นายกรัฐมนตรีเผยรัสเซียต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานของรัสเซียในภูมิภาคนี้ เตรียมเยือนรัสเซียเจรจาซื้อน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ในราคาที่ยุติธรรม
เมื่อเวลา 12.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม. ได้หารือกันถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ขณะนี้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งราคาสินค้าทั่วไป และราคาสินค้าทางการเกษตรก็ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ มีคนบอกว่าราคาสินค้าเกษตรขึ้น รัฐบาลควรจะพอใจ ซึ่งตนบอกว่าคงจะพอใจไม่ได้ ถ้าหากว่าราคาสินค้าขึ้นไม่เท่ากัน ดังนั้น จึงได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักเศรษฐกิจการพาณิชย์ ไปร่วมประชุมทางวิชาการเพื่อดูว่าทำไมราคาสินค้า และการจับจ่ายในประเทศอื่น อาทิ จีน ญี่ปุ่น จึงไปด้วยกันได้ มาตรการอย่างไรที่จะทำให้ทั้งคนขาย คนจ่ายอยู่ในฐานะที่เท่าเทียม เพราะปัจจุบันของไทยยังไม่มีความเท่าเทียม ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะไปตรวจสอบก่อน และไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณอะไรทั้งสิ้น แต่ควรจะเข้าสู่ระบบสากล
ผู้สื่อข่าวถึงการเตรียมรับมือวิกฤติราคาน้ำมัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ทุกประเทศได้รับความเดือดร้อน และเมื่อวานนี้ (17 มี.ค.) ได้หารือกับนาย Yevgeny V. Afanasiev เอกอัครราชทูตสหพันธรัฐรัสเซียประจำประเทศไทย ซึ่งรัสเซียมีน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ อยู่ทางมหาสมุทรแปซิฟิก และรัสเซียยินดีให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง (HUP) ทุกอย่างจะเข้ามาประเทศไทยก่อนทั้งน้ำมันดิบและก๊าซ จากนั้นจะจำหน่ายให้กับประเทศรอบ ๆ ไทย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางรัสเซียอยู่ระหว่างการเปลี่ยนตัวประธานาธิบดีใหม่ ซึ่งคนคิดเรื่องนี้คืออดีตประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งนายปูตินก็จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี อีกครั้ง โดยขั้นตอนคงต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2 เดือน คือเดือนพฤษภาคม ถึงจะมีการแต่งตั้ง ทั้งนี้ ได้แจ้งให้ทูตรัสเซียทราบว่า เมื่อมีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเสร็จเรียบร้อย จะเดินทางไปเยือนรัสเซียทันที เพื่อเจรจาในเรื่องของน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ โดยจะขอซื้อพลังงานทั้ง 2 อย่างในราคาที่ยุติธรรม ซึ่งถือว่ามีเหตุผล อย่างน้อยที่สุดเราจะสามารถรู้ได้ว่าราคาจะอยู่ในขอบเขตไหน ต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ก็น่าจะพออยู่กันได้ วันนี้ได้สั่งการให้แต่ละหน่วยงานทั้งสองประเทศได้ติดต่อกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแก้ปัญหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็พยายามทำกันอยู่ วันนี้ราคาน้ำมันม่วงสำหรับชาวประมง ทางกระทรวงพลังงานเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด โดยมีการนำน้ำมันม่วงมาจำหน่ายลดราคาจากธรรมดาลิตรละ 2 บาทที่บริเวณชายฝั่งทะเล ส่วนน้ำมันเขียวในประเทศที่แพงนั้น เรือประมงวิ่งออกไป 24 ไมล์ทะเลเพื่อเติมน้ำมันที่ราคาถูกกว่า 5-6 บาท ได้ เป็นน้ำมันที่ไม่เสียภาษี สำหรับมาตรการการช่วยเหลือประชาชนคงต้องให้ประชาชนช่วยกัน โดยเฉพาะเรื่องของการประหยัดที่เป็นเรื่องความรู้สึกของแต่ละบุคคล ถ้าถามตนวันนี้ก็ใช้รถยนต์น้อยลง ส่วนคนอื่นจะทำอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับสภาพและปัจจัยต่างๆ คนเป็นเศรษฐีจะทำอะไรคงไม่ไปห้าม เรื่องนี้ต้องปล่อยไปตามธรรมชาติ แต่ขอแนะนำว่าสถานการณ์อย่างนี้ก็ควรต้องประหยัด ส่วนมาตรการการปิด-เปิดไฟเป็นเวลาไม่น่าจะเกิดประโยชน์อะไร
