นายกรัฐมนตรีระบุขณะนี้ประเทศกลับคืนสู่ประชาธิปไตยและมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว หากต้องการจะทำลาย 3 พรรคการเมืองก็ขอให้คิดถึงประเทศชาติ และจะขอทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีเพื่อบ้านเมืองของเรา
เมื่อเวลา 12.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) แถลงต่อสื่อมวลชนว่า ไม่ได้พบและหารือกับนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่ศาลฎีกามีคำสั่งประทับรับคำฟ้องคดีทุจริตการเลือกตั้ง ส.ส. ที่จังหวัดเชียงราย ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งในส่วนของพรรคพปช. พร้อมช่วยกันอย่างเต็มที่ จะไม่มีการปล่อยปละละเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะหัวหน้าพรรค พปช. มีข้อมูลเดียวกับทางพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาว่าหากสามารถยุบ 2 พรรคได้ก็จะเชื่อมโยงไปถึง พปช. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้คงออกปากพูดอะไรไม่ได้แล้ว พูดได้แต่เพียงว่าเป็นกรรมของบ้านเมืองนี้ มีการปฏิวัติยึดอำนาจ จนมีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ จนมีการเลือกตั้งและได้ประชาธิปไตยกลับคืนมาแล้ว
“การตั้งรัฐบาลจนทั่วโลกยอมรับ แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้จักจบจักสิ้น ใครที่ดำเนินการจนไม่รู้จักจบจักสิ้น ลองคิดดู บ้างว่า ไม่สงสารบ้านเมืองบ้างหรือ ไม่ต้องมาสงสารผมหรอก ผมคนธรรมดาไม่เป็นอะไรก็ไม่ตาย แต่บ้านเมืองตายไม่สงสารบ้างหรือ ผมพูดอะไรไม่ได้แล้วกำลังนี้ เพราะมีส่วนได้เสีย ผมพูดไปเมื่อวันอาทิตย์พอสมควรแก่เหตุแล้ว แต่จะเอาให้ตายกันตรงนี้ก็เอาสิ ให้พรรคการเมืองตายกันไปเลย พรรคการเมืองตายก็ไม่เป็นไร แต่ประเทศชาติตาย กว่าจะล้มลุกคลุกคลานกว่าจะเงยหัวขึ้นมาได้ พอเงยหน้าไปคบค้าสมาคมกับใครเขาได้ ก็จะกลับไปเป็นอย่างเดิมจะเอากันให้ตายอีก พอใจหรือยัง” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คนที่อ้างถึงว่าจ้องจะทำลายและยุบพรรคเป็นใคร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่ระบุว่าใครแต่คนไทยทั้งประเทศรู้ แต่ใครที่คิดจะทำอะไรอย่างนี้ ขอให้คิดบ้างว่านี่บ้านเมืองและประเทศของเรา เอาพรรคการเมืองให้ตาย แปลว่าต้องการจะฆ่าประเทศนี้ให้ตาย สะใจอะไรกันนักหนา เจ็บช้ำน้ำใจอะไรกันนักหนา ปฏิวัติไปแล้ว ยึดอำนาจไปแล้ว จะฆ่ากันให้ตายเอากันให้ตายอีก ส่วนที่ พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนเสนอให้ยุบสภานั้น เป็นความคิดเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรค พ.ต.ท.กานต์ฯ เป็นนักการเมืองก็มีสิทธิที่จะคิดจะพูด พรรคไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรกับความคิดเห็นดังกล่าว และตนเองไม่มีความคิดเห็นในเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าจะไม่ยุบสภาใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สื่อคิดว่าตนจะทำอย่างนั้นหรือ ที่พูดไปแล้วว่าบ้านเมืองกำลังจะตายอยู่แล้ว เพราะมีคนจะทำให้ตาย คนที่ต้องการจะทำลายพรรคการเมือง 3 พรรค ให้คิดเรื่องฆ่าประเทศชาติบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า กฎหมายยังมีทางออกหรือไม่ เพราะ กกต. บอกว่าพยายามหาทางอยู่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้า กกต. พยายามก็ต้องแสดงออกมาให้เห็น กกต.ลองพูดออกมาสัก 2-3 คำว่าเรื่องนี้ต้องดูทั้งหลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ก็พูดออกมาบ้าง แต่ก็ไม่พูด ข่าวที่ออกมามีแต่ข่าวร้ายทั้งนั้น ลองคิดถึงหัวอกคนที่ทำงานบ้าง นายกฯ ก็ทำงานให้กับบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ ไปสภาฯ ก็ถูกสภาฯ สับโขก ไปประชุมต่างประเทศกลับมาจะให้นายกรัฐมนตรีมาตอบกระทู้ในสภาฯ ให้ได้ ทั้ง ๆ ที่ก็มีงานอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต. อ้างว่ารัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ระบุให้ต้องยุบพรรค คิดว่าเป็นปัญหาที่ตัว กกต. หรือกฎหมาย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สื่อรู้จักหาดทรายเปียกน้ำหรือไม่ หาดทรายเปียกน้ำถ้าเราไปเดินแล้วเอาไม้ขีดวงกลมล้อมตัวเอง และร้องบอกว่าออกไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้นกฎหมายเขียนด้วยคน การพิจารณากฎหมายก็คน
