการเคลื่อนไหวเพื่อชนกับกลุ่มพันธมิตรฯ นั้นจะมีการไปทำความ เข้าใจหรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องดูว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน รัฐบาลชุดนี้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยที่ไม่มีกลุ่มมวลชนใด ๆ ติดปลายนวมมาด้วย เราเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยล้วนๆ แต่ก็เริ่มมีสัญญาณจะไม่ให้รัฐบาลทำงาน โดยอ้างว่ารัฐบาลไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งๆ ที่ทำงานมาได้เพียงเดือนเศษๆ จึงขอให้ประชาชนช่วยพิจารณาว่าอะไรเป็นต้นเหตุของการทำให้บ้านเมืองเกิดปัญหา อย่างไรก็ตาม ถือเป็นภาระของรัฐบาลที่ต้องทำให้บรรยากาศดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จึงขอร้องทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนก็ตามได้ให้ความร่วมมือกับการพัฒนาประเทศ และการที่ทั้งสองกลุ่มได้ขอใช้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นสถานที่ชุมนุม ก็คงไม่มีปัญหา ถือเป็นการแสดงความเห็นที่ไม่ตรงกัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องยกพวกตีกัน เพียงแต่ขอร้องว่าแต่ละฝ่ายต้องพยายามสำรวมกิริยาให้มากที่สุด ไม่ทำให้ความขัดแย้งบานปลายจนเกิดความเสียหายกับประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าพรรคพลังประชาชนจะให้กลุ่มของนายประชาฯ ดำเนินการตามสิทธิที่มีใช่หรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประชาชนทุกคนมีสิทธิแสดงความเห็นของตัวเอง รัฐบาลก็มีหน้าที่ดูแลไม่ให้การแสดงออกเกินเลยจนเป็นการละเมิดสิทธิคนอื่นหรือสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายให้กับสังคม รัฐบาลจะดูแลในแง่นี้มากกว่า ส่วนจะไปบอกว่าใครควรจะทำอะไรนั้นรัฐบาลนี้คงทำไม่ได้ เพราะไม่ได้มาจากการรัฐประหารแต่มาจากการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่หลายฝ่ายเกรงว่าอาจจะเกิดความขัดแย้งบานปลายนั้น รัฐบาลได้คุยกันเป็นการภายในแล้ว ทั้งนี้ อยากให้ทุกฝ่ายรวมทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ ใช้กลไกในระบบรัฐสภามากกว่า หากใครไม่พอใจรัฐบาล ก็ควรใช้ระบบรัฐสภาดำเนินการแทน ซึ่งถือเป็นช่องทางที่จะระงับความขัดแย้งได้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--