วันนี้ (31 พฤษภาคม 2565) เวลา 11.00 น. ณ ห้องนารี 2 ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายมาเร็ก ลิบชีตซกี (H.E. Mr. Marek Libricky) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเช็กประจำประเทศไทย เข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในโอกาสพ้นจากหน้าที่ โดยสรุปสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้
รองนายกรัฐมนตรียินดีที่ได้พบเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเช็กฯ อีกครั้ง และขอบคุณที่ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย ? เช็ก ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง เชื่อมั่นว่าตลอดการปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทยจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดี ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี ยินดีที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีความสัมพันธ์ทางการทูตที่แน่นแฟ้น ซึ่งหวังว่าจะกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือในสาขาที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว การลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการบิน และสาธารณสุข
เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเช็กฯ ขอบคุณรัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการทำงานเสมอมา โดยยินดีที่มีส่วนในการช่วยเพิ่มพูนความร่วมมือกับไทยมากขึ้นอย่างรอบด้าน ไทยถือเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของเช็กในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเชื่อมั่นว่าศักยภาพของทั้งสองประเทศยังสามารถเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมากทั้งในระดับทวิภาคีและต่อยอดไปในระดับพหุภาคี พร้อมชื่นชมการทำงานของรัฐบาลในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 โดยยินดีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางสาธารณสุขร่วมกัน
- ด้านการค้าและการลงทุน รองนายกรัฐมนตรีเชิญชวนนักลงทุนจากเช็กเข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC ในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะในเขตเมืองการบินภาคตะวันออก (Special EEC Zone : Eastern Airport City) ในด้านอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งปัจจุบันไทยมีโครงการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นศูนย์กลางทางการบินของภูมิภาค จึงเล็งเห็นถึงการส่งเสริมลงทุนในอุตสาหกรรมซ่อมบำรุงอากาศยานไทย (Maintenance Repair and Overhaul: MRO) ซึ่งเชื่อมั่นว่า ทั้งสองประเทศมีศักยภาพที่สามารถลงทุนและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเช็กฯ พร้อมสานต่อและจะส่งเสริมให้มีผู้ประกอบการ MRO ในอนาคต โดยเห็นว่าทั้งสองฝ่ายยังมีช่องทางที่จะขยายการลงทุนในประเภทต่าง ๆ ระหว่างกันได้อีกมากเช่นเดียวกัน
- ด้านสาธารณสุข รองนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (MEDICAL HUB) มีการจัดงานแสดงสินค้าสำหรับอุตสาหกรรมทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพต่อเนื่องทุกปี (Thai Medical Expo) ซึ่งไทยมีศักยภาพทั้งด้านการบริการสุขภาพ งานวิชาการและงานวิจัย ตลอดจนการผลิตยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยเฉพาะการใช้กัญชาทางการแพทย์ ซึ่งถือเป็นอีกนโยบายที่รัฐบาลสนับสนุนและอยู่ระหว่างการประยุกต์ใช้ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งไทยยินดีที่จะแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน รวมทั้งยินดีที่จะให้การสนับสนุนวัคซีนโควิด-19 แก่เช็กเพิ่มเติม ตามนโยบายเพื่อสนับสนุนให้ทุกประเทศสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน และยินดีที่จะส่งเสริมความร่วมมือในด้านอุตสาหกรรมโรงพยาบาล โดยเฉพาะการสร้างโรงพยาบาลสมัยใหม่ในจังหวัดสมุทรปราการที่ภาคเอกชนเช็กให้ความสนใจและมีแผนจะลงทุนเพิ่มเติม
- ด้านการท่องเที่ยว รองนายกรัฐมนตรีหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถสานต่อความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวได้ภายในปีนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงหลังสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเช็กถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวไทย เนื่องจากเป็นประเทศที่มีภูมิประเทศที่สวยงาม ซึ่งไทยพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ตลอดจนรัฐบาลกำลังพิจารณาผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้านเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเช็กฯ กล่าวว่า ไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวเช็กเช่นเดียวกัน.โดยคาดหวังว่าภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จะมีการเส้นทางบินระหว่างสองประเทศได้โดยเร็ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกัน
ที่มา: http://www.thaigov.go.th