แท็ก
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
นายสมัคร สุนทรเวช
กรมประชาสัมพันธ์
สนทนาประสาสมัคร
นายกรัฐมนตรี
ช่อง 11
นายกรัฐมนตรีชี้แจงการแสดงความคิดเห็นเรื่องต่าง ๆ ผ่านรายการสนทนาประสาสมัคร เพื่อให้ประชาชนได้ทราบแนวคิดในการทำงานของนายกรัฐมนตรี
รายการ “สนทนาประสาสมัคร”
โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11
และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม 2551 เวลา 08.30-09.30 น.
------------------------------------------
สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ รายการ “สนทนาประสาสมัคร” มาพบเหมือนเคยนะครับ เวลาจะมาพูดโทรทัศน์ พูดไป ๆ พูดมา 6 หนแล้ว พูดหนที่ 6 ปรากฏว่าใครต่อใครสั่งเสียกันใหญ่ ไปที่โน่นที่นี่ มีแต่คนสั่งเสียบอกว่าขอไม่ให้พูดเรื่องหนังสือพิมพ์ ไม่ให้ตำหนิหนังสือพิมพ์ ไม่ให้ว่าหนังสือพิมพ์ ไม่ให้ออกความเห็นตอบโต้หนังสือพิมพ์ แล้วผมจะจัดรายการนี้ทำไมละครับ เขาว่ากันโครม ๆ เขาบอกเขาเป็นกระจกส่อง แล้วผมก็บอกอะไรเป็นอย่างไร รายการนี้คือรายการที่ผู้คนทั้งบ้านทั้งเมืองเสพข่าวเสพหนังสือพิมพ์ เสพอะไรต่าง ๆ แล้วบ้านเมืองนี้ก็มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น จะตำหนิติเตียนอย่างไรก็ทำได้ สถานีราชการตำหนินายกรัฐมนตรียังว่าได้เลยครับ ไม่เป็นปัญหา สถานีโทรทัศน์บางช่องเขาก็มีคนจัดรายการ มาจากไหน ๆ ไม่รู้ ก็จัดรายการ พูดจาว่ากล่าวกระแทกแดกดัน เรายังไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรเลยครับ ทีนี้ปัญหาว่าจะให้เขานั่งถลุงเล่ากันข้างเดียว แล้วไม่ตอบไม่พูดเลย ไม่ช้าไม่นานก็มีปฏิวัติยึดอำนาจอีก ถ้าแบบนั้นละก้อ ก็เลวตามที่เขาด่าว่ากล่าว แต่ถ้าเรามีช่องทางตรงนี้จะอธิบายความ ผมก็ขอบพระคุณที่แนะนำที่ตักเตือนว่าไม่ให้พูดอะไรต่าง ๆ แต่ว่าเมื่อผมพูดแล้ว เขาก็มีวิพากษ์วิจารณ์กลับมา เราตำหนิติเตียนบ่นเขาไป เขาก็พูดจา ผมก็ต้องทำความเข้าใจ ท่านผู้ชมเป็นผู้ชม คนหนังสือพิมพ์เขาเป็นคนเขียนวิพากษ์วิจารณ์ผม วิทยุก็วิพากษ์วิจารณ์ โทรทัศน์ก็วิพากษ์วิจารณ์ แต่ปัญหาว่ามันต้องร่วมผสมผสานกัน ปล่อยให้เขาถลุงอยู่ข้างเดียว แล้วอย่างไรครับ เขาบอกว่าจะเอางานพวกเราส่งงานต้องแสดงเรื่องงาน ๆ ผมก็ทำเรื่องงาน ๆ
เอาละครับคราวที่แล้วเขาตำหนิว่า นั่งแต่พูด ๆ ไม่ทำอะไร แปลว่าที่ทำที่นั่งมานี่ ไม่ได้ประโยชน์ ผมต้องทำความเข้าใจเสียก่อนครับ มันต้องมีประโยชน์บ้าง แล้วจริง ๆ การจะทำงานอะไร งานที่ผมไปทำก็พอมี แต่ว่าผมมีคนอีก 35 คนทำงานอยู่กับผมนะครับ มี 35 คนนั่งทำงานอยู่กับผม ผมมาพูดจาอะไรต่าง ๆ คนเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องแสดงให้คนที่เขาเป็นประชาชนที่เขาดูเราอยู่ได้รู้ว่าเป็นคนที่มีความคิดบ้าง เพราะฉะนั้น มาก็จะมีพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ จัดการผมเสร็จเรียบร้อย ผมก็จะต่อท้ายเรียกว่าสารคดีของผม พูดเพื่ออะไร พูดเพื่อจะให้ได้รู้ว่า หนทางที่มีปัญหาก็หาหนทางแก้ บางครั้งดูเหมือนไกลเกินไป แต่ผมคิดว่า ถ้านักวิชาการเขียนหนังสือ ทำโน่นทำนี่ ยกย่องสรรเสริญกันได้ ทำไมคนเป็นนายกรัฐมนตรีจะแสดงความเห็น ผมไม่เขียนเป็นหนังสือ ครับ ผมพูดอะไรต่าง ๆ ผมจะขออนุญาตตรงนี้ใช้เวลาตอนต้นทบทวนให้ดูหน่อย
อธิบายวิธีแก้เศรษฐกิจด้วยเศษสตางค์
ผมพูดเรื่องแก้เศรษฐกิจด้วยเศษสตางค์ เจตนาของผมคือว่าให้เก็บเหรียญเอาไว้ พูดถึงบ้านอื่นเมืองอื่น ก็เอาสหรัฐอเมริกาเป็นตัวอย่าง เขาเก็บเหรียญ 4 เหรียญไว้ ร้อยปีเขายังอยู่ เขายังซื้อ 98 ทอน 2 97 ทอน 3 เราก็บอกว่าเหรียญของเราก็บอกให้เก็บ เหรียญบาท เหรียญห้า เหรียญสิบ เจตนาคือว่าต้องการจะให้ว่าขึ้นราคา ราคา 20 บาท ขึ้น 1 บาท ก็อยู่ได้แน่นอน ขึ้น 1 บาทก็ขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ ก็เทียบให้ดูอาหาร 5 เปอร์เซ็นต์ อย่างนี้นะครับ พูดอย่างนี้ ถ้า 25 บาทก็อยากให้ 26 บาท แต่ว่าที่พูดแล้วผลคืออย่างไร ผลคือว่าทางฝ่ายราชการ คิดว่าจะให้เศษสตางค์คือเหรียญสลึง เหรียญห้าสิบ เข้าใจผิดไปเลย เขาคิดว่านั่นคือเศษสตางค์ บาทไม่ใช่เศษสตางค์ นั่นเป็นความเข้าใจผิด อาจเป็นความบกพร่องของผมเอง เรียกเหรียญบาทว่าเศษสตางค์ เจตนาคือให้เก็บเหรียญบาทไว้ และก็นินทาไว้ว่าตัวเหรียญแพงหน่อย จะปรับปรุงอย่างไรก็สุดแท้แต่ แต่ไปปรับปรุงเป็นเหรียญ 2 บาท ผมไม่เห็นด้วย นี่ก็คือว่าเราก็แสดงความคิดเห็น เขาจะผลิตใหม่ เขาจะได้ไม่ผลิต ให้เก็บเหรียญไว้เพื่อว่า 20 บาทจะเป็น 21 บาท 26 บาทเป็น 25 บาท ผลที่ออกมาเป็นอย่างไรรู้ไหมครับ 30 บาทลด 1 บาท คนที่ร่วมมือลด 1 บาท ขายข้าวแกง 29 บาท ก็คุยบอกว่าลด อย่างนั้นก็เข้าใจ ลด 1 บาท ก็ยังดีกว่าไม่ลด แต่สำคัญผมจะบอกว่า 25 บาทเป็น 26 บาท ไม่ใช่ 25 บาทเป็น 30 บาท หรือไม่ใช่ 30 ถ้า 30 บาทเป็น 31 บาท แต่เหลือ 29 เราต้องการว่าให้ขึ้นทีละขั้น ให้ขึ้นบันได 5 หน อย่างนี้ครับ ก็พูดเรื่องแก้เศรษฐกิจด้วยเศษสตางค์ก็เจตนาอย่างนี้ ก็คุยแล้วจะต้องมีความหมายว่า เราต้องพยายาม ถ้าเก็บเศษสตางค์ได้ ต้องมีคนร่วมมือด้วย อธิบายให้เห็นเลยว่าพ่อค้าแม่ค้ากำไรเท่านั้นอย่างไร นั่นแหละครับได้แต่พูด ๆ แต่ผลที่ได้นั้น ถ้าร่วมมือกันจริง ๆ ถ้าเหรียญบาทใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง เก็บไว้เหรียญบาท เหรียญห้า เหรียญสิบ มันก็จะขยับขึ้นได้จริง ๆ เพราะเราพิสูจน์ได้ว่า 20 บาทขึ้น 1 บาท คือขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ ใช่ไหมครับ แต่ว่า 20 บาท ขึ้น 25 บาท ขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ครับ อย่างนี้ไม่ไหว ต้องให้เห็นว่าอาหารขึ้นที 25 เปอร์เซ็นต์ ขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ ขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ นี่คือคนเป็นนายกรัฐมนตรีมาพูดแสดงความเห็น อย่างน้อยต้องได้ประโยชน์จากทุกฝ่าย ทั้งผู้บริโภค ทั้งคนผลิตเหรียญ ทั้งพ่อค้าแม่ค้าต้องได้คิด พูดเพื่ออย่างนี้นะครับ
อธิบายเรื่องน่าคิดจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค
ถัดไปยกตัวอย่างมีเรื่องหนึ่ง เรื่องน่าคิดจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค ผมต้องการให้รู้ว่าผมไปถึงผู้ผลิตขายส่งเป็นอย่างไร แล้วมาขายพอไปจ่ายตลาดเป็นอย่างไร จังหวะตรงนี้ละครับ จากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค มันห่างกันมาก ถ้าสัก 2 ช่วง ถึงจะนั่น คือดูแล้วคนขายกำไรมาก คนขายนั่งขายต้องกำไร คนขนก็กำไร 2 คนเท่านั้น แต่ลองสิครับถ้า 5 บาท 25 บาท คนปลูกได้ 5 บาท คนกินจ่าย 25 บาท คนขนและคนขายเอาไป 20 บาท อย่างนี้เกินเหตุไหม หมายความว่าคนซื้อ ๆ 20 บาท คนขาย ๆ 8 บาท และคนที่นั่นเอาไป 12 บาท ผมคิดอย่างนี้นะครับว่า คนบริโภคจะได้จ่ายน้อยลงหน่อย คนผลิตจะได้มากขึ้นหน่อย และคนกลาง คือทั้ง 3 คนต้องอยู่ได้ ที่พูดเรื่องนี้เรื่องน่าคิดจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค มาแจกแจงราคาผักต่าง ๆ ต้องการให้เห็นอย่างนี้ หน่วยราชการใครที่ไหนเขาเห็น ถ้าเขาเห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรี เขาจะไปจัดการดำเนินการที่ไหนต่อไหน คนบริโภคก็ต้องนึกว่าต้องไปตามดู จะซื้อให้ถี่ถ้วนหน่อย คนจะปลูกจะขาย ไปซื้อเขามาจากไร่ จะได้ไม่กดกันเกินไป พูดก็เพื่อเจตนาต้องการอย่างนี้ครับ
แนะเอาหนี้เข้าระบบเพื่อลดหนี้
