นายกรัฐมนตรีระบุคงไม่ตั้งรองนายกรัฐมนตรีดูแลปัญหาภาคใต้ เพราะมีผู้ที่รับผิดชอบดูแลอยู่แล้ว พร้อมย้ำรัฐบาลจะไม่ไปเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบ
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังเดินทางกลับจากการเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ ถึงการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน หากประชุมเสร็จคงจะไม่แถลงว่าจะทำอะไรบ้าง แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรับหน้าที่ไปดำเนินการต่อ ซึ่งที่ผ่านมาทั้งตนเองและร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เคยออกมาพูดถึงการแก้ไขปัญหาภาคใต้ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ดังนั้น จะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยระบุว่ากลัวตายก่อนที่จะลงไปพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะส่งผลทางด้านจิตวิทยาต่อประชาชนและเจ้าหน้าที่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิมฯ เป็นคนชอบพูดความจริง แต่คนเราไม่ค่อยยอมรับความจริง เขาบอกว่าเขากลัวตายก็เท่านั้น เพราะเขาเป็นคนธรรมดา แต่ถ้าร.ต.อ.เฉลิมฯ ประกาศว่า ไม่กลัวตาย คนก็จะบอกว่าร.ต.อ.เฉลิมฯ เก่ง ก็เท่านั้น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องจิตวิทยาใดๆ ส่วนคนที่ไม่กลัวก็เดินทางลงไปด้วย สถานการณ์ทั้งหมดไม่ต้องมีจิตวิทยาอะไรอีกแล้ว เวลานี้เราก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร และกำลังพยายามแก้ปัญหาอยู่ ซึ่งทุกอย่างกำลังจะค่อยยังชั่ว แต่ก็มีเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีก ทั้งนี้ หากสื่อมวลชนไม่เสนอข่าวเอิกเกริกจนเกินไป ก็จะช่วยกันรักษาสถานการณ์ได้ เราไม่ได้ปิดบัง เพราะข่าวก็ยังเป็นข่าว แต่จะพยายามไม่ออกมาพูดอะไร
ต่อข้อถามว่า คิดว่าร.ต.อ.เฉลิมฯ ควรจะลงไปในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่ลงไปประชุมแค่ที่จังหวัดสงขลาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิมฯ ลงไปแล้ว แต่เมื่อร.ต.อ.เฉลิมฯ บอกว่ากลัว ก็เลยประชุมที่จังหวัดสงขลา แต่ถ้าหากร.ต.อ.เฉลิม ฯ กล้าขึ้นมาก็อาจจะลงไปในพื้นที่ก็ได้
ต่อข้อถามว่า นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่บ้างหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ถ้าไปจะไม่บอกให้ใครทราบ เพราะถ้ารู้ทุกคนก็คงไม่ต้องทำงานอะไร ต้องมาคอยดูแลป้องกันนายกฯ ส่วนจะมีการตั้งรองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีคนใดรับผิดชอบพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยตรงหรือไม่คงไม่ต้องตั้ง ใครที่มีหน้าที่ก็จะรับผิดชอบดูแลเอง ทุกคนต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ ส่วน ร.ต.อ.เฉลิมฯ นั้น จะดูแลปัญหายาเสพติด แต่กระทรวงมหาดไทยก็มีนายพระนาย สุวรรณรัฐ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ดูแลศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และมีผู้ว่าราชการจังหวัด 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งคนเหล่านี้ก็ต้องไปดูแล นอกจากนี้ยังมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็มีหน้าที่ดูแลและทำงานกันอยู่ ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิมฯ เสนอแนวคิดให้ทหาร และตำรวจที่เชี่ยวชาญด้านการรบลงไปเป็นปลัดอำเภอในพื้นที่นั้น ขอให้มาบอกกับตนจะได้ช่วยกันคิด เรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน ร.ต.อ.เฉลิมฯ ควรมาพูดกันก่อน หากเจอกันจะถามเรื่องนี้อีกที
