วันนี้ (4 สิงหาคม 2565) เวลา 10.00 น. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2565 ผ่านระบบทางไกล (VTC) ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ เพื่อเร่งรัด ขับเคลื่อน และยกระดับการแก้ปัญหาการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยสรุปสาระสำคัญดังนี้
จากการประชุมดังกล่าว ที่ประชุมมีมติรับทราบ โครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ในประเด็นด้านการแบ่งปันผลประโยชน์จากคาร์บอนเครดิตระหว่างผู้พัฒนาโครงการและกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ในสัดส่วน 90 : 10 โดย ทช. จะแบ่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นครึ่งหนึ่ง เพื่อให้ชุมชนใช้ในกิจกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่ โดยมีระยะเวลา 10 ปี ( 2566 - 2574 ) ในพื้นที่ 23 จังหวัด เนื้อที่ 300,000 ไร่ โดยมุ่งเป้า 6 พื้นที่ โดยเป็นพื้นที่พร้อมปลูกที่ผ่านการดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ทำนากุ้ง ทำสวนปาล์ม พื้นที่เลนงอก พื้นที่ปรับปรุงสภาพป่าชายเลน รวมทั้งพื้นที่ป่าที่ชุมชนร่วมดูแล
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาและมีมติเห็นชอบการออกกฎกระทรวง กำหนดพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ในพื้นที่จังหวัดตรังและจังหวัดพังงา มีสาระสำคัญคือ เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์และกำหนดมาตรการคุ้มครองพันธุ์ไม้ สัตว์ป่า พันธุ์พืชหายาก โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล อีกทั้ง มีมติเห็นชอบการจัดทำแผนที่ข้อมูลวิชาการของระบบกลุ่มหาดประเทศไทย ปี 2565 - 2567 นำร่อง 11 กลุ่มหาด เพื่อประกอบการตัดสินใจแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง
รองนายกรัฐมนตรีกำชับให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจและดึงชุมชนชายฝั่งทะเลเข้ามามีส่วนร่วมปลูกป่าชายเลนในทุกขั้นตอน และต้องให้ชุมชนได้รับประโยชน์ไปพร้อมกันอย่างแท้จริง ทั้งการสร้างงาน สร้างรายได้ และการจ้างงานในพื้นที่ โดยเฉพาะให้ดึงสถาบันการศึกษาในพื้นที่ ร่วมให้ความรู้กับเด็กและเยาวชน รวมทั้งชุมชนไปพร้อมกัน เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรในพื้นที่แบบมีส่วนร่วมที่มุ่งความยั่งยืน
รองนายกรัฐมนตรียังกล่าวเน้นย้ำว่า เมื่อมีการใช้ประโยชน์ทางทะเล จึงจำเป็นต้องต้องมีการคืนประโยชน์ให้ทะเล เร่งอนุรักษ์และฟื้นฟูคู่ขนานกันไป โดยยังมีงานสำคัญที่ต้องช่วยกันเร่งรัดดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จในหลายเรื่อง โดยเฉพาะการประกาศพื้นที่คุ้มครองทางทะเลและชายฝั่ง การแก้ปัญหาขยะทะเลในฐานะผู้นำกลุ่มอาเซียน และการขับเคลื่อนการดำเนินการภายใต้ทศวรรษแห่งมหาสมุทร ที่ประเทศไทยได้รับการคัดเลือกเป็นที่ตั้งสำนักงานประสานทศวรรษแห่งมหาสมุทร จึงขอให้ ทส. เร่งรัดผลักดันให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ที่มา: http://www.thaigov.go.th