ผมบอกว่าทุกข์เพราะเป็นหนี้และวิธีแก้ทุกข์ ก็ต้องการให้เห็นมีหนี้ ครูตัวสำคัญต่างๆ ผมก็ไม่ได้ประกาศนโยบายจะปรับหนี้ แต่ว่าให้เป็นแนวทางว่าหนทางมี คนเป็นหนี้ร้อนฉ่ามา ก็อุตส่าห์ไม่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นหนี้อย่างไร คือว่าเอาละเป็นหนี้ เป็นหนี้น้อย 80,000 บาท เป็นหนี้มาก 800,000 บาท ให้เห็นตัวเลขอย่างนั้น และอธิบายให้ฟังว่า เราถ้าเผื่อไปซื้อบ้านก็เอาบ้านค้ำประกัน เหมือนเอาเงินเดือนค้ำ ถ้าเงินเดือนค้ำแล้วก็ผ่อนชำระ แนวทางของผมก็คือว่า หนี้ไปจ่ายหนี้นอกระบบ 80,000 บาทก็จ่ายเดือนละ 8,000 บาท เขียนเช็คไว้ล่วงหน้าเลย เผลอประเดี๋ยวเดียว 10 เดือน 80,000 บาทแล้ว ดอกเบี้ยทั้งนั้นไม่ได้จ่ายต้น แนวความคิดให้ฟังว่า สมัยที่ดอกเบี้ยแพงร้อยละ 15-16 15 เปอร์เซ็นต์ 15 ปี 80,000 บาทจ่ายคืน 1,065 บาท เพราะฉะนั้น ใครเป็นหนี้ 80,000 บาท เคยจ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 8,000 บาท ก็สามารถที่จะเอามาเข้าระบบได้ เอาเงินเดือนไปค้ำประกัน ก็จ่ายเพียง 1,065 บาท นั่นดอกเบี้ยร้อยละ 15-16 บัดนี้ดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 8 เคยจ่าย 1,065 บาท เหลือ 750 บาท ก็บอกว่าคนเป็นหนี้ 80,000 บาท เคยจ่ายแต่ดอกเบี้ยเดือนละ 8,000 บาท ก็จ่ายทั้งต้นทั้งดอกเดือนละ 750 บาท ก็เอามาเข้าระบบ ใครมีอะไรต่าง ๆก็ช่วยจัดการ ถ้าสงเคราะห์ก็เอามาเข้าระบบ อธิบายแนวทางไว้ เป็นหนี้ 800,000 บาทเคยจ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 80,000 บาท มีนะครับ ไม่ใช่ไม่มี ก็สามารถที่จะเอามาเข้าระบบ และจ่ายเดือนละ 7,500 บาท 180 เดือนหมดทั้งต้นทั้งดอก เป็นหนี้ 800,000 บาท จ่ายเดือนละ 7,500 บาท อย่างนี้ครับเอาเงินเดือนค้ำประกัน นายกรัฐมนตรีพูดเป็นแนวทาง ใครจะเอาไปช่วยไปทำอย่างไร ครูจะทำอย่างไร ผมจะตามไปดูของผม แต่การพูดนี่มันไร้ประโยชน์หรือครับ พูด ๆ อย่างนั้นหรือครับ คนฟังนะครับ ราชการเขาต้องฟังว่านายกรัฐมนตรีคิดอย่างไร ไม่เป็นคำสั่งไป แต่ผมต้องตามไปดูของผมแน่ โครงการจะช่วยครูเป็นอย่างไร คนโน้นเป็นอย่างไร คนนี้เป็นอย่างไร ก็ต้องตามไปทำ แต่พูดให้ฟังเสียก่อนว่าคนบริหารบ้านเมืองมีความคิด ไม่ใช่มานั่งทื่อ ๆ ไปเปิดงานตัดริบบิ้น ไม่ใช่ คิดให้ฟังว่าคิดอะไรอย่างไร
ตั้งสถาบันระดับชาติเพื่อดูแลผู้ป่วย
อีกเรื่องคราวที่แล้วเรื่องทุกข์ของหมอ ปรากฏว่าพูดจาเหมือนกับรีบร้อนไปหน่อย คุยแต่เรื่องอื่นเสียเยอะแยะ ปรากฏว่าเรื่องคุณหมอน้อยไปนิดหนึ่ง เมื่อวันก่อนไปเจอคุณหมอ ผมไปตรวจโรค 3 เดือนตรวจหนหนึ่ง ก็ดีครับ น้ำตาลดี ไตรกลีเซอร์ไรด์ ทุกอย่างดีเรียบร้อยหมด ก็บอกให้รู้เท่านั้นครับ ยังแข็งแรง พอฟัดกับอะไรต่ออะไรได้อีกเยอะ ได้คุยกับคุณหมอต่อ คุณหมอก็นั่งเล่าให้ฟังว่าที่มาก็ฟังเหมือนกับว่าหมอจะออกกฎหมาย คนอื่นมีกฎหมายคุ้มครอง หมอจะขอกฎหมายคุ้มครอง หมอบอกไม่ใช่เลย หมอใหญ่ระดับผู้อำนวยการเป็นกรรมการแพทยสภา ก็บอกเลยครับว่าคุณสมัครวันนี้เล่าต่อหน่อยได้ไหม ผมบอกได้ คุณหมอบอกว่าบอกให้คนฟังหน่อย หมอคิดถึงเรื่องไม่ต้องการให้คนไข้เสียชีวิต มีสถิติจากสหรัฐอเมริกา นิวยอร์ก แสนคนที่ตาย เขาเอามาดู เขาบอกว่านี่ถ้าหากว่ามีระบบระเบียบ 7, 8, 9 ข้อ ถ้ามีอย่างนี้มาจะตายเพียง 50,000 คน เขาทำอย่างไรครับ เขาเรียกว่า National Patient Safety Foundation คือต้องการให้มีสถาบันในระดับชาติ กระทรวงสาธารณสุข และร่วมกับใครต่อใคร เขามีหน่วยงานหลายหน่วย ซึ่งเป็นหน่วยที่ว่าสภาวิชาชีพ กระทรวงสาธารณสุข สมาพันธ์สภาวิชาชีพ สมาคมโรงพยาบาล สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) คณะกรรมการ ใครต่อใครเกี่ยวกับเรื่องผู้คนทั้งหมดให้รวมกันตั้งสถาบัน เขาต้องการอะไรครับ เขาเรียกว่า Patient Safety Goal แปลว่ามีความถี่ถ้วน คุณหมอติดป้ายเลย ล้างมือก่อนทุกครั้ง เขาบอกว่าถ้าเพียงแต่ล้างมือ จะตรวจคนไข้ล้างมือก่อน ก็ช่วยได้เยอะ ไม่ให้ยาคนไข้ผิด คือต้องตรวจสอบให้แน่นอน ตรวจเลือด ติดป้าย ๆ ถี่ถ้วนตรงนี้ ถี่ถ้วนเรื่องจ่ายยา จ่ายยามากไป จ่ายยาน้อยไป จ่ายยาผิด สนทนากับคนไข้ ไม่ตรวจสอบคนไข้แพ้อะไรต่ออะไรอย่างไร และต้องมีการบันทึกของคนไข้ การสื่อสารระหว่างคนไข้กับคนดูแล จะต้องทำอย่างไร ถี่ถ้วนนะครับ แม้กระทั่งว่าที่ผ่าตัดที่จะทำอะไร ดูเรื่องอัคคีภัย อันตรายที่คนไข้จะลื่นหกล้มต่าง ๆ และก็ผ่าตัดผิดที่ ผ่าตัดผิดคน เรื่องต่างๆ
เขาบอกทั้งหมดมี 9 ข้อ ถ้าหากมีสมาคมระดับชาติ ซึ่งเขาบอกองค์การอนามัยโลก (WHO) อยากให้ทำ กระทรวงสาธารณสุขของเราไม่สนใจเท่าไร ทีนี้กระทรวงสาธารณสุขรัฐบาลผม ผมก็บอกว่าไม่ได้มีอะไรนักหนา ควรจะต้องมี และถ้าคนแสนหนึ่ง ถ้าทำอย่างนี้ 8-9 ข้อ ตายน้อยไปครึ่งหนึ่ง อย่างนี้ก็ช่วย และเขาบอกชัดเจน ไม่ต้องการเอากฎหมายมาช่วยว่าหมอทำผิดและกฎหมายป้องกัน อาชีพอื่นมีนะครับ แต่หมอไม่ต้องการอย่างนั้นครับ เขาต้องการเพียงแต่ว่าให้เข้าใจเสียว่าเป็นอย่างไร และแนะนำว่าเขาต้องมีกองทุนสำหรับเยียวยาเวลาเกิดเหตุ ข้าราชการไม่กอง เอกชนเขากอง เกิดเหตุปั๊บเขาเจรจาความเลย ตกลงกันได้เสร็จ ก็ไม่ไปถึงคดีอาญา ก็เป็นคดีอาญาน้อย ที่ผมพูดคราวที่แล้วบอกว่าเหล้าไม่มี มีบ้างถ้าบ้าเลือดจริง ๆ พวกทหารที่จะเอาเรื่อง แต่ว่าจริง ๆ เขาตกลงกันได้ เขาก็ว่าราชการก็ควรจะทำ เพราะฉะนั้น เรื่องอย่างนี้คำที่ชอกช้ำใจหมอคือว่า ท่านผู้พิพากษาท่านพิพากษา ท่านก็เอากฎหมายมาทำการวินิจฉัยธรรมดา เอาผู้เชี่ยวชาญ คนที่ดำเนินการก็แพทย์ฝึกหัด ให้ดำเนินการตีหนึ่งตีสองแล้วเกิดเหตุ เหตุย่อมเกิดขึ้นได้ในเท่าไรส่วนเท่าไร เกิดขึ้นได้ แต่เวลาถ้าโดนไปฟ้องคดีแล้ว เอาผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ คำพิพากษาออกมาว่า เมื่อรู้ว่าตัวยังไม่เชี่ยวชาญต้องระมัดระวังยิ่งกว่าปุถุชนธรรมดา อย่างนี้ตายไหมครับ อย่างนี้ต้องฟังความ พวกหมอบอกแล้วจะเป็นไปทำไม เจตนาต้องการจะช่วยคน แต่อุบัติเหตุเกิดขึ้นมาแล้ว ก็มีความรับผิดชอบ ก็รับผิดชอบทางแพ่งเป็นส่วนใหญ่ ทางอาญา ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง กฎหมายที่เขาเขียนเขาบอกว่า ถ้ารุนแรงร้ายกาจจริง ๆ มีเจตนาจริง ๆ ต้องการจะผ่า เขาควักหัวใจไปให้ไปอะไรอย่างนี้ ถ้าแบบนี้ละก็ต้องนั่นได้ เขาบอกโอเคไม่เป็นปัญหา คือหมอจะถูกลงโทษได้ แต่ว่าจริง ๆ แล้วต้องการว่า มันมีระบบวิธีการ เพราะฉะนั้น เขาทำกฎหมายเข้ามาแล้วครับ แต่เขาไม่ได้บอกว่าต้องป้องกันหมอ ต้องอะไร เขาช่วยคิดเรื่องคนไข้
วันนี้พูดให้คุณหมอยาวนิดหนึ่ง เพราะเรื่องอย่างนี้ไม่ได้วิตกทุกข์ร้อนแต่ทางแพทย์ สมาคม เท่านั้น ผู้คนต่าง ๆ ผมไม่อยากออกชื่อครับ วิตกทุกข์ร้อนว่าจะอย่างไรกัน เพราะสมัยนี้อย่างไร บ้านเมืองทันสมัยขึ้น แต่ก่อนไม่มีหรอกครับ หมอความ จะเอาเป็นเอาตายไม่มี ความเจ็บช้ำน้ำใจ เวลาญาติจากไป มีทุกตัวคนครับ แต่เขาก็เยียวยากันด้วยปัจจัย ด้วยอะไรต่าง ๆ ถ้าเห็นใจเข้าใจ มันก็อยู่กันได้ทั้งหมอทั้งคนไข้ แต่ถ้าโดนโครม ๆ อย่างนี้ ผมนึกว่ามีรายเดียวนะครับ มีเป็นแถว เพราะฉะนั้น ของเราก็ต้องบอกให้ว่าจะต้องมีการหาหนทางปรับปรุง แต่เขาปรับปรุงทางซีกเขาเอง เขาบอกว่าถ้ายอมตั้ง กระทรวงสาธารณสุขตั้งสภา เอามารวมกัน แล้วจะตั้งชื่อไทยเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ ดูแลคนไข้ แปลว่าทุกโรงพยาบาลต้องมีข้อป้องกันนี้ 1,2,3,...7,8,9 ติดไว้เลยต้องถี่ถ้วน เขาบอกถ้าถี่ถ้วนตามนี้ ทุกครั้งจะตรวจคนไข้ใหม่ต้องล้างมือใหม่อย่างนี้ ทำได้ไหม ทุกอย่างไม่ได้เรื่องยากเย็น แต่อเมริกาเขาทำ เราก็เอาตัวอย่างเขาเข้ามา ก็บรรเทานะครับ เคยตายแสนหนึ่ง ถ้าทำอย่างนี้แล้วลดลงครึ่งหนึ่ง เห็นไหมครับ หมอเขาก็ช่วยคิด ผมก็ไม่ได้อะไรหรอกครับ ไปตรวจประจำ 3 เดือน ได้ข้อมูลมาก็มาเพิ่มเติมหน่อย
รายได้ของคนสิงคโปร์พอกับรายจ่าย
ทีนี้เมื่อคราวที่แล้ว ความจริงเริ่มต้นควรจะบอกว่าไปไหนว่า อาทิตย์ที่แล้ว ก็ไปสิงคโปร์ ก่อนไปมีคนเขียนหนังสือพิมพ์วิพากษ์วิจารณ์ ไปเอาตัวอย่าง เขาเป็นนักธุรกิจ เขาเอาโทรทัศน์มาออกให้ฟัง ฟังแล้วบอกนายกรัฐมนตรีฟังนักธุรกิจเขาพูด และเราสนใจมาหาหนทางแก้ไข ไม่ได้เหรอครับ กลายเป็นว่าอยู่ในช่วงฟ้องนายกรัฐมนตรี คนนั้นก็เป็นคนนี้ ไปอ่านหนังสือพิมพ์สิครับ ผมไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ เหมือนกับว่านายกฯ ต้องไปฟัง แล้วเราไม่ฟัง ถ้าเขาออกความเห็นที่น่าคิด ฟังไหมครับ คนที่ความเห็นน่าคิดของเขา เมื่อเราฟัง เขาบอกสินค้าเกษตรนับวันแพงขึ้น ราคาขึ้น สินค้าขึ้น เขามีความเห็นว่าสินค้าเกษตรแพงดี แต่รายได้ต้องดี และเขาก็พิสูจน์ด้วยตัวเขาเอง เขาบอกเขาจ้างคนขับรถ เมื่อ 30 ปีที่แล้วจ้างคนขับรถ เดือนละ 900 บาท บัดนี้ผ่านมา 30 ปี เขาจ้างคนขับรถเดือนละ 30,000 พิสูจน์ว่าอย่างไร พิสูจน์ว่าเมื่อ 30 ปีก่อน ทองบาทละ 450 บาท คนขับรถ ขับรถซื้อได้ 2 บาท ได้เงินเดือนคือ 900 เดือน บัดนี้คนขับรถก็ซื้อทองได้ 2 บาท ถ้าจ่าย 30,000 บาทที่ว่า แล้วมันได้ไหมครับ ผมก็บอกเลยว่าผมไม่ได้ประกาศจะไปขึ้นเงินเดือนอีกข้างทันทีเดี๋ยวมีปัญหา ผมบอกเศรษฐกิจการคลัง เศรษฐกิจพาณิชย์ 4 หน่วยงาน คุณช่วยดูสิว่าทำไมบ้านอื่นเมืองอื่น เขาทำให้รายได้พอกับรายจ่าย แล้วทำไมของเรากดรายได้เอาไว้ กดรายจ่ายเอาไว้ แต่มือที่กดรายจ่าย กดไม่ขึ้น คนแรกกดอย่างนี้ ผมบอกถ้าอย่างนี้จะอยู่กันได้อย่างไร เราแสดงความคิดเห็นอย่างนี้ไม่ได้หรือครับ พูดไว้ในวันอังคารออกไป เย็นก็ไป ออกข่าวเยี่ยมสิงคโปร์ 3 วัน ความจริงวันเดียวครับ ไปค่ำแล้วก็ทำธุรกิจเยี่ยมท่านเสร็จ 1 วัน รุ่งขึ้นเช้ามืดกลับเพราะมีงานในกรุงเทพฯ
