วันนี้ (17 พฤษภาคม 2565) เวลา 08.15 น. นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบปะและร่วมหารือตามข้อเรียกร้องนโยบายสวัสดิการเงินอุดหนุนเด็กเล็กถ้วนหน้า ตามมติคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (กดยช.) และมาตรการด้านป้องกันและเยียวยาเด็กเล็กอายุ 0-6 ปี จากสถานการณ์โควิด-19 โดยมี นางสุนี ไชยรส ผู้แทนคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเงินอุดหนุนเด็กเล็กสู่ถ้วนหน้า 301 องค์กร นำคณะร่วมหารือด้วย
คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเงินอุดหนุนเด็กเล็กสู่ถ้วนหน้า 301 องค์กรได้มีข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เร่งดำเนินการจัดสวัสดิการเงินอุดหนุนเด็กเล็กอายุ 0-6 ปี แบบถ้วนหน้า เดือนละ 600 บาท/คน ให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชน (กดยช.) โดยเริ่มดำเนินการในปี 2565 ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม และการดูแลเด็กเล็กอายุ 0-6 ปี ที่ครอบครัวได้รับผลกระทบ เช่น รายได้ลดมากกว่า 81% รายจ่ายเพิ่มขึ้นกว่า 50% เป็นหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้น เด็กเล็กเข้าไม่ถึงบริการด้านสวัสดิการและสาธารณสุข ขณะที่ศูนย์เด็กเล็กหลายแห่งปิด ส่งผลต่อการเกิดภาวะขาดสารอาหาร ทุโภชนาการ และพัฒนาการทางร่างกายช้ากว่าที่ควร แม้ที่ผ่านมารัฐบาลโดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มีโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดตั้งแต่ปี 2558 และขยายความคุ้มครองแก่เด็กเล็กมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อคุ้มครองเด็กแรกเกิด 0-6 ปี ในวงเงิน 600 บาท/เดือน แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการสนับสนุนและส่งเสริมการเลี้ยงดูเด็กเล็กอย่างมีคุณภาพในสถานการณ์ปัจจุบัน
นอกจากนี้ คณะยังได้เสนอมาตรการป้องกันและช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวเด็กเล็กที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 2 ระดับ คือ 1) มาตรการเชิงรุก โดยครอบครัวและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องได้รับการดูแลป้องกันจากสถานการณ์โรคระบาดดังกล่าว เช่น การได้รับวัคซีนทั่วถึง 2) มาตรการลดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตเด็กเล็กจากการที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก/สถานดูแลเด็กเล็กถูกปิด โดยควรได้รับการสนับสนุนด้านโภชนาการที่เหมาะสม เป็นต้น
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงต่อพัฒนาการของเด็กทุกช่วงวัยโดยเฉพาะเด็กแรกเกิดที่ต้องได้รับการดูแลเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด อย่างเช่นการจัดสรรงบประมาณเพื่อคุ้มครองเด็กแรกเกิด 0-6 ปี ในวงเงิน 600 บาท/เดือน สำหรับข้อเรียกร้องที่ได้รับวันนี้ตนจะนำกราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรี และหารือ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีย้ำว่าเด็กและเยาวชนเป็นกลุ่มที่ประเทศต้องให้ความสำคัญทุกระดับ เพราะพวกเขาเปรียบดังอนาคตและพลังสำคัญของประเทศชาติ ตนเชื่อมั่นว่าในนามของรัฐบาลจะมีการแก้ปัญหาและสนับสนุนอย่างเหมาะสม เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต
ที่มา: http://www.thaigov.go.th