วันที่ 26 พ.ค. 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระหว่างการเข้าร่วมประชุมสมัชชาอนามัยโลก (WHA) สมัยที่ 75 ที่นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้ร่วมกับนาย Tedros Adhanom Ghrebreyesus ผู้อำนวยการใหญ่ องค์การอนามัยโลก (WHO) เป็นสักขีพยานการลงนามในข้อตกลง Standard Material Transfer Agreement 1 (SMTA1) ระหว่างประเทศไทยและ WHO ตามโครงการพัฒนาระบบศูนย์กลางทางชีวภาพ หรือ WHO Biohub system
สำหรับผู้แทนลงนามจากทั้ง 2 ฝ่ายประกอบด้วย นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และ ดร.Jaouad Mahjour ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ด้านการเตรียมความพร้อมสำหรับภาวะฉุกเฉินและกฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ
นายอนุทิน กล่าวภายหลังเป็นสักขีพยานการลงนามว่า ไทยและ WHO ได้เริ่มหารือกันเกี่ยวกับความร่วมมือนี้ในช่วงการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยพิเศษ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.-2 ธ.ค. 2564 จากนั้นคณะทำงานทั้ง 2 ฝ่ายได้ดำเนินการหารือในรายละเอียด จัดทำข้อตกลงและสามารถลงนามได้ในครั้งนี้ โดยประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 ประเทศแรกที่ร่วมลงนามกับ WHO
?การที่ประเทศไทยได้ลงนามความร่วมมือกับ WHO เป็นประเทศแรกๆ นี้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมและขีดความสามารถในด้านห้องปฏิบัติการของประเทศไทย ที่มีมาตรฐานระดับสากล ทั้งการถอดรหัสพันธุกรรม การเพาะและส่งต่อเชื้อโรคใหม่ๆ ด้วยมาตรฐานระดับสูง? นายอนุทิน กล่าว
สำหรับ ความร่วมมือในครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องด้วยบทเรียนจากการระบาดใหญ่ของโควิด19 ที่แสดงให้เห็นว่าประชาคมโลกอาจถูกคุกคามจากโรคต่าง ๆ ได้ในอนาคต ทั่วโลกจำเป็นต้องร่วมมือกันในรูปแบบต่างๆ มากยิ่งขึ้น WHO ประเทศไทย และสมาชิก WHO บางประเทศ จึงเห็นพ้องว่าควรจะมีการตั้งระบบศูนย์กลางทางชีวภาพ (Biohub system) เพื่อรวบรวมเชื้อต่าง ๆ ที่อุบัติขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางในการศึกษาวิจัยเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล องค์ความรู้ที่จะรับมือกับโรคได้รวดเร็ว นำไปสู่การวิจัยให้ได้ยา วัคซีนหรือแนวทางการป้องกัน รักษาโรคที่มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ SMTA1 เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับกระบวนการเก็บและการส่งเชื้อด้วยมาตรฐานระดับสูง โดยประเทศไทยจะส่งเชื้อให้ WHO ตามความสมัครใจ (Voluntary Sharing) จากนั้น WHO จะนำเชื้อไปใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่สามารถใช้เพื่อการค้า (Non-Commercial Public Health Purpose) เมื่อสามารถผลิตยา วัคซีนได้ จะต้องมีแนวทางการกระจายยาหรือวัคซีนที่ได้ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกโดยไม่แสวงหากำไร ซึ่ง WHO Biohub นี้ จะเป็นการส่งเสริมและสนับสนุน ความเสมอภาคในการเข้าถึงยา/วัคซีน เพื่อต่อสู้กับโรคระบาดของทุกประเทศไปด้วยกัน ไม่ทิ้งประเทศใด โดยเฉพาะประเทศยากจนไว้ข้างหลัง
ที่มา: http://www.thaigov.go.th