เดินดูราคาสินค้าที่ตลาดสิงคโปร์
ก็จะเล่าให้ฟังว่าตอนเช้าพิธีการจะเริ่ม 10.30 น. ผมก็บอก ผมขออนุญาตไปตลาด ตลาดสดมี สะอาดไหม สะอาดกว่าบองมาร์เช่ สะอาดกว่าตลาด อตก. อีก จัดอะไรบนแผงขายเหมือนกัน แต่พื้นน้ำไม่เปียก สะอาดก็แล้วกัน ของเขาดีก็ชมเขา แต่ไปเพื่ออะไร ไปเพื่อไปดู ตั้งแต่ดอกไม้อยู่ปากทาง และก็ซื้อ ดูข้าวของดูหมดครับ ผมจ่ายกับข้าวนี่ครับ ผมรู้เลยว่าอะไรเท่าไร บางอย่างแพงกว่า 1 เท่า บางอย่าง 2 เท่า บางอย่าง 3 เท่า บางอย่าง 4 เท่า ก็ถามว่า น่ากินไหม น่ากินครับ ผักหญ้าเป็นอย่างไร ปลูกมาจากมาเลเซีย โตกว่าเราไหม โต ต้องชมเขาครับ และของเราจะไม่ปรับปรุงพันธุ์ แต่เขาปรับปรุงของเรา และเขาก็ราคาแพงกว่า 1 เท่า แพง 2 เท่า แพง 3 เท่า แพง 4 เท่าก็มี เขาจะอยู่ได้อย่างไร ถ้าเขาได้รายได้เท่าเมืองไทย ไม่ใช่ ออกจากตลาด ยืนคุยหน้าตลาด ถามเลยรายได้ของคนที่จบปริญญาตรีได้เท่าไร ของเราได้ 6,500 บาท ของเขาถ้าจบใหม่ ๆ ได้ประมาณ 50,000 จบนานหน่อยแล้วได้ 65,000 มากกว่าเรา 10 เท่า จบใหม่ ๆ มากกว่า 8 เท่า รายได้มากกว่า 8 เท่า คนงานเป็นอย่างไร คนงานเลวที่สุดรายได้ 200 ทำงานทุกวัน เดือนละ 6,000 ที่โน่นแบบอย่างนี้ 200 มีเท่าไร มี 16,600 คน เบสิก 23 เหรียญ 16,600 ขึ้นมาฝีมือดีหน่อย 50 เหรียญ เท่าไร 30,000 เขาได้เดือนละ 35,000 ของเรามีฝีมืออาจจะได้สัก 10,000 ของเขาได้ 35,000 แปลว่าอยู่ได้ไหม อยู่ได้ครับ ต้องเลือกต้องซื้อต้องมีวิธีการ อย่างนี้เขาอยู่ได้ แปลว่าบ้านเมืองที่รายได้เหนือกว่ารายจ่าย
สิงคโปร์สร้างบ้านอยู่อาศัยให้คนในประเทศ
บินไป 2 ชั่วโมง 20 นาที ได้เจอเลยครับ ไม่คิดว่าจะเจอด้วย แล้วธรรมดารายการเขาเริ่มต้นที่ทำเนียบประธานาธิบดี Istana เวลา 10.30 น. เราก็มีเวลาแต่เช้า บอกเขาปลุกหน่อยตีห้า เท่ากับเราตีสี่ ผมไม่เป็นไรครับคุ้ยเคย ตื่นตีห้าตีสี่ หกโมงเช้าไปถึงตลาด ก็เท่ากับตีห้า เดินดูหมดครับ ผมก็ชอบของผม ใครจะไปก็ไปด้วย ผู้บัญชาการทหารบก (พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา) ยังชวนท่านไปตลาดเลย ผู้บัญชาการทหารเรือ (พลเรือเอก สถิรพันธุ์ เกยานนท์) ตกลงกันว่าจะไป ท่านไปติดอยู่เมืองอะไรก็ไม่ทราบได้กลับมาไม่ทัน ก็ไปหลายคนครับ ทั้งหมดประมาณ 14-15 คน ทีมไป 33 คน แต่พวกไม่สนใจก็นอนไป ผมตื่นแต่มืดไป ใสเสื้อเชิ้ตธรรมดาม้วนแขนนี่แหละครับ แล้วไปเดิน ก็ได้ความรู้ แรงงานขั้นต่ำได้เท่าไร ปริญญาตรีได้เท่าไร และอาหารในตลาดเท่าไร นี่ละครับจะไปเขาต้องไปดูที่ก้นครัว จะได้รู้เลย เขากินอยู่อย่างไร เหมือนกับอย่างนี้ครับ ดูแล้วเกิดความคิดไหม ออกไปก็ได้พูด จะได้บอกแล้วแต่บ้านใครบ้านมัน แต่ก่อนผมไปแต่โรงเรียน ไปโรงเรียนได้ 10 สตางค์ ไปโรงเรียนได้ 50 สตางค์ ไปโรงเรียนได้ 1 บาท บางครอบครัวเขาไปโรงเรียนแค่ 5 บาท 8 บาท 3 บาท บ้านใครบ้านมัน จะว่าบ้านจนก็ต้องอยู่อย่างจน บ้านรวยก็อยู่อย่างรวย สิงคโปร์เขาบ้านรวย และเขาทำอย่างไร เขาก็คงทำไม่ยากกว่าเราเท่าไร เพราะเขาเป็นเมือง Capital City เป็นเกาะขนาดภูเก็ต 770 ตารางกิโลเมตร ประชากรแต่ก่อน 3 ล้านคนเดี๋ยวนี้เกือบ 4 คน และเขาเก่งตรงไหน เขาเก่งตรงที่เขาสามารถจะทำให้คนในบ้านเมืองเขามีที่อยู่เป็นของตัวเองได้เกือบจะหมดแล้วครับ
ผมดูงานสิงคโปร์มาตั้งแต่หนุ่มจนแก่นี่ละครับ คนทั้งโลกดูงานการเคหะที่สิงคโปร์ ดูมาต้องจำได้ ผมชวนที่มหาดไทยดูงานการเคหะ ไม่เลิกแล้วก็ยังตามไปดูอยู่เพราะอยากจะรู้ ผมไปเห็นสิงคโปร์ 50 ปีที่แล้ว ไปหลังห้องน้ำ ส้วมยังเอาอีกถัง ของเรา 70 ปี ที่สิงคโปร์ 50 ปี เอาส้วมถังมาใส่ ถังใหม่ใส่ถังเก่าใส่ ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ จนเดี๋ยวนี้เขาทำอพาร์เม้นท์ใกล้เมืองอยู่ทำแบบ walk up 5 ชั้น คนจนอยู่ 1 ห้อง 2 ห้อง อยู่กันเต็มไปหมด 5 ปีเขาถอยไป เขาไปสร้างดักไว้อีก 5 กิโลเมตรข้างนอก สร้างไว้เลยครับ walk up เหมือนกันแต่ว่า 2 ห้อง 3 ห้อง ทางนี้บอกออกหมด ให้เช่านี่ ไปเช่าอันที่ 2 เป็น Renovate เขาก็เอามาให้เช่าต่อ ดังนั้น ก็สร้างไว้ พอมีลูกแล้ว 2 ห้อง 3 ห้อง ถัดไปอีก 5-6 กิโลเมตรข้างนอก สร้างอีกแล้ว และเอาอีก 2 ไป 3 ทางโน้นมี 3-4 ห้อง ไปทางชายเลยมี 5-6 ห้อง ครอบครัวเดียวนะครับ คนขับแท็กซี่มีลูก 5 คน เขามี 5-6 ห้อง เสร็จเรียบร้อยอย่างไรครับ สุดท้ายเขารื้อในเมืองหมดเลยครับ รื้อทิ้งเลย แล้วขึ้น High-rise 30-40 ชั้น มีแบบ One Studio 2 ห้องนอน 3 ห้องนอน 4 ห้องนอน 5 ห้องนอน และต่อไปเขาค่อย ๆ รื้อพวก walk up ขึ้นเป็นสูง 12 ชั้น 18 ชั้น บ้างเป็นมาตรฐาน เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมไป เขาบอกว่าร้อยละ 85 เป็นเจ้าของ ร้อยละ 15 เช่า บัดนี้ เกือบหมดแล้วครับ คนทั้งประเทศมีที่อยู่เป็นของตัวเอง จ่ายเงินชำระเงิน ผ่อนชำระ มีรายได้พอที่จะจ่ายได้ นี่เป็นตัวอย่าง ไปดูเขาแล้วว่าเขาทำอย่างไร เขาอยู่อย่างไร
ไปสปป.ลาวเงินปริญญาตรี 2,000 ของเรา 6,500 แต่เขาอยู่ของเขาได้อย่างนั้น เราก็ต้องอยู่ของเรา แต่ชักจะไม่ได้แล้ว แต่ไปดูที่เขาอยู่ได้ ที่เขาทำได้ เขาทำอย่างไร ต้องไปศึกษา ของเขาเท่ากับจังหวัดภูเก็ต 1 จังหวัด ของเรา 76 จังหวัด เพราะฉะนั้น ต้องเทียบเคียง แต่ศึกษาได้ไหมครับ ต้องได้ครับ ก็เหมือนครอบครัวที่ผมบอก ครอบครัวผมจนได้ไป 50 สตางค์ไปโรงเรียน ครอบครัวอื่นเขาได้หลายบาท เพราะพ่อแม่เขาทำไว้ แปลว่าต้องดูว่าพ่อแม่เขาสั่งสมไว้อย่างไร เขารวยมาแต่เดิม แต่ว่าคนที่เขาก่อร่างสร้างตัวที่เขารวย ก็เหมือนกับประเทศ ของเราต้องคิดไหมละครับ
ผมเสนอความคิดให้เขียนหนังสือ กลับมาบ้านอ่านบอกว่านายห้างซีพีคิดอย่างไรสมัครคิดอย่างนั้น ก็เขาพูดออกสาธารณชน เขาให้คนมาดู เราก็ต้องฟังว่าแล้วจริงไหมอย่างที่ว่า สินค้าราคาเกษตรควรจะให้สูงอย่างนี้พอใจดีไหม เขาพูดสินค้าเกษตรดี แต่รายได้ดีจะเอาอย่างไร ในห้างไม่บอกวิธีทำว่าให้ดีอย่างไร แต่เราต้องรู้ว่าต้องมีวิธีการ ต้องทำอย่างไร ต้องค้าขายอย่างไร ทำอย่างไรให้รายได้ต่อหัวมากขึ้น เขาเรียกผลิตภัณฑ์มวลชนในประเทศ (GDP) เท่าไร ผมไม่เอาตัวเลขมาแสดงหรอกครับ แต่รายได้ของเราโดยเฉลี่ยยังต่ำกว่ารายจ่าย ใครมาเป็นรัฐบาล เป็นโล่ก ๆ แล้วไป แต่ผมยังไม่รู้ว่าจะอยู่มากอีกเท่าไร แต่ผมจะทำของผม ผมจะดูแลให้ว่าจะทำอย่างไร ได้ไหมได้จะบอกให้รู้กัน แต่ไม่พูดพร่ำ ประกาศเอาหน้าเอาตา ไม่มีหรอกครับ ไม่พูดเรื่องขึ้นเงินเดือนไม่ขึ้นเงินเดือน แต่จะแก้ไขว่าให้รายได้กับรายจ่ายใกล้เคียงกัน อย่างนี้ก็ค่อย ๆ ทำค่อยไป มันวิธีการครับ ไม่ต้องการไปหาคะแนนเสียงอะไรต่ออะไรต่าง ๆ
จะพูดกันตรงนี้ก็พูดกันสักหน่อย ถ้าวันนี้พูดกันแล้ว เล่าเรื่องสิงคโปร์อีกหน่อยดีกว่า เดี๋ยวจะไม่จบ ไปถึงก็ธรรมดา เช้าพิธีต้อนรับที่ Istana สวยงามเหมือนเดิมครับ มีกอล์ฟ 9 หลุมอยู่ข้างใน ผมเคยไปมาแล้ว เมื่อก่อนตอนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเคยไปงานศพประธานาธิบดี เขาก็จัดให้ได้คุยกับท่านลี กวน ยู คุยกันเมื่อก่อนนี้ได้คุยกัน เสร็จแล้วท่านมาเยี่ยมประเทศไทยผมก็เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ นั่งหน้าเรือกับท่าน นั่งคุย ก็ยังจำได้ ไปเที่ยวนี้ก็ได้คุยกับนายลี เซียนลุง ลูกชายท่านนายกรัฐมนตรี เสร็จแล้วได้คุยกับท่านนายเอส อาร์ นาธาน ประธานาธิบดีสิงคโปร์ 35 ปีมาแล้ว ท่านประธานาธิบดียังจำผมได้ คุยกันมากมายหลายเรื่องครับ แต่ผมเอามาเล่าให้ฟังไม่ได้ คุยกันเสร็จเรียบร้อย จะจบท่านประธานาธิบดีตบไหล่ มิสเตอร์สมัครสีของคุณไม่เคยเปลี่ยน Your colour never change ผมก็บอกถือเป็น blessing ก็คุยกันครับ