ส่วนมาตรการช่วยเหลือระบบขนส่งนั้น ในส่วนของบริษัทเชิดชัยทัวร์ นางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารแห่งประเทศไทยที่จะขอเพิ่มราคาค่าโดยสาร 9 สตางค์ต่อกิโลเมตร ซึ่งจะพูดคุยกันหลังเทศกาลสงกรานต์ เพียงแต่วันนี้เรายังต้องแบกราคาสินค้าที่แพงอยู่เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ธนาคารเพื่อการลงทุนชื่อดังของสหรัฐอเมริกาประกาศซื้อบริษัทแบร์สเติร์น จนทำให้นักลงทุนตระหนกจะมีผลกระทบกับประเทศไทยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้ข่าวมา 3 วันแล้ว คิดว่าจะแสดงความรู้ในรายการสนทนาประสาสมัครดีหรือไม่ แต่ก็มาคิดว่าเรื่องปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ ของสหรัฐฯ (sub-prime) จะมีผลกับประเทศไทยหรือไม่ อย่างประเทศอื่น ๆ กระทบทำให้หุ้นตกไป 4-5 เปอร์เซ็นต์ แต่ประเทศไทยกระทบแค่ 1 เปอร์เซ็นต์กว่า
นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการพิจารณาปรับแผนการใช้งบประมาณฯ ปี 2551 นั้น ได้กำชับว่าถ้าของเก่าดีถูกต้องก็ต้องปล่อยเดินหน้าต่อไป แต่ถ้าหากไม่ดีไม่ถูกต้องรอได้ และนโยบายเราสำคัญกว่าก็ค่อยพูดคุยกันภายหลัง ส่วนปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกานั้น คิดว่าไม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจของไทย และหากจะมีผลกระทบบ้างก็คงไม่มาก ทั้งนี้ ฝ่ายที่รับผิดชอบบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ต้องกลัวอะไร เพราะมีการดูแลอยู่
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเวลา 12.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม. ได้หารือกันถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ขณะนี้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งราคาสินค้าทั่วไป และราคาสินค้าทางการเกษตรก็ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ มีคนบอกว่าราคาสินค้าเกษตรขึ้น รัฐบาลควรจะพอใจ ซึ่งตนบอกว่าคงจะพอใจไม่ได้ ถ้าหากว่าราคาสินค้าขึ้นไม่เท่ากัน ดังนั้น จึงได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักเศรษฐกิจการพาณิชย์ ไปร่วมประชุมทางวิชาการเพื่อดูว่าทำไมราคาสินค้า และการจับจ่ายในประเทศอื่น อาทิ จีน ญี่ปุ่น จึงไปด้วยกันได้ มาตรการอย่างไรที่จะทำให้ทั้งคนขาย คนจ่ายอยู่ในฐานะที่เท่าเทียม เพราะปัจจุบันของไทยยังไม่มีความเท่าเทียม ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะไปตรวจสอบก่อน และไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณอะไรทั้งสิ้น แต่ควรจะเข้าสู่ระบบสากล
ผู้สื่อข่าวถึงการเตรียมรับมือวิกฤติราคาน้ำมัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ทุกประเทศได้รับความเดือดร้อน และเมื่อวานนี้ (17 มี.