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ามีการตั้งธงในการดำเนินการเรื่องนี้อยู่แล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ส.ส.พรรคชาติไทย เป็นผู้ออกมาพูด ก็ต้องขอบคุณ และไม่ต้องการจะพูดเรื่องนี้อีก วันนี้คงตกเป็นข่าว แต่ก็จำเป็นต้องพูด ต้องแสดงความรู้สึกนึกคิดออกมา
“มันน่าเจ็บช้ำน้ำใจ คุณเป็นผมคุณจะรู้ว่าอะไรกันนักหนา บ้านเมืองของเรากว่าจะเดินหน้ามาถึงขนาดนี้แทบตาย แล้วจะเอากันให้ตาย ผมอยากถามว่าทำไมๆๆ มีใครเจ็บช้ำน้ำใจนักหนาสำหรับพรรคการเมืองพรรคนี้ ทำความชอกช้ำให้ใคร เลยจะต้องเอาให้ตายอย่างนั้นหรือ ผมต้องร้องถามเลย ผมต้องขอความเป็นธรรมจากสังคม ผมทำงานให้บ้านเมืองนี้อยู่ ทำไปก็ถูกฉุดกระชากลากไป เหมือนกับพวกที่ทำงานในทีไอทีวี ลองคิดถึงหัวอกพวกเขา จะยุบจะเลิกจะปิดสถานี วันหนึ่งก็ต้องไป สักวันหนึ่งผมก็คงเหมือนพวกนั้นก็ได้ แต่นั่นคือสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี แต่นี่ประเทศชาติ คนจะคิดจะทำลายพรรคการเมือง 3 พรรคช่วยคิดหน่อยว่ากำลังทำลายบ้านเมือง เมืองไทยวันนี้อะไรกันนักหนา ถึงกับที่จะคิดเอากันให้ตาย” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกท้อใจหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ท้อใจ แต่เพื่อบ้านเมืองของเรา ซึ่งที่ผ่านมาได้เดินทางไปพบกับผู้นำ 4 ประเทศในอาเซียน และจะไปอีก 5 ประเทศ ผู้นำ 4 ประเทศที่ไปเยือนมามีความชื่นชมประเทศไทยที่ได้กลับคืนสู่ประชาธิปไตย มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งจะขอทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป และเมื่อเดินทางเยือนประเทศอาเซียนครบทั้งหมดแล้ว ก็จะเดินทางไปยุโรป สหรัฐอเมริกา รัสเซีย เพราะต้องการทำงานให้บ้านเมือง งานหนักเหนื่อย
“ผมเกิดมาก็ไม่เคยมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อมีโอกาสก็ต้องขอทำหน้าที่ ซึ่งการเป็นนายกรัฐมนตรีของผมก็ไม่เหมือนคนอื่นที่เป็นนายกรัฐมนตรีที่เขาอาจไม่กล้าทำหรือกล้าคิดเพราะเกรงว่าจะกระทบกระเทือนอะไร แต่ผมต้องทำต้องคิดต้องตัดสินใจ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดใช่หรือไม่ว่ามีการวางยาไว้ในรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แน่นอน เมื่อ กกต. บอกว่าไม่มีทางที่จะวินิจฉัยไปทางอื่นก็ฆ่ากันเสียให้ตายเลยรู้แล้วรู้รอดไป หมดเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะส่งคนไปพูดคุยกับทาง กกต.หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องแบบนี้ใครจะทำอะไรก็สุดแล้วแต่ เพราะมาจนถึงขนาดนี้แล้วไม่ต้องไปคุยแล้ว ถ้าจะฆ่าให้ตายก็ฆ่ากันไปเลย เพียงแต่บอกให้รู้เท่านั้นว่าไม่ได้ฆ่าพรรคการเมือง 3 พรรคอย่างเดียว แต่ฆ่าประเทศไทย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีวุฒิการศึกษาของนายสุธา ชันแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ว่า ก่อนที่จะเข้ามารับตำแหน่งก็มีการตรวจสอบ ถึงวันนี้ก็ให้สำนักงาน ก.พ. บอกมาว่าไม่ใช่ ก็รอฟังอยู่ ก็เป็นเรื่องแปลก เพราะตอนต้นทาง ก.พ.บอกว่าดีและถูกต้อง เราก็ตกลง แต่วันนี้มาบอกว่าไม่ใช่อีกแล้ว ถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ไม่มีปัญหา และข่าวดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาล
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเวลา 12.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) แถลงต่อสื่อมวลชนว่า ไม่ได้พบและหารือกับนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่ศาลฎีกามีคำสั่งประทับรับคำฟ้องคดีทุจริตการเลือกตั้ง ส.ส. ที่จังหวัดเชียงราย ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งในส่วนของพรรคพปช. พร้อมช่วยกันอย่างเต็มที่ จะไม่มีการปล่อยปละละเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะหัวหน้าพรรค พปช. มีข้อมูลเดียวกับทางพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาว่าหากสามารถยุบ 2 พรรคได้ก็จะเชื่อมโยงไปถึง พปช. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้คงออกปากพูดอะไรไม่ได้แล้ว พูดได้แต่เพียงว่าเป็นกรรมของบ้านเมืองนี้ มีการปฏิวัติยึดอำนาจ จนมีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ จนมีการเลือกตั้งและได้ประชาธิปไตยกลับคืนมาแล้ว
“การตั้งรัฐบาลจนทั่วโลกยอมรับ แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้จักจบจักสิ้น ใครที่ดำเนินการจนไม่รู้จักจบจักสิ้น ลองคิดดู บ้างว่า ไม่สงสารบ้านเมืองบ้างหรือ ไม่ต้องมาสงสารผมหรอก ผมคนธรรมดาไม่เป็นอะไรก็ไม่ตาย แต่บ้านเมืองตายไม่สงสารบ้างหรือ ผมพูดอะไรไม่ได้แล้วกำลังนี้ เพราะมีส่วนได้เสีย ผมพูดไปเมื่อวันอาทิตย์พอสมควรแก่เหตุแล้ว แต่จะเอาให้ตายกันตรงนี้ก็เอาสิ ให้พรรคการเมืองตายกันไปเลย พรรคการเมืองตายก็ไม่เป็นไร แต่ประเทศชาติตาย กว่าจะล้มลุกคลุกคลานกว่าจะเงยหัวขึ้นมาได้ พอเงยหน้าไปคบค้าสมาคมกับใครเขาได้ ก็จะกลับไปเป็นอย่างเดิมจะเอากันให้ตายอีก พอใจหรือยัง” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คนที่อ้างถึงว่าจ้องจะทำลายและยุบพรรคเป็นใคร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่ระบุว่าใครแต่คนไทยทั้งประเทศรู้ แต่ใครที่คิดจะทำอะไรอย่างนี้ ขอให้คิดบ้างว่านี่บ้านเมืองและประเทศของเรา เอาพรรคการเมืองให้ตาย แปลว่าต้องการจะฆ่าประเทศนี้ให้ตาย สะใจอะไรกันนักหนา เจ็บช้ำน้ำใจอะไรกันนักหนา ปฏิวัติไปแล้ว ยึดอำนาจไปแล้ว จะฆ่ากันให้ตายเอากันให้ตายอีก ส่วนที่ พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนเสนอให้ยุบสภานั้น เป็นความคิดเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรค พ.ต.ท.กานต์ฯ เป็นนักการเมืองก็มีสิทธิที่จะคิดจะพูด พรรคไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรกับความคิดเห็นดังกล่าว และตนเองไม่มีความคิดเห็นในเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าจะไม่ยุบสภาใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สื่อคิดว่าตนจะทำอย่างนั้นหรือ ที่พูดไปแล้วว่าบ้านเมืองกำลังจะตายอยู่แล้ว เพราะมีคนจะทำให้ตาย คนที่ต้องการจะทำลายพรรคการเมือง 3 พรรค ให้คิดเรื่องฆ่าประเทศชาติบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า กฎหมายยังมีทางออกหรือไม่ เพราะ กกต. บอกว่าพยายามหาทางอยู่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้า กกต. พยายามก็ต้องแสดงออกมาให้เห็น กกต.ลองพูดออกมาสัก 2-3 คำว่าเรื่องนี้ต้องดูทั้งหลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ก็พูดออกมาบ้าง แต่ก็ไม่พูด ข่าวที่ออกมามีแต่ข่าวร้ายทั้งนั้น ลองคิดถึงหัวอกคนที่ทำงานบ้าง นายกฯ ก็ทำงานให้กับบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ ไปสภาฯ ก็ถูกสภาฯ สับโขก ไปประชุมต่างประเทศกลับมาจะให้นายกรัฐมนตรีมาตอบกระทู้ในสภาฯ ให้ได้ ทั้ง ๆ ที่ก็มีงานอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต. อ้างว่ารัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ระบุให้ต้องยุบพรรค คิดว่าเป็นปัญหาที่ตัว กกต. หรือกฎหมาย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สื่อรู้จักหาดทรายเปียกน้ำหรือไม่ หาดทรายเปียกน้ำถ้าเราไปเดินแล้วเอาไม้ขีดวงกลมล้อมตัวเอง และร้องบอกว่าออกไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้นกฎหมายเขียนด้วยคน การพิจารณากฎหมายก็คน