แต่ที่ได้ดีที่สุดก็คือนายเตียว ซี เฮียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ ตอนเย็นเขามาเยี่ยมคำนับ ก็คุยกันเรื่องธุระหลายอย่าง พอตอนเย็นก่อนกินข้าว ได้คุยกับท่านอดีตนายกรัฐมนตรีลี กวน ยู เขาเรียกว่า Minister Mentor เป็นรัฐมนตรีแบบชั้นครู ท่านก็มานั่งคุย ทักทาย จำกันได้ 85 นะครับ น่าตาสดใสครับ เมื่อก่อนนี้เราไปสิงคโปร์ เขาจะขึ้นป้ายใหญ่ ๆ ช่วยกันหาเครื่องแต่งตัวประจำชาติของเรา ไปคุยกับนันยางครับ พอเจอท่านลี กวน ยู ท่านพยายามของท่าน ท่านใส่เสื้อ เสื้อของท่านคือท่านคงมีเชื้อจีนด้วย ท่านเลือกของท่านกึ่งจีน ไม่ถึงกับคอตั้ง แต่เป็นเสื้อมีคอ แบบว่ามีเค้าจีน แล้วก็ผูกเหมือนผูกเอี้ยม ก็ใช้ได้ดูก็เก๋ดีครับ แต่ท่านก็คงพยายามของท่าน น่าตาสดใสนะครับ คุยกันเรียบร้อย คุยกัน 1 ชั่วโมง จนเขาต้องมาตามบอกว่าถึงเวลาลูกชายท่านจะเลี้ยงข้าวแล้ว ลูกชายท่านเป็นนายกรัฐมนตรี คุยกันเยอะครับ คุยกันหลายเรื่อง ก็เล่าไม่ได้ครับ เพราะเรื่องอย่างนี้เขาไม่ให้คุยหรอกครับ ไม่ให้มาคุยในสาธารณชน
ปลูกต้นไม้ฉลอง 175 ปีไทย-สหรัฐฯ
ผมก็เล่าให้ฟังแต่เพียงว่า ก็ดีครับ 85 นะคุยกับ 72 ครึ่ง เหมือนกับธรรมดาๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ท่านก็ยังจำความหลังได้ ที่ท่านเคยมา ก็ไปทำหน้าที่อย่างนี้ แล้วก็เก็บมาเล่าให้ฟัง เล่าเรื่องตลาดให้ฟัง ตามเวลา รุ่งขึ้นก็กลับ เสร็จแล้วก็เล่าให้ฟังอีกนิดหนึ่ง ผมต้องกลับเช้ามืด ไปค่ำกลับเช้ามืด เพื่ออะไร เพื่อลงจากเครื่องบิน เขาบอกฉลอง 175 ปี สัมพันธภาพไทยกับสหรัฐอเมริกา นายกรัฐมนตรีแสดงความเลยไม่ไป วันที่ 20 มีนาคมคือวันฉลอง ก็จะปลูกต้นไม้ ผมก็ไปลงจากเครื่องบินมาเลย มาถึงมองเห็นรถทูตอยู่ข้าง เราอยู่ข้างหลังทูต ทูตไปทางอ้อมเราไปทางลัดไปเจอรถติด เลยต้องให้ทูตมารอเจอ ผมก็เรียบร้อย ลงไปปลูกต้นไปเสร็จเรียบร้อย ท่านปลูกต้นคูน ต้นไม้ประจำชาติ ท่านปลูกทรงบาดาล ผมบอกถ้าเพื่อทรงบาดาลจะเอาแค่ดอกเหลือง นี่ไม้พุ่มเตี้ย บอกคุณวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร บอกประดู่ จะเอาต้นไม้ร้อยปี ก็ปลูกต้นประดู่ มันออกสีเหลืองเหมือนกัน ไปดูต้นประดู่หน้าร้านมิ่งหลีที่หน้าประตูวิเศษชัยศรี เดี๋ยวนี้ เวลาออกดอกเหลืองอร่ามเลย เหลืองอย่างกับธงมหาราชเลย ผมบอกว่าต้นคูนออกปีละหนเดียว ไม่เป็นไร คูนก็โอเค แต่ว่าต้นถัดไป ควรจะประดู่ เพราะว่าวันไหนวันดี บานคลี่พร้อมอยู่ วันไหนร่วงโรย ดอกโปรยตกพรู ออกปีละ 6-7 หน 10 หนยังมีเลยครับ วันไหนวันดีขับรถไปมองดู แถวประดู่ เหลืองน่าชื่นใจ 3 วันแล้วก็ร่วง เผลอเดี๋ยวเดียว วันไหนวันดีเอาออกอีกแล้ว ออกทั้งปี เลือกทั้งทีไปเลือกต้นทรงบาดาล ไม้พุ่มสูง 2 เมตร ไม่ยืนเท่าไร สีเหลืองครับ บอกกับ กทม. ไว้เท่านั้นว่าถ้าคิดถึงสีเหลืองต้องประดู่อายุร้อยปี ทำพิธีเสร็จ บอกเขาว่าก่อนหน้าก่อนจะไป America Chamber of Commerce ขอเชิญปาฐกถาหน่อย ขอเลื่อนไปก่อนได้ไหม ผมกลับมาไม่รู้จะนั่นหรือเปล่า เที่ยงให้กินข้าวแล้วปาฐกถา ท่านทูตบอกฉลอง 175 ปี เขาจัดงานเพื่อฉลอง 175 ปี ตกลงไป ออกจากปลูกต้นไม้ก็ไปเลย ท่านทูตขอตามขบวนไปด้วยกัน ผมก็มีรถตามหลังคันเดียว ผมไปถึงก่อน ทูตไปถึงทีหลัง ก็เรียบร้อยดีครับ ผมก็ปาฐกถาให้ท่าน เขาเตรียมคำกล่าวมาให้ ผมก็กล่าวนอก speed ที่เตรียมไป
ตอบกระทู้แนวทางแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในสภา
ทำหน้าที่เสร็จ สภาโทรศัพท์ตามกระทู้สดต้องไปตอบ กระทู้สดมาถึงผมกี่โมง ห้าโมงเช้า ผมตกลงกับเขาไว้ว่ารีบกลับมาปลูกต้นไม้ และต้องปาฐกถาให้เขา รัฐสภาบอกว่าสภาสำคัญต้องให้ไปตอบกระทู้ ผมบอกแจ้ง 11.00 น. ผมก็มีงานที่ตกลงไว้ก่อนแล้วจะทำอย่างไร ผมก็ไปให้ 14.00 น. กว่า บอกช้านิดหนึ่ง ผมไปให้ก็ตอบกระทู้ ก็เรียบร้อยดีครับ 2 กระทู้ กระทู้หนึ่งถามยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการจัดการดำเนินการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมบอกผมไม่บอกหรอก ประเดี๋ยวคนที่เขาก่อความ เขาจะรู้ว่าทำอะไรหมด ผมให้เขาทำ แต่เขาทำไว้เรียบร้อย แต่ผมจะรายงานให้สภารู้ ว่าเมื่อก่อนหน้านี้ถัดไป แย่อย่างไร โดนเท่าไร ถี่ขนาดไหน และ 1 ตุลาคมปีกลายนี้ เมื่อเปลี่ยนคนรับผิดชอบใหม่ เขาได้ดูแลเรียบร้อยดีอย่างไร และทีหลังเขาทำเพื่อเหตุอะไร ผมอธิบายแค่นั้นเอง และผมจะรายงานสภาเรื่องนี้
กรณีสั่งให้นายตำรวจไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ภาคใต้
อีกเรื่องหนึ่งมาย้ายตำรวจอีกแล้ว บอกเลยเขาจะต้องจากลูกจากเมียไป ย้ายเขาไป เขาทำงานอยู่ทางนี้ ย้ายเขาไปปักษ์ใต้ ผู้บังคับการพลตำรวจตรี แล้วอย่างไร เขาถามเสร็จ ผมก็ถามบอกว่า นี่ผมจะบอกให้ฟัง ตำรวจคนนี้ถูกย้ายไปวันที่ 17 ตุลาคมปีกลายนี้ ผมยังไม่รู้ ยังไม่เกี่ยวข้องอะไรอย่างไร ทั้งที่ยังไม่เป็นตัวเป็นตน สมัครรับเลือกตั้ง วันที่ 7 พฤศจิกายน แต่วันที่ 17 ตุลาคม ย้ายตำรวจคนนี้ไปอยู่ที่ปักษ์ใต้ เสร็จเรียบร้อยแล้ว พอเดือนธันวาคมจะเลือกตั้ง ใครก็ไม่ทราบได้ย้ายเขากลับเข้ามา มาจัดการ อาละวาดฟาดฟันเรื่องเลือกตั้ง เสร็จเลยเป็นหัวหน้าทีม มีตำรวจ 700 กว่าคน จัดการไปทำงานหมดเลย งบประมาณไม่ต้องใช้มีคนจ่ายเงินให้ตำรวจ 700 กว่าคนทำงาน นี่ละครับสู้กันเรื่องเลือกตั้ง เสร็จเลือกตั้งแล้ว ได้ใบแดง ใบเหลือง กันเสร็จแล้ว ตำรวจเขาจะให้บอกไปที่เก่า ผมบอกแล้วอย่างไร ตัวเองจะต้องอยู่ที่นั่น แต่ให้เขาทำงานที่นี่ เสร็จแล้วเขาเอาไปแล้วเป็นอย่างไร ต้องพรากลูกพรากเมีย ผมบอกเมื่อคราวไป 17 ตุลาคม ช่วยไปหาหลักฐานหน่อยว่าได้มายื่นกระทู้สดในสภาหรือเปล่า และหาหลักฐานมาหน่อยสิว่า ไปร้องทุกข์ไว้ว่าต้องถูกพรากลูกพรากเมียหรือเปล่าตอนนั้น ถ้าตอนนั้นไม่ร้อง ตอนนี้มาร้องได้อย่างไร ก็เรียบร้อย 2 กระทู้ เสร็จเรียบร้อยก็ประชุม ก็เล่าให้ฟังไปทำอะไรอย่างไร
การทำ EIA บางครั้งทำให้เกิดความล่าช้า
ทั้งหมดนี้จะเรียนว่าได้ทำความเข้าใจกับท่านทั้งหลาย แล้วอะไรทั้งหมดทั้งปวงนี้ ผมก็อยากจะบอกนะครับว่า เมื่อเวลาเราทำงานนี้ เราก็บอก รัฐมนตรีบ่นไหม มีครับ ระดับรองนายกรัฐมนตรีก็บ่นมา คือว่ามีปัญหาผมต้องช่วยดูแลให้เขา ต้องมองปัญหาของเขา ปัญหาเวลานี้การงานอะไรต่าง ๆ มันติดมันขัดมันชักช้า รองนายกฯ สหัส ดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม บ่นมาแล้วครับ ถ้ารองนายกฯ สหัส บ่นมาแปลว่าใช้ได้เลย เพราะคนนี้เขาบ่นยากครับ เขาบ่นเลยมันติดขัด ภาษาฝรั่งเขาเรียก EIA โก้หรูหราถ้าผ่าน EIA แล้ว EIA คือคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ความยุ่งยากทั้งหลายทั้งปวงในบ้านเมือง ผมพูดตรง ๆ ครับ ผมพูดเสมอและยังไม่เลิกพูดด้วย สิ่งแวดล้อมมันเข้าไปแวดล้อมทุกสิ่ง แวดล้อมจนทำอะไรไม่ได้ กระดิกกระเดี้ยไม่ได้
ผมยกตัวอย่างให้ดูก็ได้ รถขนส่งมวลชนข้ามฟากเลยจากสถานีตากสิน ข้ามไป 4.3 กิโลเมตร ผมทำเสร็จเรียบร้อยจะดำเนินการ จะขอสตางค์มาทำสถานีทำราง บอกว่าอย่างไรรู้ไหมครับ ให้ EIA ได้แค่ 2.2 คือให้แค่วงเวียนใหญ่ บัดนี้มาต่อจากสิ่งที่ผมทำไป 6.8 ให้แค่วงเวียนใหญ่ แปลว่าอย่างไร แปลว่าคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมเห็นว่าทุกอย่างต่อไปให้แค่ 2.2 แล้ว 6.8 สร้างไว้เสร็จเรียบร้อย ทำไมไม่ห้ามสร้างตั้งแต่แรก เขาสร้างไว้เสร็จเรียบร้อย สุดท้ายอย่างไรก็ต้องให้ แล้วถ่วงไว้ทำไม นี่พูดกันตรง ๆ อย่างนี้ละครับ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแวดล้อมทุกสิ่ง เดือดร้อนกันหมดครับ ที่นั่นไปตั้งโรงงาน นับคาร์บอนเท่าไร ๆ ที่ตรงนั้นขอทำโรงงานตรงนั้น ๆ โรงงานไม่สร้างนะครับ สร้างอีก 6-7 โรง นับคาร์บอนเสร็จ คนจะไปสร้างจริงบอกไม่ได้ ที่เขานับพวกความบ้าเรื่องนี้ครับ คาร์บอนเต็มแล้ว โรงนี้ก็สบายไป โรงอื่นขอไว้ไม่สร้าง แต่ว่าสิ่งแวดล้อมนับคาร์บอนไว้บวก คนจะสร้างจริงทำไม่ได้ เห็นไหมครับนี่คือปัญหาของบ้านเมือง และต้องพูดไหมครับ นายกรัฐมนตรีทั่วไปเกรงใจคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม เพราะต้องการเอาหน้าว่าเป็นคนดี ผมไม่ละครับ ผมฟัดมาตั้งแต่ผมอยู่แต่ไหนแต่ไร อยู่ กทม. ผมฟัดมาแล้วเรียบร้อยเลย สู้กันมาเลยแถว ๆ ฝั่งธน ทำไม่ได้ เพราะอะไร โรงแรมขึ้นข้างสูงไม่ได้ เขาบอกว่าตอนบ่ายพระอาทิตย์ โรงแรม ไปบังเงาโบสถ์ แล้วตอนเช้าเงาโบสถ์พาดโรงแรม คิดอย่างไร คิดแต่ตอนบ่ายพระอาทิตย์ไปบังเงาโบสถ์ ไม่ให้เขาขึ้นสูง แล้วตกลงอย่างไร ถ้าโบสถ์บังทางนี้ตอนเช้า ทำอย่างไร ไม่ได้หรอก ผมอนุญาต ผมให้ดำเนินการ ความเจริญของบ้านเมืองก็มี ความพอดีก็ต้องมี แต่ว่าแวดล้อมเสียทุกสิ่ง ควรจะถมเป็นสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการชุดนี้ไปดูสิครับ ใครอย่างไรดูชื่ออย่างไรบ้าง มีทั้งนั้นเลย จะทำดีหมดเลย แต่ธุรกิจชาวบ้านเดือดร้อนอย่างไรไม่มีใครรับผิดชอบ ผมต้องรับผิดชอบและผมจะตามไปดู ตามไปแหวกอีก จะให้รู้เลย บ้านเมืองของเรา เอามาดูเลย มีคนบอกสมัครไปเที่ยวว่าใครต่อใคร เขาดัดจริต คำนี้ละครับเป็นคำที่เหมาะสมจริงๆ ถ้าจะให้เห็นชัดเจนต้องตำหนิด้วยคำอย่างนี้เลย และเราต้องไปดูเลยและที่ว่าไม่ดัดจริตทำอย่างไร สำคัญครับ คนจะลงทุน ติดใจ EIA นี่ จะให้ผมนินทาต่อไหม