“วันนี้คนไทยอยากถามว่าผู้ก่อความไม่สงบต้องการอะไร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีเหตุผล ไม่น่าจะมาทำกับบ้านเมืองเราขนาดนี้ อยากจะให้ผู้สื่อข่าวมีความคิดเหมือนกับพวกเราคนไทยด้วยกัน แล้วเขียนบทความออกมา กลุ่มคนเหล่านี้จะได้รู้สึกว่านี่คือบ้านเมืองของเรา บ้านเมืองของทุกคน แต่ว่าทุกคนบางครั้งก็ทำท่าคล้ายกับเป็นกระบอกเสียงกับฝ่ายที่เคลื่อนไหว เวลาเกิดเหตุก็ทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต จะให้คนใหญ่คนโตลงไป แล้วก็จะเกิดความเสียหายตามมา ผมเป็นนายกรัฐมนตรีที่เลือกวิธีการทำงานแบบนี้ และจะไม่พูดจาซ้ำซากอะไรอีก” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ต่อข้อถามว่า ประชาชนในพื้นที่มองว่ารัฐบาลไม่ใส่ใจในการแก้ไขปัญหาภาคใต้เท่าที่ควร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่บอกว่ารัฐบาลไม่ใส่ใจ ขอรายชื่อได้หรือไม่ว่ามีใครบ้างหรือมีเจ้าหน้าที่คนไหนที่ขวัญกำลังใจเสีย เวลานี้ยังรู้สึกขอบคุณประชาชนอีก 73 จังหวัด ที่ไม่เคยออกปากเลยว่าเขาไม่ได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม ไม่เหมือนคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่รัฐบาลลงไปแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ วิธีการแก้ปัญหาของตนไม่ต้องไปบอกใคร แต่ยืนยันว่าเราแก้ไขเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร ทำงานกันอย่างเต็มเหนี่ยว และได้ฟังขั้นตอน วิธีการการดำเนินการทุกอย่างทั้งหมด เหตุการณ์ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นแล้ว เวลานี้สิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามต้องการคือให้นายกรัฐมนตรีประกาศออกไป แล้วหากพลาดพลั้งอะไรไปก็จะมีการนำไปขยายผลให้เป็นเรื่องนานาชาติ อย่างที่เคยบอกว่ามีความพยายามไปเจรจานอกรอบ เพื่อที่จะให้รัฐบาลไทยไปเจรจากับคน 2 กลุ่มของผู้ก่อความไม่สงบ แต่ยืนยันว่ารัฐบาลไทยไม่ขอเจรจา
ต่อข้อถามว่า มีข่าวว่ารัฐบาลลดเบี้ยเสี่ยงภัยเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะไปดูเรื่องนี้ให้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังเดินทางกลับจากการเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ ถึงการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน หากประชุมเสร็จคงจะไม่แถลงว่าจะทำอะไรบ้าง แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรับหน้าที่ไปดำเนินการต่อ ซึ่งที่ผ่านมาทั้งตนเองและร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เคยออกมาพูดถึงการแก้ไขปัญหาภาคใต้ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ดังนั้น จะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยระบุว่ากลัวตายก่อนที่จะลงไปพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะส่งผลทางด้านจิตวิทยาต่อประชาชนและเจ้าหน้าที่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิมฯ เป็นคนชอบพูดความจริง แต่คนเราไม่ค่อยยอมรับความจริง เขาบอกว่าเขากลัวตายก็เท่านั้น เพราะเขาเป็นคนธรรมดา แต่ถ้าร.ต.อ.เฉลิมฯ ประกาศว่า ไม่กลัวตาย คนก็จะบอกว่าร.ต.อ.เฉลิมฯ เก่ง ก็เท่านั้น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องจิตวิทยาใดๆ ส่วนคนที่ไม่กลัวก็เดินทางลงไปด้วย สถานการณ์ทั้งหมดไม่ต้องมีจิตวิทยาอะไรอีกแล้ว เวลานี้เราก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร และกำลังพยายามแก้ปัญหาอยู่ ซึ่งทุกอย่างกำลังจะค่อยยังชั่ว แต่ก็มีเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีก ทั้งนี้ หากสื่อมวลชนไม่เสนอข่าวเอิกเกริกจนเกินไป ก็จะช่วยกันรักษาสถานการณ์ได้ เราไม่ได้ปิดบัง เพราะข่าวก็ยังเป็นข่าว แต่จะพยายามไม่ออกมาพูดอะไร
