วันนี้ (วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565) เวลา 14.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายสุพรหมณยัม ชัยศังกระ (H.E. Mr. Subrahmanyam Jaishankar) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐอินเดีย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีไทย - อินเดีย (Joint Commission for Bilateral Cooperation: JC) ครั้งที่ 9 โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีต้อนรับ รมว.กต.อินเดีย ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ดำเนินมาอย่างราบรื่นยาวนาน อินเดียถือเป็นมิตรประเทศที่สำคัญ มีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน และในปีนี้ถือเป็นโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน นายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ ทุกระดับ ให้แน่นแฟ้นและเป็นรูปธรรม เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ และนำไปสู่การยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันในอนาคต
รมว.กต.อินเดีย ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ยินดีต่อผลสำเร็จของการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีไทย ? อินเดีย ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับทั้งสองประเทศในการผลักดันความร่วมมือที่คั่งค้างระหว่างกันกว่า 3 ปี ทั้งนี้ รมว.กต.อินเดีย ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดียในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยทั้งสองได้ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี พร้อมขอบคุณนายกรัฐมนตรีสำหรับบทบาทและความช่วยเหลือในช่วงเวลาดังกล่าว โอกาสนี้ รมว.กต.อินเดีย นำความปรารถนาดีจากนายกรัฐมนตรีโมทีมายังนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีโมทีหวังว่าจะได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในเร็ววัน ด้านนายกรัฐมนตรีฝากความปรารถนาดีไปยังนายกรัฐมนตรีโมที ซึ่งถือเป็นเพื่อนสนิทที่ใกล้ชิดกัน รวมทั้งไปยังประธานาธิบดีคนใหม่ด้วยเช่นกัน
ด้านความมั่นคง ทั้งสองเห็นพ้องที่จะใช้ประโยชน์จากความร่วมมือที่มีอยู่ ในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค ตลอดจนผลักดันความร่วมมือด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ อาทิ ความมั่นคงทางทะเล อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมถึงการฝึกอบรมด้านความมั่นคงไซเบอร์
ด้านเศรษฐกิจ ไทยและอินเดียมีความร่วมมือด้านเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง โดยอินเดียถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในเอเชียใต้ อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพที่จะขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้อีกมาก โดยเฉพาะในโครงการ EEC ซึ่งรัฐบาลได้พัฒนาโครงการและโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง พร้อมเชิญชวนให้นักลงทุนอินเดียเข้ามาลงทุนในธุรกิจกลุ่มเป้าหมาย ในสาขาที่อินเดียมีความเชี่ยวชาญ ได้แก่ ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ดิจิทัล และการแพทย์ครบวงจร ด้าน รมว.กต.อินเดีย กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศเป้าหมายที่สำคัญในอาเซียนสำหรับนักลงทุนอินเดีย โดยอินเดียพร้อมผลักดันและสนับสนุนให้นักธุรกิจอินเดียเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น อย่างไรก็ดี รมว.กต.อินเดีย ขอให้นายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้นักลงทุนไทยเข้ามาลงทุนในอินเดียเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ด้านสาธารณสุข นายกรัฐมนตรีชื่นชมในมิตรไมตรีอันดีระหว่างไทยกับอินเดียในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิด ตลอดจนยินดีที่ทั้งสองฝ่ายมีการลงนาม MoU ร่วมกันในวันนี้ ซึ่งเป็นผลจากการหารือทางโทรศัพท์ของนายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่าย เมื่อปี 2563 โดยเชื่อมั่นว่า MoU นี้จะช่วยผลักดันความร่วมมือทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงความร่วมมือด้านการวิจัยและยาระหว่างกันได้อย่างเป็นรูปธรรม
ด้านความเชื่อมโยง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องการขับเคลื่อนความร่วมมือเพื่อบรรลุการพัฒนาโครงการถนนสามฝ่าย อินเดีย - เมียนมา - ไทย (India - Myanmar - Thailand Trilateral Highway) ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงอินเดียกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และส่งเสริมการค้าการลงทุน ตลอดจนการเดินทางในระดับประชาชนระหว่างกันมากขึ้น
ด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรียินดีที่ชาวอินเดียเป็น 1 ในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย โดยเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายควรมุ่งส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนมากขึ้น พร้อมทั้งหาแนวทางในการเพิ่มเที่ยวบินระหว่างกันเพื่อรองรับการท่องเที่ยวในอนาคต
สำหรับความร่วมมือภายใต้กรอบพหุภาคี นายกรัฐมนตรียินดีที่ความร่วมมือในกรอบอาเซียน ? อินเดีย มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ด้าน รมว.กต.อินเดีย ขอให้ไทยสนับสนุนอินเดียในการจัดทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) อินเดีย ? อาเซียนด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ไทยพร้อมส่งเสริมความร่วมมือกับอินเดียในประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน และเสริมสร้างสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค ตามถ้อยแถลงร่วมว่าด้วยความร่วมมือในอินโด-แปซิฟิก ระหว่างอาเซียนกับอินเดีย ตลอดจนขอให้อินเดียสนับสนุนไทยในการเป็นประธาน BIMSTEC วาระปี 2564 ? 2566 ด้วย ซึ่งฝ่ายอินเดียยินดีให้การสนับสนุนบทบาทของไทย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th