นินทาต่อก็ได้ตรงนี้ครับ มีบริษัทที่จะตั้ง การตรวจสอบความเป็นสิ่งแวดล้อม มีบริษัทตั้งไว้เลย บริษัทนี้ ๆ ใครไม่รู้ไม่ชี้ไปเอาบริษัทนี้มา ไม่ผ่านหรอกครับ มีกระซิบข้างหน้าให้บริษัทนี้ทำ บริษัทนี้ทำ เท่าไรรู้ไหมครับ 10 ล้าน 20 ล้าน 30 ล้าน ทำผลกระทบสิ่งแวดล้อม บริษัทพวกนี้แหละครับการทำมาหากินเข้าผิดบริษัทไม่ผ่าน ถูกต้องบริษัท ผ่านทั่วเลย เอาจริงไม่จริง เปิดดูสิ ลองบอกสิ ถ้าผมพูดอย่างไร เอาเลย จะเอาอย่างไรกับผมก็เอา ทำกันมาอย่างนี้สิครับ ของจริงทำอย่างนี้ ผลกระทบสิ่งแวดล้อมต้องทำ EIA ต้องทำ EIA ไปทำสิ หาบริษัทเก่ง ๆ มาทำไม่ผ่านหรอกครับ เปลี่ยนบริษัทไหน บริษัทนี้ปั๊บ ผ่านเลย เป็นอย่างไร จริงไม่จริงอย่างนี้
การแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นยุบพรรคการเมือง
เขายกป้ายนะครับ ต่อไปนี้ผมจะตอบคำถามให้มีเรื่องหน่อย ต่ออีกนิดหนึ่ง เขาบอกว่าชอบเอาหนังสือพิมพ์มาแสดง ไม่แสดงได้อย่างไร ดูสิ “หมักย้ำอีกมือที่มองไม่เห็น เจาะยางพปช. สั่งลูกพรรคสู้-เร่งแก้รธน.” ไทยโพสต์ “ยืมมือปชช. 5 หมื่นป้องหม้อข้าว พปช.อุ้มคนโกง สุมโหป้ายสีรธน.” ที่ปรึกษาพรรคการเมืองบางพรรค พูดจาอย่างโน้นอย่างนี้ ต้องดูจะแก้อะไรอย่างไร คือเหมือนกับไม่เห็นด้วยที่แก้ ลูกกะโล่บอกว่าอย่างไร ลูกกะโล่บอกแก้ให้ผิดเป็นถูก ไม่เห็นด้วย ผมจะบอกให้ฟังนะ ที่พูดน่ะไม่โดนกับตัวเอง พรรคที่โดนกับตัวเองออกมาแล้ว ผมโดนก่อน คนที่โดนถึงจะรู้ว่าเจ็บแสบอย่างไร ผมจะบอกให้ฟังนะครับว่า มันต้องมีเหตุผลในการที่จะดำเนินการอย่างนี้ ที่ทำกันมาเจตนาอย่างไร บอกได้ชัดเจนครับ 7,000 คนนี้ออกรัฐธรรมนูญเขียนทุกอย่างมา เพื่อจะให้พ่อคนนี้ตายลงไป รัฐธรรมนูญออกมาแล้วดันไม่ตาย ไม่ตายก็ยังลากมาจนถึงป่านนี้ ก็จะเอากันให้ตาย ผมก็บอกว่าผมไม่อยากมาย้ำว่าอะไรต่ออะไร ไม่อยากย้ำคิดย้ำทำ แต่คิดว่านั่นพอสมควรแล้ว ก็ต้องพูดครับ ต้องพูดเลย ผมบอกเลยว่า โลกเรานี้ ผมถามนักข่าว ข่าวนี้ไม่ออกหนังสือพิมพ์เลย ผมบอกคุณลองคิดนะ ที่ริมทะเลที่ใต้ตึกเปียก ถ้าเราไปยืนแล้วเอาไม้ยาวเมตรหนึ่ง เขียนวงกลม ขีดวงกลม หมุนรอบตัว เขียนวงกลมล้อมรอบบนทรายเปียก พอเขียนเสร็จรอบวงล้อมรอบ บอกออกไม่ได้ ๆ กลัว ก็ขีดวงเองนี่ ถ้ากฎหมายคนสร้างเอง จะต้องจัดการแก้ไข ถ้าเสียหายติดขัด มีคนบอกไม่เสียหายไม่ติดขัดอะไรต่าง ๆ ออกมาแล้วถ้าถามว่ามีผลย้อนหลังได้หรือเปล่า ก็หลักกฎหมายบอกว่าถ้าเป็นคุณย้อนได้ แล้วทำอย่างไร เมื่อคราวที่แล้วที่ไหน ชอบมาว่าเป็นพวกศรีธนญชัย ที่แล้วอย่างไรครับ
คดีความเรื่องยุบพรรค เขาอยู่ในศาล 2 เดือน ยังไม่เป็นตัวเป็นตนเลย ยึดอำนาจเสร็จแล้ว ประกาศฉบับที่ 27 ประกาศออกมาเลยว่าถ้าหากมีการยุบพรรค ให้คณะกรรมการต้องถูกลงโทษ 5 ปี เรื่องเกิดอยู่แล้ว เขากำลังดำเนินคดีความ เขาโดนที่กล่าวหากันนี่ พรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลง พรรคเล็กจ้างพรรคใหญ่ลง สู้กันสองพรรค เสร็จแล้วถือว่าคดียุบพรรคอยู่ในศาล ก็ทำยึดอำนาจแล้วประกาศออกมาถือว่าเป็นกฎหมาย ประกาศออกมาชัดเจนเลยว่า ถ้าหากว่าพรรคถูกยุบจะต้องให้กรรมการบริหารพรรคพ้นหน้าที่ลงโทษ 5 ปี ประกาศ ณ วันที่ 19 กันยายน 2549 และมาใช้วันที่ 30 พฤษภาคม 2550 คดีความเกิดอยู่ก่อน เราเอากฎหมายมาย้อนหลังไหม ย้อนหลังแน่เลย ทำไมทำได้ละครับอย่างนั้น แล้วทีนี้ถ้าจะทำเขาบอกกฎหมายเป็นคุณย้อนหลังได้ เป็นโทษย้อนหลังไม่ได้ รายนั้นบอกว่าเรื่องแพ่งเรื่องอาญา เรื่องยุบพรรคยุบกรรมการทำไม่ได้เป็นเรื่องแพ่ง ตอนนั้นย้อนหลังได้เพราะเป็นเรื่องแพ่ง อย่างนี้ศรีธนญชัยไหม คนไม่เดือดร้อนเองไม่รู้ ผมไม่มีปัญหา ผมบอกแล้ว ผมต้นทุนต่ำ จะฟาดฟันอย่างไรก็เอามาแล้วกัน หน้าแหลมฟันดำโผล่ออกมาเลย หาว่าเอาชาติอ้างชาติเป็นประกัน ได้อย่างไรครับ แล้วนี่เดินทางทำงานทำการตลอดติดต่อกับเขาหมด เพราะว่าเขายึดอำนาจมา เขาหันหลังให้หมด เลิกยึดอำนาจแล้วโชคดีได้มีรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญออกมาได้เลือกตั้ง กว่าจะกระเสือกกระสนก็แดกก็ดันเข้ามา แทบตายเลยครับกว่าจะได้มา 233 เสียง คู่ต่อสู้เหลือ 164 รวบรวมกันได้จะเป็นรัฐบาล 316 ตั้งรัฐบาลได้ ธรรมดา EU หันหลังให้ อเมริกาก็หันหลังให้ เขาไม่คบค้าสมาคมด้วย จีนหันข้าง ญี่ปุ่นหันข้าง เลือกตั้งเสร็จแล้ว ได้รัฐบาลแล้ว เขาหันหน้าเข้ามา ผมต้องเดินทางอยู่ตลอด นี่เพิ่ง 40 เพิ่งไป 4 ประเทศ พรุ่งนี้จะไปเวียดนาม และต่อไปต้องให้หมด 9 ประเทศอาเซียนก่อน เพราะเป็นกลุ่มของเรา ต่อไปต้องไปญี่ปุ่น ไปจีน ต้องไปยุโรป และต้องไปอเมริกา ทำไมละครับ พูดให้เขาเข้าใจว่าบัดนี้กลับมาตามปกติแล้ว เขาชื่นชมยินดี และบัดนี้แหละครับ จะตกลงกัน
ท่านหมอสุรพงษ์ (นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง) จะไปเจรจาสัญญา ไปไม่ได้แล้ว เพราะว่าพรรคจะถูกยุบ ไม่ถูกยุบ ฝรั่งถามตกลงจะยุบไม่ยุบ ตกลงจะเอาอย่างไร มีคนข้องใจกันอีกแล้ว เกิดการปั่นป่วนกันอีกแล้ว แล้วอย่างไรครับ ตั้งป้อมกันอีกแล้ว วันที่ 28 มีนาคม ทีแรกฮึ่ม ๆ ไป ๆ มา ๆ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ให้สถานที่ เป็นประชาธิปไตยให้สถานที่ ไม่ใช่พวกผม เขาเป็น ส.ส. ของผมคนหนึ่ง เขาไปคิด ผมกำลังจะออกปากห้าม ผมบอกไม่ละครับ ไม่ ต้องไม่ออกไปครับ ผมก็พูดคำนี้ ทั้งคณะเลยใครไปเชิญ ไปชวนอะไร กรุณาอย่าออกไป พูดกันชัดเจนเลยนะครับ ไม่ต้องไปต่อต้าน ให้เขาแสดงไปข้างเดียวครับ คนทั้งบ้านทั้งเมืองจะได้เห็น ว่ามีเหตุผลอะไร
บริหารบ้านเมืองมาได้เดือนครึ่งเท่านั้น หาว่าผมจะตั้งรัฐตำรวจ จัดการต่างๆ ตั้งเลย ว่าทักษิณ(พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) กลับมาอีกแล้ว ระบอบทักษิณกลับมาอีก ไหวไหมครับอย่างนี้ กระโดกกระเดกล้มลุกคลุกคลานแทบจะโงหัวไม่ขึ้น พอตั้งตัวได้ กำลังจะจัดการ พอจะถอนหายใจ เอาอีกแล้วครับ ผมบอกเขาเอาอีกแล้ว ปล่อยให้เขาเอาไปจะกี่หัวกี่หาง 1, 2, 3, 4, 5 ว่ากันไป คนของพรรคการเมืองไปร่วม หัวหน้าพรรคเขารับรองแล้ว บอกว่ามีสิทธิ ของผมไม่มีสิทธิครับ ของผมบอกไม่ ผมไม่เอาอย่างนั้นครับ ส.ส.เหมือนกันครับ อยู่สมุทรปราการ ผมต้องออกปาก ผมบอกไว้ทางโทรทัศน์เลย อย่าออกไป ในฐานะหัวหน้าพรรค อย่าออกไปเป็นเหยื่อ ไปเป็นเครื่องมือของเขา ไม่ได้หน้าตาอะไรหรอกครับ ไม่ต้องต่อต้าน ดูสิว่าจะออกโรงกันเท่าไร จะนั่งดูสิว่าเขาจะทำอย่างไร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ให้สถานที่ เราก็ไม่ไปขอมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ลำบากใจอธิการบดีเปล่าๆ เวลามีท่านจะให้ ให้เลยครับ เราจะดูสิว่าทั้งบ้านทั้งเมือง คนทั้งบ้านทั้งเมืองจะเห็นไหมว่า ตกลงใครดี ใครเลว ใครทำอะไรเสียหาย เห็นไหมครับ หรือว่าถ้าปฏิวัติยึดอำนาจทำได้ แต่ว่าประชาธิปไตยเลือกตั้งมา มีคนทักท้วงมาว่าทำไม่ได้
ตอบจดหมายประชาชน
เหลือเวลา 10 นาทีจะตอบคำถาม มีเรื่องไหม ดูคำถามหน่อย โครงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจมีคุณค่า อ่อนไหว ขอบพระคุณนะครับที่ฟังแล้วท่านเข้าใจเรื่องดี เจตนาจริงๆ ครับ เพราะว่าถ้าเราขึ้นได้ทีละบาท ขึ้นได้ 5 หน กว่าจะขึ้นอย่างนั้น ขอบคุณมากครับที่เห็นด้วย
คำถาม แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ทั้งฉบับ เพราะได้มาอย่างไม่ถูกต้อง