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ามีการตั้งธงในการดำเนินการเรื่องนี้อยู่แล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ส.ส.พรรคชาติไทย เป็นผู้ออกมาพูด ก็ต้องขอบคุณ และไม่ต้องการจะพูดเรื่องนี้อีก วันนี้คงตกเป็นข่าว แต่ก็จำเป็นต้องพูด ต้องแสดงความรู้สึกนึกคิดออกมา
“มันน่าเจ็บช้ำน้ำใจ คุณเป็นผมคุณจะรู้ว่าอะไรกันนักหนา บ้านเมืองของเรากว่าจะเดินหน้ามาถึงขนาดนี้แทบตาย แล้วจะเอากันให้ตาย ผมอยากถามว่าทำไมๆๆ มีใครเจ็บช้ำน้ำใจนักหนาสำหรับพรรคการเมืองพรรคนี้ ทำความชอกช้ำให้ใคร เลยจะต้องเอาให้ตายอย่างนั้นหรือ ผมต้องร้องถามเลย ผมต้องขอความเป็นธรรมจากสังคม ผมทำงานให้บ้านเมืองนี้อยู่ ทำไปก็ถูกฉุดกระชากลากไป เหมือนกับพวกที่ทำงานในทีไอทีวี ลองคิดถึงหัวอกพวกเขา จะยุบจะเลิกจะปิดสถานี วันหนึ่งก็ต้องไป สักวันหนึ่งผมก็คงเหมือนพวกนั้นก็ได้ แต่นั่นคือสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี แต่นี่ประเทศชาติ คนจะคิดจะทำลายพรรคการเมือง 3 พรรคช่วยคิดหน่อยว่ากำลังทำลายบ้านเมือง เมืองไทยวันนี้อะไรกันนักหนา ถึงกับที่จะคิดเอากันให้ตาย” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกท้อใจหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ท้อใจ แต่เพื่อบ้านเมืองของเรา ซึ่งที่ผ่านมาได้เดินทางไปพบกับผู้นำ 4 ประเทศในอาเซียน และจะไปอีก 5 ประเทศ ผู้นำ 4 ประเทศที่ไปเยือนมามีความชื่นชมประเทศไทยที่ได้กลับคืนสู่ประชาธิปไตย มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งจะขอทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป และเมื่อเดินทางเยือนประเทศอาเซียนครบทั้งหมดแล้ว ก็จะเดินทางไปยุโรป สหรัฐอเมริกา รัสเซีย เพราะต้องการทำงานให้บ้านเมือง งานหนักเหนื่อย
“ผมเกิดมาก็ไม่เคยมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อมีโอกาสก็ต้องขอทำหน้าที่ ซึ่งการเป็นนายกรัฐมนตรีของผมก็ไม่เหมือนคนอื่นที่เป็นนายกรัฐมนตรีที่เขาอาจไม่กล้าทำหรือกล้าคิดเพราะเกรงว่าจะกระทบกระเทือนอะไร แต่ผมต้องทำต้องคิดต้องตัดสินใจ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดใช่หรือไม่ว่ามีการวางยาไว้ในรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แน่นอน เมื่อ กกต. บอกว่าไม่มีทางที่จะวินิจฉัยไปทางอื่นก็ฆ่ากันเสียให้ตายเลยรู้แล้วรู้รอดไป หมดเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะส่งคนไปพูดคุยกับทาง กกต.หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องแบบนี้ใครจะทำอะไรก็สุดแล้วแต่ เพราะมาจนถึงขนาดนี้แล้วไม่ต้องไปคุยแล้ว ถ้าจะฆ่าให้ตายก็ฆ่ากันไปเลย เพียงแต่บอกให้รู้เท่านั้นว่าไม่ได้ฆ่าพรรคการเมือง 3 พรรคอย่างเดียว แต่ฆ่าประเทศไทย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีวุฒิการศึกษาของนายสุธา ชันแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ว่า ก่อนที่จะเข้ามารับตำแหน่งก็มีการตรวจสอบ ถึงวันนี้ก็ให้สำนักงาน ก.พ. บอกมาว่าไม่ใช่ ก็รอฟังอยู่ ก็เป็นเรื่องแปลก เพราะตอนต้นทาง ก.พ.บอกว่าดีและถูกต้อง เราก็ตกลง แต่วันนี้มาบอกว่าไม่ใช่อีกแล้ว ถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ไม่มีปัญหา และข่าวดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาล
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--