วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน 2565) เวลา 11.20 น. ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานและกล่าวปาฐกถาในพิธีเปิดงานสัมมนาการบริหารจัดการน้ำนานาชาติ ?Water and Waste Management International Conference & Expo Thailand: Water for Life? ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้เป็นประธานการสัมมนาการบริหารจัดการน้ำนานาชาติ ประจำปี 2565 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ชื่นชม คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธานโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการฯ จนประสบความสำเร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรม เกิดหลักสูตรการศึกษา ?ชลกร? ในวิทยาลัยอาชีวะเกษตรเป็นครั้งแรกในประเทศไทย รวมถึงการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการสัมมนาฯ ในครั้งนี้
รัฐบาลให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบและยั่งยืน โดยกำหนดเป็นวาระเร่งด่วนของประเทศ และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และแนวพระราชดำริด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำมาเป็นเข็มทิศในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์จากน้ำตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ซึ่งมีเป้าหมายให้ทุกหมู่บ้านมีน้ำสะอาดอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อการผลิตมั่นคง ความเสียหายจากอุทกภัยลดลง คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนภายใต้การพัฒนาอย่างสมดุล โดยมีกลไกในการขับเคลื่อนแผนแม่บทที่สำคัญ ได้แก่ คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ โดย พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการลุ่มน้ำทั้ง 22 ลุ่มน้ำของประเทศ และมีเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อน 6 เครื่องมือ ได้แก่ 1) แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 2) พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 3) ระบบบูรณาการแผนงานและโครงการไทย วอเตอร์ แพลน (Thai Water Plan) 4) ผังน้ำและการใช้ประโยชน์ที่ดินในขอบเขตผังน้ำ 5) ปฏิทินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และ 6) ศูนย์ข้อมูลน้ำแห่งชาติ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รวมทั้งรัฐบาลได้ดำเนินนโยบายในการพัฒนากลไกและส่งเสริมการใช้นวัตกรรมด้านน้ำ เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG ลดการใช้ และเพิ่มการหมุนเวียนน้ำในทุกภาคการผลิต รวมทั้งสื่อสารข้อมูลสร้างความตระหนักถึงการใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่า ตลอดจนส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และดูแลรักษาป่าต้นน้ำ การกักเก็บน้ำอย่างเหมาะสม เพื่อสร้างหลักประกันการเข้าถึง และใช้ประโยชน์จากน้ำอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจากการดำเนินการทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ตั้งแต่ปี 2562 - 2564 มีสถิติความเสียหายจากอุทกภัยลดลง และในปี 2563 - 2564 ไม่มีพื้นที่ที่ต้องประกาศว่าเป็นเขตประสบภัยแล้ง นอกจากนี้ รัฐบาลยังเดินหน้าพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำ และสนับสนุนโครงการในพระราชดำริที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เพื่อให้ประเทศไทยมีความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และเพื่อป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งระบบจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยสิ่งสำคัญคือ มีองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และร่วมกันบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งภายในประเทศ และกับพันธมิตรต่างประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้สัมฤทธิ์ผล รัฐบาลจึงได้เน้นย้ำให้หน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องบูรณาการองค์ความรู้กับทุกหน่วยงาน และองค์กร เพื่อร่วมกันพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการลุ่มน้ำ และเครือข่ายองค์กรผู้ใช้น้ำ ให้เป็นข้อกลางที่แข็งแรงและยืดหยุ่น เชื่อมโยงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศให้สัมฤทธิ์ผล รวมถึงเสริมสร้างศักยภาพของภาครัฐและภาคเอกชน และสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ เข้าถึงข้อมูล และร่วมเป็นพลังในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศไทยและของโลกที่แข็งแรงต่อไป
โดยนายกรัฐมนตรีได้อวยพรให้การสัมมนาประสบความสำเร็จ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้องค์ความรู้ การเก็บน้ำ การใช้น้ำ รวมถึงการจัดหาน้ำให้ตรงตามความต้องการ และอาชีพของประชาชน เป็นคุณูปการแก่ทุกฝ่ายเพื่อประโยชน์ของทุกประเทศ
อนึ่ง งานสัมมนาการบริหารจัดการน้ำนานาชาติ ปี 2565 จัดขึ้นที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 16 - 17 มิถุนายน 2565 โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทย รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำจากหลายประเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องได้รับองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำที่เป็นสากล และสานต่อแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ที่มา: http://www.thaigov.go.th