นายกรัฐมนตรี ผมจะบอกให้ฟังนะครับ แนวทาง ใจผมอยากจะทำทั้งหมด แต่ว่าอยากจะให้มันเร็ว เพราะจะแก้มาตราที่มีปัญหา ผมบอกว่าถ้าทำก็ทำทั้งที แต่ความคิดของผม วิธีแก้ไข ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 แล้วเก็บหมวด 1 ไว้ หมวดพระมหากษัตริย์ไม่มีอะไรเสียหาย ทุกอย่างถูกต้อง แล้วทั้งหมดก็เอารัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาประกบ แล้วอะไรที่ปี 40 ไม่ดีก็ถอดออกไป อะไรที่ปี 40 ดีก็ทิ้งไว้ แล้วอะไรต้องการเติม ก็เติมเข้ามา อย่างนี้ก็คงง่าย นี่เป็นแนวความคิดของผม อย่างไรก็ตามแต่ ใจผม เกรงใจคุณสดศรี (นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง) จริงๆ เรื่องแก้รัฐธรรมนูญต้องถามเลยครับ ลงประชามติกันว่าแก้ ไม่แก้ ก็ 2 พันล้าน ผมก็ไม่กล้าจะอย่างนั้นหรอกครับ เห็นด้วยกับท่านเลยว่าเสียของ จริงๆ ถ้าลงประชามติได้ เสียสัก 500 จะเอาเลยครับ ลงประชามติเลย ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้หรือไม่แก้ ถ้าเสียงส่วนใหญ่ บอกไม่แก้ ก็ไม่ต้องแก้ ถ้าส่วนใหญ่แก้ก็แก้เลย ประชามติต้องใช้ลำดับอย่างนี้นะครับ ก็ให้เป็นความคิด แต่ว่าอย่างไรก็ไม่เสนอนะครับ เพราะ 2 พันล้านเกินเหตุ
คำถาม พลังงานทดแทน อยากให้มีแหล่งเงินทุน ให้ชาวบ้าน
นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้กรุณาเถอะครับ เราทำทุกวิถีทาง ทุกที่เลยครับ กำลังนี้ไม่ได้ปลูกในเมืองไทย ไปปลูกที่ สปป.ลาว ไปปลูกที่กัมพูชา ไปปลูกที่พม่า พลังงานทดแทนนี่แหละครับ ทั้งปาล์ม ทั้งอะไรต่างๆ ทำเต็มที่ครับ เรื่องนี้ทุกคนร่วมมือ แล้วข้างบ้านเราเขาก็ร่วมมือด้วยนะครับ
คำถาม แนวทางการปรับปรุงช่อง 11
นายกรัฐมนตรี วันที่ 24 มีนาคม เขาจะประกาศแนวทาง วันที่ 1 เมษายน เริ่มรายการเลย ใครที่ไหน ช่องไหน มาเชิญไปออกโทรทัศน์ก็เกรงใจ อย่างสถานีช่อง 5 เขาเชิญมา 3 — 4 หน รัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ไปออกกันมา ก็เก็บผมไว้สักคน แต่ว่ารายการตัวจริงชัดเจน แต่วันที่ 1 เมษายน จะมาออกช่อง 11 แหละครับ ผมจะรับเชิญเป็นแขกคนแรกของเขาเลย รายการก็ดี ข่าวก็เรียบร้อยเลย มี Hot news เอาแต่ข่าวมาก่อนเลยนะครับ เปลี่ยนแปลง สำคัญข้อสัญญาคืออย่างไรครับ คุณเคยเป็นตัวของตัวเองอย่างไรเมื่อคราวคุณทำช่องนั้นที่เขามายึดไป คุณต้องเป็นตัวของตัวเองหมด รายงานทุกอย่าง แล้วข้อสำคัญคือว่า วิพากษ์วิจารณ์ได้เหมือนเคย ไม่ต้องมาประจบประแจงรัฐบาล รายการของรัฐบาลนั้น คือ ผมอาทิตย์ละหน ผมออกของผมเอง นี่แหละรัฐบาล รัฐมนตรีเชิญไปออกรายการ นั่นแหละรัฐมนตรีชี้แจง นอกนั้นตรงไปตรงมา ไม่ต้องมากระแซะ ไม่ต้องมาทำอย่างนั้นเลย เพราะว่าเราเคยเห็นว่าช่องเขา คนพวกนี้แหละครับที่จะเอามาปรับปรุงช่อง 11 ถูกต้องตามกฎหมาย มีผู้สนับสนุน ไม่มีโฆษณา ก็ต้องการจะเทียบเคียงให้ดูกับช่องสาธารณะ ช่องสาธารณะที่ยึดเอาไปนั่นแหละครับ ของเขาดีๆ เขาทำมาหากินของเขาได้เรียบร้อยดี เป็นกลางดีด้วย ไว้วางใจได้ด้วย ก็ถูกมองว่าเป็นช่องของอดีตนายกรัฐมนตรีอย่างนั้น อย่างนี้ ไป ๆ มาๆ ด้วยอะไรก็ตามแต่ ยึด แล้วทำอย่างไร ทีวีสาธารณะ ทีแรกบอกเอา 1,200-1,300 เดี๋ยวนี้เอา 2,000 อยู่ดีๆ แท้ๆ ต้องเอาเงินหลวงไปใส่ 2,000 รายการจะเป็นอย่างไรไม่รู้ คุณภาพจะเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้ เพราะฉะนั้น อยู่ตรงนี้ไม่ต้องใช้เงินเลยครับ ที่นี่สถานีนี้แหละครับ จะเป็นสาธารณะอยู่แล้ว ผมจะทำให้ช่องนี้เป็นช่องสาธารณะให้ดู แล้วใครจะสนับสนุนอะไรอย่างไร เขาก็ไม่ห้ามโฆษณา เขาให้มีโลโก้ มีป้าย ทำถูกต้องตามกฎหมาย ท้าทายให้ตรวจสอบ แต่ว่าเนื้อหานั้น ผู้คนในบ้านเมืองจะได้มีความสุขในการได้ฟังข่าวทันเหตุการณ์ Hot news เป็นอย่างไร ชัดเจนเลยครับ ทีมที่ทำเก่งๆ เอามาทำทางนี้ แล้วดูสิว่าจะเป็นอย่างไร
นี่คือความเปลี่ยนแปลงนะครับ ขอยืนยัน เริ่มต้นวันที่ 1 เมษายนนี้ครับ และท้าทายให้ตรวจสอบ ไม่มีการมาทำมาหากินที่นี่ และไม่มีการสั่งเสียว่าต้องมาเห็นแก่รัฐบาล ไม่ต้องเลยครับ ตรงไปตรงมาเลย รัฐบาลจะออกช่อง 11 เหมือนกัน คือช่องนี้ พูดเอาเข้าข้างรัฐบาล คือตัวหัวหน้ารัฐบาล แล้วรัฐมนตรีถูกเชิญออก เท่านั้นพอ นอกนั้นแล้วตรงไปตรงมา คิดดูทีวีช่องทหาร เขายังให้คนไปพูดจากระแนะกระแหนรัฐบาล ยังให้ทำได้เลยครับ ไม่ได้ออกปากหรอกครับ ไปเจอท่าน ผบ.ทบ. คุยกัน ผมยังไม่พูดกับท่านสักคำเลย ว่าช่องทหาร แล้วจะให้ไปออกรายการ กระแนะกระแหนรัฐบาล ไม่เป็นไรครับ ยังไม่จบก็ไม่เป็นปัญหา
ก็ลืมไปว่าอ่านหนังสือพิมพ์เมื่อเช้า ท่านที่ปรึกษาพรรคการเมืองพรรคหนึ่งท่านบอก พูดมาเลยสิ เก่งจริงพูดมาทำไม มือที่มองไม่เห็น พูดมาเลย ขอประทานโทษนะครับ ผมไม่เก่งครับ แต่ผมบอกได้เลยว่า คนทั้งบ้านทั้งเมืองเขารู้ไอ้มือนี้เป็นอย่างไร ท่านไม่รู้คนเดียว ก็เชิญไปคนเดียวแล้วกัน แต่เขาบอกเก่งจริงบอกมาเลย พูดแล้วต้องบอกมาว่าคือใคร อย่างไร ต้องขอประทานโทษจริงๆ ผมไม่เก่ง แต่ว่าที่รู้คือ ทั้งบ้านทั้งเมืองเขารู้ว่าคือใครนะครับ ท่านเชยอยู่คนเดียวไม่รู้
คำถาม อยากสร้างธนาคารตำบล
นายกรัฐมนตรี เขาดำเนินการแล้วครับ มีแน่นอนครับ เขาดำเนินการแล้วครับ
คำถาม อยากให้นายกฯ ย้อมผมหน่อย จะดูหล่อกว่านี้
นายกรัฐมนตรี ไม่ละครับ ผมจะบอกให้ฟังนะครับ ในชีวิตผมมีคนตัดผมมา 4 คนเท่านั้นเองครับ คนตัดผมคนที่ 4 สุดท้ายนี้ ตัดผมกันมา 40 ปี ไม่เปลี่ยนเลยครับ เดี๋ยวนี้มือสั่นนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรยังให้ตัดอยู่ 80 กว่าแล้ว ยังตัดอยู่ คุณสมัคร ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกนะครับ พอผมเริ่มขาวๆ อย่าย้อมเลยครับ ผมถามทำไม คุณเป็นนักการเมือง ต้องจริงใจกับประชาชน เพียงแต่ผมก็เอาไปหลอกเขาแล้ว ผมบอกจริงๆ เห็นด้วย เลยไม่ย้อมเลยครับ เอามันอย่างนี้แหละครับ ความจริงไม่แพ้ผมนะ มันมีดำๆ อยู่นิดหน่อย
คำถาม ยังมีลูกหลานอ่านหนังสือไม่ออกใน กทม.
นายกรัฐมนตรี อันนี้ต้องตรวจสอบให้แน่นอน ผมจะได้คุยกับทางฝ่ายการศึกษา กทม. ว่าจริงไม่จริง ลูกหลานแปลว่ายังเข้าอยู่ในโรงเรียน ถ้าเรียนในเรียน กทม. ครับคำถามนี้ผมมีช่องไป เพราะไม่ได้เป็นศัตรูกับ กทม. นะครับ ผู้อำนวยการสำนักงานศึกษา กทม.ก็รู้จักกัน จะไปเยี่ยมเลย จะถามว่าจริงไม่จริง ว่านักเรียน กทม. ซึ่งเรียนมาตั้งแต่ก่อนประถม เขามีอนุบาล กทม.ครับ ก่อนประถม จะถามว่า ทำอย่างนี้แล้ว มีไหมเด็กอ่านไม่ออก เพราะตามกฎหมายที่ใช้ ไม่เหมือน 3 จังหวัดภาคใต้นะครับ ไม่บังคับนะครับ ทางนี้บังคับนะครับ
คำถาม รายได้ขั้นต่ำราคาปัจจุบัน ควรเขยิบตามราคาสินค้า เพราะว่าเศรษฐกิจ
นายกรัฐมนตรี กำลังดูอยู่ครับ เรื่องนี้เรื่องใหญ่มากเลยครับ มีสถาบันกำลังทำอยู่ แต่ผมไม่ทำเอิกเกริก แต่จะดำเนินการแน่นอนครับ เพราะไปเห็นมาแล้วด้วย มีแนวทางศึกษาด้วย พูดให้ฟังง่ายๆ ว่า บ้านไหนรวยเขาให้สตางค์ลูกเขาไปโรงเรียนเยอะ บ้านไหนจนเขาให้สตางค์ลูกเขาไปน้อย บ้านเราประเทศเราจน แต่ว่าต้องทำ มันอย่างนี้อยู่ไม่ได้หรอกครับ สงสารลูก เพราะฉะนั้นเอาละครับจะช่วยดู
คำถาม ทุกวันนี้บ้านเมืองวุ่นวาย เพราะสื่อเป็นเหตุ
นายกรัฐมนตรี เขาสั่งมาแล้วว่าไม่ให้พูด ไม่ให้จา ไม่ให้ดูแคลนสื่อ เขาบอกอย่าไปแตะต้องเขา
คำถาม ขอให้นายกฯ กำชับสื่อ ให้เสนอข่าวในทางสร้างสรรค์บ้าง
นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ครับ อิสระเสรีภาพ ของสื่อมวลชนในประเทศไทย อยู่เหนือสิ่งอื่นใด แตะต้องไม่ได้หรอกครับ ต้องให้เขามีอิสระเสรีภาพ เราก็ดูเขาจะเป็นอย่างไร เราสิครับคนบริโภคสื่อ เราควรจะดูเลยว่า เมื่อเขาเสนอมาอย่างนั้นแล้วเราเป็นอย่างไร บอกขอบคุณมากอย่างนั้นไม่เคยรู้เลยเสนอข่าวอย่างนี้ เสนอข่าวอย่างนี้ เราควรหัวเราะเยาะ ก็หัวเราะดังๆ เลยครับ สติปัญญามีแค่นี้ จะมาทำหนังสือพิมพ์ เราทำของเราได้ส่วนตัวเรา ในสาธารณชนไม่ต้องหรอกครับ ไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้ออ่าน ชอบก็ซื้อ 2 ฉบับแจกเพื่อนอ่านด้วยเลย ต้องลาก่อนนะครับ วันอาทิตย์หน้า 08.30 น. พบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
รายการ “สนทนาประสาสมัคร”
โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11
และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม 2551 เวลา 08.30-09.30 น.