ค.) ได้หารือกับนาย Yevgeny V. Afanasiev เอกอัครราชทูตสหพันธรัฐรัสเซียประจำประเทศไทย ซึ่งรัสเซียมีน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ อยู่ทางมหาสมุทรแปซิฟิก และรัสเซียยินดีให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง (HUP) ทุกอย่างจะเข้ามาประเทศไทยก่อนทั้งน้ำมันดิบและก๊าซ จากนั้นจะจำหน่ายให้กับประเทศรอบ ๆ ไทย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางรัสเซียอยู่ระหว่างการเปลี่ยนตัวประธานาธิบดีใหม่ ซึ่งคนคิดเรื่องนี้คืออดีตประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งนายปูตินก็จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี อีกครั้ง โดยขั้นตอนคงต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2 เดือน คือเดือนพฤษภาคม ถึงจะมีการแต่งตั้ง ทั้งนี้ ได้แจ้งให้ทูตรัสเซียทราบว่า เมื่อมีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเสร็จเรียบร้อย จะเดินทางไปเยือนรัสเซียทันที เพื่อเจรจาในเรื่องของน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ โดยจะขอซื้อพลังงานทั้ง 2 อย่างในราคาที่ยุติธรรม ซึ่งถือว่ามีเหตุผล อย่างน้อยที่สุดเราจะสามารถรู้ได้ว่าราคาจะอยู่ในขอบเขตไหน ต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ก็น่าจะพออยู่กันได้ วันนี้ได้สั่งการให้แต่ละหน่วยงานทั้งสองประเทศได้ติดต่อกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแก้ปัญหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็พยายามทำกันอยู่ วันนี้ราคาน้ำมันม่วงสำหรับชาวประมง ทางกระทรวงพลังงานเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด โดยมีการนำน้ำมันม่วงมาจำหน่ายลดราคาจากธรรมดาลิตรละ 2 บาทที่บริเวณชายฝั่งทะเล ส่วนน้ำมันเขียวในประเทศที่แพงนั้น เรือประมงวิ่งออกไป 24 ไมล์ทะเลเพื่อเติมน้ำมันที่ราคาถูกกว่า 5-6 บาท ได้ เป็นน้ำมันที่ไม่เสียภาษี สำหรับมาตรการการช่วยเหลือประชาชนคงต้องให้ประชาชนช่วยกัน โดยเฉพาะเรื่องของการประหยัดที่เป็นเรื่องความรู้สึกของแต่ละบุคคล ถ้าถามตนวันนี้ก็ใช้รถยนต์น้อยลง ส่วนคนอื่นจะทำอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับสภาพและปัจจัยต่างๆ คนเป็นเศรษฐีจะทำอะไรคงไม่ไปห้าม เรื่องนี้ต้องปล่อยไปตามธรรมชาติ แต่ขอแนะนำว่าสถานการณ์อย่างนี้ก็ควรต้องประหยัด ส่วนมาตรการการปิด-เปิดไฟเป็นเวลาไม่น่าจะเกิดประโยชน์อะไร
ส่วนมาตรการช่วยเหลือระบบขนส่งนั้น ในส่วนของบริษัทเชิดชัยทัวร์ นางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารแห่งประเทศไทยที่จะขอเพิ่มราคาค่าโดยสาร 9 สตางค์ต่อกิโลเมตร ซึ่งจะพูดคุยกันหลังเทศกาลสงกรานต์ เพียงแต่วันนี้เรายังต้องแบกราคาสินค้าที่แพงอยู่เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ธนาคารเพื่อการลงทุนชื่อดังของสหรัฐอเมริกาประกาศซื้อบริษัทแบร์สเติร์น จนทำให้นักลงทุนตระหนกจะมีผลกระทบกับประเทศไทยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้ข่าวมา 3 วันแล้ว คิดว่าจะแสดงความรู้ในรายการสนทนาประสาสมัครดีหรือไม่ แต่ก็มาคิดว่าเรื่องปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ ของสหรัฐฯ (sub-prime) จะมีผลกับประเทศไทยหรือไม่ อย่างประเทศอื่น ๆ กระทบทำให้หุ้นตกไป 4-5 เปอร์เซ็นต์ แต่ประเทศไทยกระทบแค่ 1 เปอร์เซ็นต์กว่า
นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการพิจารณาปรับแผนการใช้งบประมาณฯ ปี 2551 นั้น ได้กำชับว่าถ้าของเก่าดีถูกต้องก็ต้องปล่อยเดินหน้าต่อไป แต่ถ้าหากไม่ดีไม่ถูกต้องรอได้ และนโยบายเราสำคัญกว่าก็ค่อยพูดคุยกันภายหลัง ส่วนปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกานั้น คิดว่าไม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจของไทย และหากจะมีผลกระทบบ้างก็คงไม่มาก ทั้งนี้ ฝ่ายที่รับผิดชอบบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ต้องกลัวอะไร เพราะมีการดูแลอยู่
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--