วันนี้ (3 ตุลาคม 2565) เวลา 14.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแอนเจลา เจน แม็กดอนัลด์ (H.E. Ms. Angela Jane Macdonald) เอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ โดยภายหลังการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตออสเตรเลียฯ ในนามรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ยินดีที่ไทยและออสเตรเลียมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างกัน และมีความร่วมมือที่แน่นแฟ้นทั้งในกรอบทวิภาคี อาเซียน อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และกรอบพหุภาคี พร้อมชื่นชมสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียที่ได้จัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 70 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-ออสเตรเลียในปีนี้ หวังว่าทั้งสองประเทศจะใช้โอกาสดังกล่าวขยายความร่วมมือระหว่างกันให้ครอบคลุมแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
เอกอัครราชทูตออสเตรเลียฯ เป็นเกียรติที่ได้มาดำรงตำแหน่งในประเทศไทย ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากรัฐบาลไทย พร้อมยินดีที่ความสัมพันธ์ไทย-ออสเตรเลียมีความใกล้ชิด และมีความร่วมมือแน่นแฟ้น ทั้งในด้านการค้าและการลงทุน ความมั่นคง และการศึกษา เอกอัครราชทูตออสเตรเลียฯ ยืนยันที่จะกระชับความร่วมมือไทยและออสเตรเลียให้ครอบคลุมและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น รวมถึงยืนยันสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคของไทยในปีนี้ ตลอดจนชื่นชมที่ไทยเตรียมการจัดประชุมเอเปค 2022 อย่างเรียบร้อย รอบด้าน ซึ่งออสเตรเลียมุ่งหวังแสวงหาร่วมมือกับไทยขับเคลื่อนเอเปคต่อไป
ทั้งสองฝ่ายต่างเน้นย้ำความมุ่งมั่นที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ดำเนินการภายใต้ร่างแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ปี ค.ศ. 2022-2025 โดยเฉพาะด้านความมั่นคง การต่อต้านการค้ามนุษย์ ความมั่นคงทางไซเบอร์ สาธารณสุข การศึกษา และความสัมพันธ์ระดับประชาชน ซึ่งออสเตรเลียพร้อมจะร่วมมือกับไทยทุกด้าน ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือด้านต่าง ๆ ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ภูมิภาคอาเซียน และภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
ความร่วมมือด้านการปราบปรามการค้ามนุษย์ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าเป็นประเด็นที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติของไทย และมุ่งมั่นที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับออสเตรเลีย ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือในด้านการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงด้านความมั่นคงทางไซเบอร์และการเสริมสร้างศักยภาพของเจ้าหน้าที่และบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งเอกอัครราชทูตออสเตรเลียฯ ยินดีร่วมมือกับไทยเพื่อนำไปสู่ผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมร่วมกัน โดยออสเตรเลียได้จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ (Counter Trafficking in Persons Center of Excellence) ซึ่งออสเตรเลียเชื่อมั่นว่าจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือในการขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว เอกอัครราชทูตออสเตรเลียฯ มองว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อทั้งการค้า การลงทุน และการเดินทางของประชาชน เชื่อมั่นว่าภายการผ่อนคลายมาตรการของทั้งสองประเทศ การค้าและการลงทุนจะสามารถขยายตัวได้อีกมาก และการท่องเที่ยวระหว่างกันจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทั้งสองฝ่ายยังยืนยันเพิ่มพูนความร่วมมือในด้านการลงทุน ในสาขาที่สอดคล้องกับความต้องการของออสเตรเลียและไทย โดยมีภาคเอกชนออสเตรเลียฯ สนใจลงทุนในไทยด้านพลังงานสะอาด ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชิญชวนให้นักลงทุนออสเตรเลียพิจารณาขยายการลงทุนเพิ่มเติมใน EEC ซึ่งมีศักยภาพรองรับการลงทุน และความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน มาตรการต่างๆที่รองรับสนับสนุนการลงทุน อาทิ smart visa และสิทธิประโยชน์ด้านภาษีแก่นักลงทุนต่างชาติ
ด้านความร่วมมือพหุภาคี ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีที่อาเซียนและออสเตรเลียได้ยกระดับสถานะความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้านเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเอกอัครราชทูตออสเตรเลียฯ ยินดีเข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริมการพัฒนาในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ทั้งในด้านการจัดการน้ำ การต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ และการต่อต้านการค้ามนุษย์ และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกัน เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือให้บรรลุผลเป็นรูปธรรม
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีพร้อมสนับสนุนการทำงานของเอกอัครราชทูตฯ และเชื่อมั่นว่า ความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของเอกอัครราชทูตฯ จะส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและออสเตรเลียให้เพิ่มพูนและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมอวยพรให้การดำเนินงานตลอดการประจำการที่ประเทศไทยของเอกอัครราชทูตออสเตรเลียฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th