------------------------------------------
สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ รายการ “สนทนาประสาสมัคร” มาพบเหมือนเคยนะครับ เวลาจะมาพูดโทรทัศน์ พูดไป ๆ พูดมา 6 หนแล้ว พูดหนที่ 6 ปรากฏว่าใครต่อใครสั่งเสียกันใหญ่ ไปที่โน่นที่นี่ มีแต่คนสั่งเสียบอกว่าขอไม่ให้พูดเรื่องหนังสือพิมพ์ ไม่ให้ตำหนิหนังสือพิมพ์ ไม่ให้ว่าหนังสือพิมพ์ ไม่ให้ออกความเห็นตอบโต้หนังสือพิมพ์ แล้วผมจะจัดรายการนี้ทำไมละครับ เขาว่ากันโครม ๆ เขาบอกเขาเป็นกระจกส่อง แล้วผมก็บอกอะไรเป็นอย่างไร รายการนี้คือรายการที่ผู้คนทั้งบ้านทั้งเมืองเสพข่าวเสพหนังสือพิมพ์ เสพอะไรต่าง ๆ แล้วบ้านเมืองนี้ก็มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น จะตำหนิติเตียนอย่างไรก็ทำได้ สถานีราชการตำหนินายกรัฐมนตรียังว่าได้เลยครับ ไม่เป็นปัญหา สถานีโทรทัศน์บางช่องเขาก็มีคนจัดรายการ มาจากไหน ๆ ไม่รู้ ก็จัดรายการ พูดจาว่ากล่าวกระแทกแดกดัน เรายังไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรเลยครับ ทีนี้ปัญหาว่าจะให้เขานั่งถลุงเล่ากันข้างเดียว แล้วไม่ตอบไม่พูดเลย ไม่ช้าไม่นานก็มีปฏิวัติยึดอำนาจอีก ถ้าแบบนั้นละก้อ ก็เลวตามที่เขาด่าว่ากล่าว แต่ถ้าเรามีช่องทางตรงนี้จะอธิบายความ ผมก็ขอบพระคุณที่แนะนำที่ตักเตือนว่าไม่ให้พูดอะไรต่าง ๆ แต่ว่าเมื่อผมพูดแล้ว เขาก็มีวิพากษ์วิจารณ์กลับมา เราตำหนิติเตียนบ่นเขาไป เขาก็พูดจา ผมก็ต้องทำความเข้าใจ ท่านผู้ชมเป็นผู้ชม คนหนังสือพิมพ์เขาเป็นคนเขียนวิพากษ์วิจารณ์ผม วิทยุก็วิพากษ์วิจารณ์ โทรทัศน์ก็วิพากษ์วิจารณ์ แต่ปัญหาว่ามันต้องร่วมผสมผสานกัน ปล่อยให้เขาถลุงอยู่ข้างเดียว แล้วอย่างไรครับ เขาบอกว่าจะเอางานพวกเราส่งงานต้องแสดงเรื่องงาน ๆ ผมก็ทำเรื่องงาน ๆ
เอาละครับคราวที่แล้วเขาตำหนิว่า นั่งแต่พูด ๆ ไม่ทำอะไร แปลว่าที่ทำที่นั่งมานี่ ไม่ได้ประโยชน์ ผมต้องทำความเข้าใจเสียก่อนครับ มันต้องมีประโยชน์บ้าง แล้วจริง ๆ การจะทำงานอะไร งานที่ผมไปทำก็พอมี แต่ว่าผมมีคนอีก 35 คนทำงานอยู่กับผมนะครับ มี 35 คนนั่งทำงานอยู่กับผม ผมมาพูดจาอะไรต่าง ๆ คนเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องแสดงให้คนที่เขาเป็นประชาชนที่เขาดูเราอยู่ได้รู้ว่าเป็นคนที่มีความคิดบ้าง เพราะฉะนั้น มาก็จะมีพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ จัดการผมเสร็จเรียบร้อย ผมก็จะต่อท้ายเรียกว่าสารคดีของผม พูดเพื่ออะไร พูดเพื่อจะให้ได้รู้ว่า หนทางที่มีปัญหาก็หาหนทางแก้ บางครั้งดูเหมือนไกลเกินไป แต่ผมคิดว่า ถ้านักวิชาการเขียนหนังสือ ทำโน่นทำนี่ ยกย่องสรรเสริญกันได้ ทำไมคนเป็นนายกรัฐมนตรีจะแสดงความเห็น ผมไม่เขียนเป็นหนังสือ ครับ ผมพูดอะไรต่าง ๆ ผมจะขออนุญาตตรงนี้ใช้เวลาตอนต้นทบทวนให้ดูหน่อย
อธิบายวิธีแก้เศรษฐกิจด้วยเศษสตางค์
ผมพูดเรื่องแก้เศรษฐกิจด้วยเศษสตางค์ เจตนาของผมคือว่าให้เก็บเหรียญเอาไว้ พูดถึงบ้านอื่นเมืองอื่น ก็เอาสหรัฐอเมริกาเป็นตัวอย่าง เขาเก็บเหรียญ 4 เหรียญไว้ ร้อยปีเขายังอยู่ เขายังซื้อ 98 ทอน 2 97 ทอน 3 เราก็บอกว่าเหรียญของเราก็บอกให้เก็บ เหรียญบาท เหรียญห้า เหรียญสิบ เจตนาคือว่าต้องการจะให้ว่าขึ้นราคา ราคา 20 บาท ขึ้น 1 บาท ก็อยู่ได้แน่นอน ขึ้น 1 บาทก็ขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ ก็เทียบให้ดูอาหาร 5 เปอร์เซ็นต์ อย่างนี้นะครับ พูดอย่างนี้ ถ้า 25 บาทก็อยากให้ 26 บาท แต่ว่าที่พูดแล้วผลคืออย่างไร ผลคือว่าทางฝ่ายราชการ คิดว่าจะให้เศษสตางค์คือเหรียญสลึง เหรียญห้าสิบ เข้าใจผิดไปเลย เขาคิดว่านั่นคือเศษสตางค์ บาทไม่ใช่เศษสตางค์ นั่นเป็นความเข้าใจผิด อาจเป็นความบกพร่องของผมเอง เรียกเหรียญบาทว่าเศษสตางค์ เจตนาคือให้เก็บเหรียญบาทไว้ และก็นินทาไว้ว่าตัวเหรียญแพงหน่อย จะปรับปรุงอย่างไรก็สุดแท้แต่ แต่ไปปรับปรุงเป็นเหรียญ 2 บาท ผมไม่เห็นด้วย นี่ก็คือว่าเราก็แสดงความคิดเห็น เขาจะผลิตใหม่ เขาจะได้ไม่ผลิต ให้เก็บเหรียญไว้เพื่อว่า 20 บาทจะเป็น 21 บาท 26 บาทเป็น 25 บาท ผลที่ออกมาเป็นอย่างไรรู้ไหมครับ 30 บาทลด 1 บาท คนที่ร่วมมือลด 1 บาท ขายข้าวแกง 29 บาท ก็คุยบอกว่าลด อย่างนั้นก็เข้าใจ ลด 1 บาท ก็ยังดีกว่าไม่ลด แต่สำคัญผมจะบอกว่า 25 บาทเป็น 26 บาท ไม่ใช่ 25 บาทเป็น 30 บาท หรือไม่ใช่ 30 ถ้า 30 บาทเป็น 31 บาท แต่เหลือ 29 เราต้องการว่าให้ขึ้นทีละขั้น ให้ขึ้นบันได 5 หน อย่างนี้ครับ ก็พูดเรื่องแก้เศรษฐกิจด้วยเศษสตางค์ก็เจตนาอย่างนี้ ก็คุยแล้วจะต้องมีความหมายว่า เราต้องพยายาม ถ้าเก็บเศษสตางค์ได้ ต้องมีคนร่วมมือด้วย อธิบายให้เห็นเลยว่าพ่อค้าแม่ค้ากำไรเท่านั้นอย่างไร นั่นแหละครับได้แต่พูด ๆ แต่ผลที่ได้นั้น ถ้าร่วมมือกันจริง ๆ ถ้าเหรียญบาทใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง เก็บไว้เหรียญบาท เหรียญห้า เหรียญสิบ มันก็จะขยับขึ้นได้จริง ๆ เพราะเราพิสูจน์ได้ว่า 20 บาทขึ้น 1 บาท คือขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ ใช่ไหมครับ แต่ว่า 20 บาท ขึ้น 25 บาท ขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ครับ อย่างนี้ไม่ไหว ต้องให้เห็นว่าอาหารขึ้นที 25 เปอร์เซ็นต์ ขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ ขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ นี่คือคนเป็นนายกรัฐมนตรีมาพูดแสดงความเห็น อย่างน้อยต้องได้ประโยชน์จากทุกฝ่าย ทั้งผู้บริโภค ทั้งคนผลิตเหรียญ ทั้งพ่อค้าแม่ค้าต้องได้คิด พูดเพื่ออย่างนี้นะครับ
อธิบายเรื่องน่าคิดจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค
ถัดไปยกตัวอย่างมีเรื่องหนึ่ง เรื่องน่าคิดจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค ผมต้องการให้รู้ว่าผมไปถึงผู้ผลิตขายส่งเป็นอย่างไร แล้วมาขายพอไปจ่ายตลาดเป็นอย่างไร จังหวะตรงนี้ละครับ จากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค มันห่างกันมาก ถ้าสัก 2 ช่วง ถึงจะนั่น คือดูแล้วคนขายกำไรมาก คนขายนั่งขายต้องกำไร คนขนก็กำไร 2 คนเท่านั้น แต่ลองสิครับถ้า 5 บาท 25 บาท คนปลูกได้ 5 บาท คนกินจ่าย 25 บาท คนขนและคนขายเอาไป 20 บาท อย่างนี้เกินเหตุไหม หมายความว่าคนซื้อ ๆ 20 บาท คนขาย ๆ 8 บาท และคนที่นั่นเอาไป 12 บาท ผมคิดอย่างนี้นะครับว่า คนบริโภคจะได้จ่ายน้อยลงหน่อย คนผลิตจะได้มากขึ้นหน่อย และคนกลาง คือทั้ง 3 คนต้องอยู่ได้ ที่พูดเรื่องนี้เรื่องน่าคิดจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค มาแจกแจงราคาผักต่าง ๆ ต้องการให้เห็นอย่างนี้ หน่วยราชการใครที่ไหนเขาเห็น ถ้าเขาเห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรี เขาจะไปจัดการดำเนินการที่ไหนต่อไหน คนบริโภคก็ต้องนึกว่าต้องไปตามดู จะซื้อให้ถี่ถ้วนหน่อย คนจะปลูกจะขาย ไปซื้อเขามาจากไร่ จะได้ไม่กดกันเกินไป พูดก็เพื่อเจตนาต้องการอย่างนี้ครับ
แนะเอาหนี้เข้าระบบเพื่อลดหนี้
