วันนี้ (26 สิงหาคม 2565) เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ผ่านระบบ VTC เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือตามกรอบแนวทาง 13 มาตรการรับมือฤดูฝน และสถานการณ์ภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น
โดยที่ประชุมรับทราบ และติดตามการดำเนินการของหน่วยต่างๆ ตามมาตรการที่เกี่ยวข้อง จากผลกระทบจากพายุโซนร้อน ?มู่หลาน? ใน 29 จังหวัดรวมทั้ง รายงานสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำ 3 เดือน (กันยายน ? พฤศจิกายน) และความก้าวหน้าในการดำเนินการตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 65 และรับทราบการปรับการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา 1,500 - 2,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งอาจมีผลให้น้ำเอ่อล้นพื้นที่ท้ายน้ำ 2 ฝั่งในจังหวัดสิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ ได้ร่วมพิจารณาและให้ความเห็นชอบ กรอบโครงสร้างและรูปแบบการดำเนินการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า ที่จะจัดตั้งขึ้นใน 4 พื้นที่ ในจังหวัดพิษณุโลก ชัยนาท อุบลราชธานี และสุราษฎร์ธานี โดยให้พิจารณาจากการคาดการณ์สภาพอากาศ ปริมาณน้ำฝน รวมทั้งปริมาณน้ำในเขื่อนและน้ำท่า
รองนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำไปยังกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่มีแนวโน้มจะเกิดน้ำท่วม ตามที่ สทนช. ชี้เป้า ให้มีความตื่นตัวและให้ขับเคลื่อนแผนการปฏิบัติเชิงรุกป้องกันน้ำท่วมตาม 13 มาตรการ ตามที่ กนช.เห็นชอบให้เป็นรูปธรรม เน้นความรวดเร็วและกระจายการช่วยเหลือให้ทั่วถึง โดยให้พิจารณาปรับแผนให้ทันต่อสถานการณ์ ควบคู่กับการเร่งทำความเข้าใจกับประชาชน เพื่อป้องกันและลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทั้งนี้ ขอให้ สทนช.ประสานการทำงานร่วมกับ กรมชลประทาน มีแผนสำรองและมาตราการรองรับการหน่วงน้ำ ผันน้ำ ประกอบการตัดสินใจ โดยพยายามให้ประชาชนในพื้นที่ท้ายน้ำได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
ที่มา: http://www.thaigov.go.th