วันนี้ (20 พฤษภาคม 2565) เวลา 09.30 น. 2565 ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ครั้งที่ 8/2565 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าสถานการณ์การติดเชื้อโควิด - 19 ของประเทศมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือของประชาน และทุกภาคส่วนในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่กำหนด ทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี และเป็นไปในทิศทางที่คาดการณ์ไว้ในการเข้าสู่โรคประจำถิ่น พร้อมกันนี้ประเทศไทยยังได้รับการยอมรับจากกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ให้เป็นที่ตั้งของสำนักงานเลขาธิการของศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ (ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases: ACPHEED) โดยมีกำหนดเปิดสำนักงาน ประมาณเดือนสิงหาคม 2565
นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีที่ไทยได้รับการจัดอันดับจากองค์กรต่าง ๆ เช่น 1) การได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความมั่นคงด้านสุขภาพเป็นอันดับที่ 5 จากทั้งหมด 195 ประเทศ โดยเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศเดียวที่อยู่ใน 10 อันดับแรกของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ของเอเชีย ที่มีความพร้อมในการรับมือการระบาดของโรคมากที่สุด ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ให้ความเชื่อมั่นประเทศไทย ให้เป็นประเทศลำดับที่ 3 ในการเข้าร่วมจัดกิจกรรมนำร่องทบทวนการเตรียม ความพร้อมกรณีภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อพัฒนาเครื่องมือรองรับวิกฤติด้านสาธารณสุขทั่วโลก เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) และเป็นประเทศนำร่องที่จะได้เผยแพร่ประสบการณ์สู่สาธารณะในการประชุมสมัชชาอนามัยโลก 2565 2) การได้รับการจัดอันดับให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวลำดับที่ 4 ที่น่าเดินทางไปเยือนมากที่สุดในโลก จากผลสำรวจเกี่ยวกับแผนการท่องเที่ยวระดับโลกของวีซ่า (Visa Global Travel Intentions Study) โดยเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมในไทยที่นักท่องเที่ยวค้นหาข้อมูลผ่านออนไลน์มากที่สุด คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 3) การได้รับการจัดอันดับจากเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ทราเวล โพรเทกชั่น (Berkshire Hathaway Travel Protection) ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยการเดินทางของสหรัฐอเมริกา จัดอันดับให้ประเทศไทยเป็นประเทศอันดับที่ 8 ของโลกที่มีความปลอดภัยด้านท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันให้คะแนนด้านความปลอดภัยในการเดินทางมากที่สุด เป็นอันดับที่ 3 ของเอเชีย รองจากประเทศญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ส่วนในภูมิภาคอาเซียนถือว่าประเทศไทยเป็นอันดับที่ 1 ที่ได้รับคะแนนความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว
นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำให้กระทรวงศึกษาธิการกำกับดูแลสถานการณ์การเชื้อโควิด - 19 หลังจากที่ได้มีการเปิดภาคเรียนเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยการบริหารจัดการให้เด็กนักเรียนได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ให้ได้มากที่สุด และพิจารณาแนวทาง การจัดการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสเรียนแบบออนไซต์ (On Site) มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งสร้างความมั่นใจกับประชาชนในระบบสาธารณสุขและการรักษาพยาบาลเพื่อให้ก้าวเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นได้ โดยให้เตรียมการด้านการรักษาพยาบาล ยา เวชภัณฑ์ และบุคลากรทางการแพทย์ ให้พร้อมตลอดเวลา รวมถึงการเข้าสู่ระบบการรักษาได้โดยง่าย เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่า หากติดเชื้อโควิด - 19 แล้ว อาการไม่รุนแรง สามารถเข้าถึงระบบการรักษาพยาบาลได้ และมียารักษาอาการได้อย่างเพียงพอ
นายกรัฐมนตรีขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันดำเนินการขับเคลื่อนเรื่องนี้จนได้รับผลสำเร็จทำให้ประเทศไทยเป็นที่ตั้งของสำนักงานเลขาธิการของศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ (ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases: ACPHEED) พร้อมขอเป็นกำลังใจการปฏิบัติหน้าที่ของทุกคนเพื่อร่วมกันดำเนินการต่อไปโดยขอให้ประชาชทุกคนร่วมมือกันทุกอย่างก็จะสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
1) การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป
- พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 0 จังหวัด - พื้นที่ควบคุมสูงสุด 0 จังหวัด - พื้นที่ควบคุม 0 จังหวัด
- พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือ) 46 จังหวัด
- พื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) 14 จังหวัด
- พื้นที่สีฟ้านำร่องการท่องเที่ยว 17 จังหวัด
2) การผ่อนคลายมาตรการ โดยอนุญาตให้ สถานบริการ สถานบันเทิง หรือสถานประกอบการคล้ายกัน เปิดให้บริการเฉพาะในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (พื้นที่สีฟ้า) และพื้นที่เฝ้าระวัง (พื้นที่สีเขียว) เริ่มวันที่ 1 มิถุนายน 2565 โดยจำกัดเวลาในการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และการให้บริการ ไม่เกิน 24.00 น. และห้ามบุคคลที่ยังไม่รับวัคซีน/ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ เข้าใช้บริการ บริการ รวมถึงแนะนำให้ประชากรกลุ่ม 608 หลีกเลี่ยงการเข้ารับบริการ ทั้งนี้ การเปิดให้บริการต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. แล้วแต่กรณี 3) คงมาตรการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร หรือสถานที่ที่มีลักษณะเดียวกัน ทั้งในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว พื้นที่เฝ้าระวัง และพื้นที่เฝ้าระวังสูง โดยจำกัดเวลาในการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไม่เกิน 24.00 น. และจำกัดประเภทร้านอาหารที่บริโภค เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้ ต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop COVID 2 Plus หรือตามมาตรการ COVID Free Setting
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการตรวจติดตามประเมินผลการดำเนินการการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขของสถานบริการและสถานประกอบการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการตรวจติดตามดูแลกลุ่มเด็กนักเรียน/นักศึกษาซึ่งขณะนี้ได้มีการเปิดเทอมแล้ว กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย และกลุ่มสถานบริการบันเทิงต่าง ๆ เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อด้านสุขภาพและเศรษฐกิจตามมาภายหลังอีก
-------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th