ต่อข้อถามว่า คิดว่าร.ต.อ.เฉลิมฯ ควรจะลงไปในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่ลงไปประชุมแค่ที่จังหวัดสงขลาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิมฯ ลงไปแล้ว แต่เมื่อร.ต.อ.เฉลิมฯ บอกว่ากลัว ก็เลยประชุมที่จังหวัดสงขลา แต่ถ้าหากร.ต.อ.เฉลิม ฯ กล้าขึ้นมาก็อาจจะลงไปในพื้นที่ก็ได้
ต่อข้อถามว่า นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่บ้างหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ถ้าไปจะไม่บอกให้ใครทราบ เพราะถ้ารู้ทุกคนก็คงไม่ต้องทำงานอะไร ต้องมาคอยดูแลป้องกันนายกฯ ส่วนจะมีการตั้งรองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีคนใดรับผิดชอบพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยตรงหรือไม่คงไม่ต้องตั้ง ใครที่มีหน้าที่ก็จะรับผิดชอบดูแลเอง ทุกคนต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ ส่วน ร.ต.อ.เฉลิมฯ นั้น จะดูแลปัญหายาเสพติด แต่กระทรวงมหาดไทยก็มีนายพระนาย สุวรรณรัฐ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ดูแลศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และมีผู้ว่าราชการจังหวัด 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งคนเหล่านี้ก็ต้องไปดูแล นอกจากนี้ยังมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็มีหน้าที่ดูแลและทำงานกันอยู่ ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิมฯ เสนอแนวคิดให้ทหาร และตำรวจที่เชี่ยวชาญด้านการรบลงไปเป็นปลัดอำเภอในพื้นที่นั้น ขอให้มาบอกกับตนจะได้ช่วยกันคิด เรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน ร.ต.อ.เฉลิมฯ ควรมาพูดกันก่อน หากเจอกันจะถามเรื่องนี้อีกที
“วันนี้คนไทยอยากถามว่าผู้ก่อความไม่สงบต้องการอะไร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีเหตุผล ไม่น่าจะมาทำกับบ้านเมืองเราขนาดนี้ อยากจะให้ผู้สื่อข่าวมีความคิดเหมือนกับพวกเราคนไทยด้วยกัน แล้วเขียนบทความออกมา กลุ่มคนเหล่านี้จะได้รู้สึกว่านี่คือบ้านเมืองของเรา บ้านเมืองของทุกคน แต่ว่าทุกคนบางครั้งก็ทำท่าคล้ายกับเป็นกระบอกเสียงกับฝ่ายที่เคลื่อนไหว เวลาเกิดเหตุก็ทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต จะให้คนใหญ่คนโตลงไป แล้วก็จะเกิดความเสียหายตามมา ผมเป็นนายกรัฐมนตรีที่เลือกวิธีการทำงานแบบนี้ และจะไม่พูดจาซ้ำซากอะไรอีก” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ต่อข้อถามว่า ประชาชนในพื้นที่มองว่ารัฐบาลไม่ใส่ใจในการแก้ไขปัญหาภาคใต้เท่าที่ควร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่บอกว่ารัฐบาลไม่ใส่ใจ ขอรายชื่อได้หรือไม่ว่ามีใครบ้างหรือมีเจ้าหน้าที่คนไหนที่ขวัญกำลังใจเสีย เวลานี้ยังรู้สึกขอบคุณประชาชนอีก 73 จังหวัด ที่ไม่เคยออกปากเลยว่าเขาไม่ได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม ไม่เหมือนคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่รัฐบาลลงไปแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ วิธีการแก้ปัญหาของตนไม่ต้องไปบอกใคร แต่ยืนยันว่าเราแก้ไขเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร ทำงานกันอย่างเต็มเหนี่ยว และได้ฟังขั้นตอน วิธีการการดำเนินการทุกอย่างทั้งหมด เหตุการณ์ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นแล้ว เวลานี้สิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามต้องการคือให้นายกรัฐมนตรีประกาศออกไป แล้วหากพลาดพลั้งอะไรไปก็จะมีการนำไปขยายผลให้เป็นเรื่องนานาชาติ อย่างที่เคยบอกว่ามีความพยายามไปเจรจานอกรอบ เพื่อที่จะให้รัฐบาลไทยไปเจรจากับคน 2 กลุ่มของผู้ก่อความไม่สงบ แต่ยืนยันว่ารัฐบาลไทยไม่ขอเจรจา
ต่อข้อถามว่า มีข่าวว่ารัฐบาลลดเบี้ยเสี่ยงภัยเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะไปดูเรื่องนี้ให้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--