วันนี้ (28 พ.ค.65) เวลา 17.15 น. ณ หอประชุมกองทัพเรือ ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมผ้าไหม ไหมไทยสู่เส้นทางโลก ครั้งที่ 11 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 พร้อมเยี่ยมชมบูธแสดงสินค้าผ้าไหม นิทรรศการการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และผลงานการประกวด The Next Big silk Designer Contest โดยมี นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสถานทูตประจำประเทศไทย จำนวน 77 ประเทศ และสถานกงสุลประจำประเทศไทยจำนวน 23 ประเทศ รวม 100 ประเทศ เข้าร่วมงานด้วย
โอกาสนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ด้วยเหตุนายกรัฐมนตรีเพิ่งเดินทางกลับจากการประชุมและปฏิบัติภารกิจในประเทศญี่ปุ่นจึงไม่สามารถเดินทางมาเป็นประธานเปิดงานในวันนี้ จึงได้มอบหมายให้มาปฏิบัติภารกิจในนามของนายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2565 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดดำเนินโครงการมหกรรมผ้าไหม ไหมไทยสู่เส้นทางโลก ครั้งที่ 11 เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ซึ่งเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติในนามของรัฐบาล โดยดำเนินการร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสมาคมส่งเสริมผ้าไหมและวัฒนธรรมไทย นับเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้มีการเผยแพร่พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เรื่องการส่งเสริมและสนับสนุนผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ อันจะส่งผลให้เกิดความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อเกษตรกรผู้ปลูกหม่อน เลี้ยงไหมทั่วประเทศให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
สำหรับโครงการมหกรรมผ้าไหม ไหมไทยสู่เส้นทางโลก ครั้งที่ 11 เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุล ในการส่งเสริมและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมผ่านความสวยงามของผ้าไหมไทย ที่ได้นำไปออกแบบและตัดเย็บเป็นชุดประจำชาติ ส่งเสริมให้มีความใกล้ชิดระหว่างคณะอาจารย์ นิสิตนักศึกษาชาวไทยที่เข้าร่วมโครงการกับผู้แทนประเทศต่าง ๆ รัฐบาลจึงขอขอบคุณที่ได้ให้โอกาสนิสิตนักศึกษาได้เรียนรู้วัฒนธรรมและประเพณีของประเทศต่าง ๆ นับเป็นโอกาสและประสบการณ์อันมีค่าสำหรับนิสิตนักศึกษาไทย และเป็นการสร้างแรงบันดาลใจในการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีไทยและมรดกอันทรงคุณค่าของไทย รวมทั้งสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ประชาชนชาวไทย
ในตอนท้ายรองนายกรัฐมนตรี กล่าวในนามนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาล ขอบคุณคณะทูตานุทูตและแสดงความยินดีกับความสำเร็จของการดำเนินโครงการมหกรรมผ้าไหม ไหมไทยสู่เส้นทางโลก ครั้งที่ 11 พร้อมขอให้กำลังใจแก่คณะกรรมการจัดงานและผู้ดำเนินโครงการ ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายให้มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีไทย และส่งเสริม Soft Power ที่สำคัญของประเทศไทยคือผ้าไหมไทยสู่นานาประเทศต่อไป
พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลผู้เข้าประกวดในโครงการ The 3rd Next Big Silk Designer Contest 2565 จำนวน 6 รางวัล โดยรองนายกรัฐมนตรีได้เป็นผู้แทนในนามนายกรัฐมนตรีมอบรางวัลชนะเลิศประเภทการออกแบบชุดผ้าไหมร่วมสมัย พร้อมเงินรางวัลจำนวน 200,000 บาท และโล่รางวัลให้แก่ผู้ชนะเลิศจากจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้แก่ นายธนพล โสมทรัพย์ และนายณัฐพล ทองดี
ทั้งนี้ กิจกรรมที่สำคัญภายในงานคือการเดินแฟชั่นโชว์ โดยตัวแทนรัฐบาลไทย ซึ่งได้แก่ปลัดกระทรวงต่าง ๆ จำนวนกว่า 10 กระทรวง พร้อมเอกอัครราชทูต อุปทูต และผู้แทนประเทศต่าง ๆ รวม 100 ประเทศ ร่วมเดินแบบด้วย รวมทั้งมีการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินลูกทุ่งไทยชั้นนำดับประเทศ อาทิ รุ่ง สุริยา สุนารี ราชสีมา ไชยา มิตรชัย ยิ่งยง ยอดบัวงาม หญิงดี ศรีจุมพล และเปาวลี พรพิมล แสดงร่วมกับวงดนตรีของกรมประชาสัมพันธ์ ระหว่างการเดินแบบชุดผ้าไหมไทย ที่มีเอกลักษณ์ของนานาชาติ พร้อมกันนี้ยังได้มีการถ่ายทอดสดผ่านช่องทาง Facebook Live ของช่อง NBT World อีกทั้งยังเผยแพร่ผ่านช่อง Fashion TV เพื่อให้ประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติ 500 ล้านคนทั่วโลก ได้รับชมภาพบรรยากาศภายในงานแฟชั่นโชว์ อลังการระดับโลกอีกด้วย
สำหรับการดำเนินโครงการฯ ในปีนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินโครงการฯ จากเดิมเป็นปีที่ 2 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ผู้ดำเนินโครงการไม่สามารถเชิญชวนดีไซน์เนอร์นานาชาติเข้าร่วมโครงการได้ จึงได้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยเปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา รวมถึงสถาบันการศึกษาด้านการออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอทั่วประเทศ จำนวน 73 สถาบัน ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยจำนวน 20 แห่ง วิทยาลัยการอาชีวศึกษาจำนวน 40 แห่ง และสถาบันออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอภาคเอกชนจำนวน 13 แห่ง รวมมีอาจารย์จำนวน 231 คน นักศึกษาจำนวน 318 คน เข้าร่วมโครงการ โดยมีการออกแบบและตัดเย็บชุดผ้าไหมให้กับคณะทูตานุทูต และนางแบบ นายแบบกิตติมศักดิ์ โดยใช้ผ้าไหมไทยจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ทั้งหมด ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่นิสิต นักศึกษา จะได้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับนานาประเทศ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถานเอกอัครราชทูตและสถาบันการศึกษาในประเทศไทย และยังเป็นการขยายความร่วมมือในด้านการศึกษาและการพาณิชย์ รวมถึงเป็นการเชิญชวนนิสิต นักศึกษา และเยาวชนไทย ให้หันมาอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณีไทยมากยิ่งขึ้น
ที่มา: http://www.thaigov.go.th