ผมบอกว่าทุกข์เพราะเป็นหนี้และวิธีแก้ทุกข์ ก็ต้องการให้เห็นมีหนี้ ครูตัวสำคัญต่างๆ ผมก็ไม่ได้ประกาศนโยบายจะปรับหนี้ แต่ว่าให้เป็นแนวทางว่าหนทางมี คนเป็นหนี้ร้อนฉ่ามา ก็อุตส่าห์ไม่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นหนี้อย่างไร คือว่าเอาละเป็นหนี้ เป็นหนี้น้อย 80,000 บาท เป็นหนี้มาก 800,000 บาท ให้เห็นตัวเลขอย่างนั้น และอธิบายให้ฟังว่า เราถ้าเผื่อไปซื้อบ้านก็เอาบ้านค้ำประกัน เหมือนเอาเงินเดือนค้ำ ถ้าเงินเดือนค้ำแล้วก็ผ่อนชำระ แนวทางของผมก็คือว่า หนี้ไปจ่ายหนี้นอกระบบ 80,000 บาทก็จ่ายเดือนละ 8,000 บาท เขียนเช็คไว้ล่วงหน้าเลย เผลอประเดี๋ยวเดียว 10 เดือน 80,000 บาทแล้ว ดอกเบี้ยทั้งนั้นไม่ได้จ่ายต้น แนวความคิดให้ฟังว่า สมัยที่ดอกเบี้ยแพงร้อยละ 15-16 15 เปอร์เซ็นต์ 15 ปี 80,000 บาทจ่ายคืน 1,065 บาท เพราะฉะนั้น ใครเป็นหนี้ 80,000 บาท เคยจ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 8,000 บาท ก็สามารถที่จะเอามาเข้าระบบได้ เอาเงินเดือนไปค้ำประกัน ก็จ่ายเพียง 1,065 บาท นั่นดอกเบี้ยร้อยละ 15-16 บัดนี้ดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 8 เคยจ่าย 1,065 บาท เหลือ 750 บาท ก็บอกว่าคนเป็นหนี้ 80,000 บาท เคยจ่ายแต่ดอกเบี้ยเดือนละ 8,000 บาท ก็จ่ายทั้งต้นทั้งดอกเดือนละ 750 บาท ก็เอามาเข้าระบบ ใครมีอะไรต่าง ๆก็ช่วยจัดการ ถ้าสงเคราะห์ก็เอามาเข้าระบบ อธิบายแนวทางไว้ เป็นหนี้ 800,000 บาทเคยจ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 80,000 บาท มีนะครับ ไม่ใช่ไม่มี ก็สามารถที่จะเอามาเข้าระบบ และจ่ายเดือนละ 7,500 บาท 180 เดือนหมดทั้งต้นทั้งดอก เป็นหนี้ 800,000 บาท จ่ายเดือนละ 7,500 บาท อย่างนี้ครับเอาเงินเดือนค้ำประกัน นายกรัฐมนตรีพูดเป็นแนวทาง ใครจะเอาไปช่วยไปทำอย่างไร ครูจะทำอย่างไร ผมจะตามไปดูของผม แต่การพูดนี่มันไร้ประโยชน์หรือครับ พูด ๆ อย่างนั้นหรือครับ คนฟังนะครับ ราชการเขาต้องฟังว่านายกรัฐมนตรีคิดอย่างไร ไม่เป็นคำสั่งไป แต่ผมต้องตามไปดูของผมแน่ โครงการจะช่วยครูเป็นอย่างไร คนโน้นเป็นอย่างไร คนนี้เป็นอย่างไร ก็ต้องตามไปทำ แต่พูดให้ฟังเสียก่อนว่าคนบริหารบ้านเมืองมีความคิด ไม่ใช่มานั่งทื่อ ๆ ไปเปิดงานตัดริบบิ้น ไม่ใช่ คิดให้ฟังว่าคิดอะไรอย่างไร
ตั้งสถาบันระดับชาติเพื่อดูแลผู้ป่วย
อีกเรื่องคราวที่แล้วเรื่องทุกข์ของหมอ ปรากฏว่าพูดจาเหมือนกับรีบร้อนไปหน่อย คุยแต่เรื่องอื่นเสียเยอะแยะ ปรากฏว่าเรื่องคุณหมอน้อยไปนิดหนึ่ง เมื่อวันก่อนไปเจอคุณหมอ ผมไปตรวจโรค 3 เดือนตรวจหนหนึ่ง ก็ดีครับ น้ำตาลดี ไตรกลีเซอร์ไรด์ ทุกอย่างดีเรียบร้อยหมด ก็บอกให้รู้เท่านั้นครับ ยังแข็งแรง พอฟัดกับอะไรต่ออะไรได้อีกเยอะ ได้คุยกับคุณหมอต่อ คุณหมอก็นั่งเล่าให้ฟังว่าที่มาก็ฟังเหมือนกับว่าหมอจะออกกฎหมาย คนอื่นมีกฎหมายคุ้มครอง หมอจะขอกฎหมายคุ้มครอง หมอบอกไม่ใช่เลย หมอใหญ่ระดับผู้อำนวยการเป็นกรรมการแพทยสภา ก็บอกเลยครับว่าคุณสมัครวันนี้เล่าต่อหน่อยได้ไหม ผมบอกได้ คุณหมอบอกว่าบอกให้คนฟังหน่อย หมอคิดถึงเรื่องไม่ต้องการให้คนไข้เสียชีวิต มีสถิติจากสหรัฐอเมริกา นิวยอร์ก แสนคนที่ตาย เขาเอามาดู เขาบอกว่านี่ถ้าหากว่ามีระบบระเบียบ 7, 8, 9 ข้อ ถ้ามีอย่างนี้มาจะตายเพียง 50,000 คน เขาทำอย่างไรครับ เขาเรียกว่า National Patient Safety Foundation คือต้องการให้มีสถาบันในระดับชาติ กระทรวงสาธารณสุข และร่วมกับใครต่อใคร เขามีหน่วยงานหลายหน่วย ซึ่งเป็นหน่วยที่ว่าสภาวิชาชีพ กระทรวงสาธารณสุข สมาพันธ์สภาวิชาชีพ สมาคมโรงพยาบาล สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) คณะกรรมการ ใครต่อใครเกี่ยวกับเรื่องผู้คนทั้งหมดให้รวมกันตั้งสถาบัน เขาต้องการอะไรครับ เขาเรียกว่า Patient Safety Goal แปลว่ามีความถี่ถ้วน คุณหมอติดป้ายเลย ล้างมือก่อนทุกครั้ง เขาบอกว่าถ้าเพียงแต่ล้างมือ จะตรวจคนไข้ล้างมือก่อน ก็ช่วยได้เยอะ ไม่ให้ยาคนไข้ผิด คือต้องตรวจสอบให้แน่นอน ตรวจเลือด ติดป้าย ๆ ถี่ถ้วนตรงนี้ ถี่ถ้วนเรื่องจ่ายยา จ่ายยามากไป จ่ายยาน้อยไป จ่ายยาผิด สนทนากับคนไข้ ไม่ตรวจสอบคนไข้แพ้อะไรต่ออะไรอย่างไร และต้องมีการบันทึกของคนไข้ การสื่อสารระหว่างคนไข้กับคนดูแล จะต้องทำอย่างไร ถี่ถ้วนนะครับ แม้กระทั่งว่าที่ผ่าตัดที่จะทำอะไร ดูเรื่องอัคคีภัย อันตรายที่คนไข้จะลื่นหกล้มต่าง ๆ และก็ผ่าตัดผิดที่ ผ่าตัดผิดคน เรื่องต่างๆ
เขาบอกทั้งหมดมี 9 ข้อ ถ้าหากมีสมาคมระดับชาติ ซึ่งเขาบอกองค์การอนามัยโลก (WHO) อยากให้ทำ กระทรวงสาธารณสุขของเราไม่สนใจเท่าไร ทีนี้กระทรวงสาธารณสุขรัฐบาลผม ผมก็บอกว่าไม่ได้มีอะไรนักหนา ควรจะต้องมี และถ้าคนแสนหนึ่ง ถ้าทำอย่างนี้ 8-9 ข้อ ตายน้อยไปครึ่งหนึ่ง อย่างนี้ก็ช่วย และเขาบอกชัดเจน ไม่ต้องการเอากฎหมายมาช่วยว่าหมอทำผิดและกฎหมายป้องกัน อาชีพอื่นมีนะครับ แต่หมอไม่ต้องการอย่างนั้นครับ เขาต้องการเพียงแต่ว่าให้เข้าใจเสียว่าเป็นอย่างไร และแนะนำว่าเขาต้องมีกองทุนสำหรับเยียวยาเวลาเกิดเหตุ ข้าราชการไม่กอง เอกชนเขากอง เกิดเหตุปั๊บเขาเจรจาความเลย ตกลงกันได้เสร็จ ก็ไม่ไปถึงคดีอาญา ก็เป็นคดีอาญาน้อย ที่ผมพูดคราวที่แล้วบอกว่าเหล้าไม่มี มีบ้างถ้าบ้าเลือดจริง ๆ พวกทหารที่จะเอาเรื่อง แต่ว่าจริง ๆ เขาตกลงกันได้ เขาก็ว่าราชการก็ควรจะทำ เพราะฉะนั้น เรื่องอย่างนี้คำที่ชอกช้ำใจหมอคือว่า ท่านผู้พิพากษาท่านพิพากษา ท่านก็เอากฎหมายมาทำการวินิจฉัยธรรมดา เอาผู้เชี่ยวชาญ คนที่ดำเนินการก็แพทย์ฝึกหัด ให้ดำเนินการตีหนึ่งตีสองแล้วเกิดเหตุ เหตุย่อมเกิดขึ้นได้ในเท่าไรส่วนเท่าไร เกิดขึ้นได้ แต่เวลาถ้าโดนไปฟ้องคดีแล้ว เอาผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ คำพิพากษาออกมาว่า เมื่อรู้ว่าตัวยังไม่เชี่ยวชาญต้องระมัดระวังยิ่งกว่าปุถุชนธรรมดา อย่างนี้ตายไหมครับ อย่างนี้ต้องฟังความ พวกหมอบอกแล้วจะเป็นไปทำไม เจตนาต้องการจะช่วยคน แต่อุบัติเหตุเกิดขึ้นมาแล้ว ก็มีความรับผิดชอบ ก็รับผิดชอบทางแพ่งเป็นส่วนใหญ่ ทางอาญา ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง กฎหมายที่เขาเขียนเขาบอกว่า ถ้ารุนแรงร้ายกาจจริง ๆ มีเจตนาจริง ๆ ต้องการจะผ่า เขาควักหัวใจไปให้ไปอะไรอย่างนี้ ถ้าแบบนี้ละก็ต้องนั่นได้ เขาบอกโอเคไม่เป็นปัญหา คือหมอจะถูกลงโทษได้ แต่ว่าจริง ๆ แล้วต้องการว่า มันมีระบบวิธีการ เพราะฉะนั้น เขาทำกฎหมายเข้ามาแล้วครับ แต่เขาไม่ได้บอกว่าต้องป้องกันหมอ ต้องอะไร เขาช่วยคิดเรื่องคนไข้
วันนี้พูดให้คุณหมอยาวนิดหนึ่ง เพราะเรื่องอย่างนี้ไม่ได้วิตกทุกข์ร้อนแต่ทางแพทย์ สมาคม เท่านั้น ผู้คนต่าง ๆ ผมไม่อยากออกชื่อครับ วิตกทุกข์ร้อนว่าจะอย่างไรกัน เพราะสมัยนี้อย่างไร บ้านเมืองทันสมัยขึ้น แต่ก่อนไม่มีหรอกครับ หมอความ จะเอาเป็นเอาตายไม่มี ความเจ็บช้ำน้ำใจ เวลาญาติจากไป มีทุกตัวคนครับ แต่เขาก็เยียวยากันด้วยปัจจัย ด้วยอะไรต่าง ๆ ถ้าเห็นใจเข้าใจ มันก็อยู่กันได้ทั้งหมอทั้งคนไข้ แต่ถ้าโดนโครม ๆ อย่างนี้ ผมนึกว่ามีรายเดียวนะครับ มีเป็นแถว เพราะฉะนั้น ของเราก็ต้องบอกให้ว่าจะต้องมีการหาหนทางปรับปรุง แต่เขาปรับปรุงทางซีกเขาเอง เขาบอกว่าถ้ายอมตั้ง กระทรวงสาธารณสุขตั้งสภา เอามารวมกัน แล้วจะตั้งชื่อไทยเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ ดูแลคนไข้ แปลว่าทุกโรงพยาบาลต้องมีข้อป้องกันนี้ 1,2,3,...7,8,9 ติดไว้เลยต้องถี่ถ้วน เขาบอกถ้าถี่ถ้วนตามนี้ ทุกครั้งจะตรวจคนไข้ใหม่ต้องล้างมือใหม่อย่างนี้ ทำได้ไหม ทุกอย่างไม่ได้เรื่องยากเย็น แต่อเมริกาเขาทำ เราก็เอาตัวอย่างเขาเข้ามา ก็บรรเทานะครับ เคยตายแสนหนึ่ง ถ้าทำอย่างนี้แล้วลดลงครึ่งหนึ่ง เห็นไหมครับ หมอเขาก็ช่วยคิด ผมก็ไม่ได้อะไรหรอกครับ ไปตรวจประจำ 3 เดือน ได้ข้อมูลมาก็มาเพิ่มเติมหน่อย
รายได้ของคนสิงคโปร์พอกับรายจ่าย
ทีนี้เมื่อคราวที่แล้ว ความจริงเริ่มต้นควรจะบอกว่าไปไหนว่า อาทิตย์ที่แล้ว ก็ไปสิงคโปร์ ก่อนไปมีคนเขียนหนังสือพิมพ์วิพากษ์วิจารณ์ ไปเอาตัวอย่าง เขาเป็นนักธุรกิจ เขาเอาโทรทัศน์มาออกให้ฟัง ฟังแล้วบอกนายกรัฐมนตรีฟังนักธุรกิจเขาพูด และเราสนใจมาหาหนทางแก้ไข ไม่ได้เหรอครับ กลายเป็นว่าอยู่ในช่วงฟ้องนายกรัฐมนตรี คนนั้นก็เป็นคนนี้ ไปอ่านหนังสือพิมพ์สิครับ ผมไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ เหมือนกับว่านายกฯ ต้องไปฟัง แล้วเราไม่ฟัง ถ้าเขาออกความเห็นที่น่าคิด ฟังไหมครับ คนที่ความเห็นน่าคิดของเขา เมื่อเราฟัง เขาบอกสินค้าเกษตรนับวันแพงขึ้น ราคาขึ้น สินค้าขึ้น เขามีความเห็นว่าสินค้าเกษตรแพงดี แต่รายได้ต้องดี และเขาก็พิสูจน์ด้วยตัวเขาเอง เขาบอกเขาจ้างคนขับรถ เมื่อ 30 ปีที่แล้วจ้างคนขับรถ เดือนละ 900 บาท บัดนี้ผ่านมา 30 ปี เขาจ้างคนขับรถเดือนละ 30,000 พิสูจน์ว่าอย่างไร พิสูจน์ว่าเมื่อ 30 ปีก่อน ทองบาทละ 450 บาท คนขับรถ ขับรถซื้อได้ 2 บาท ได้เงินเดือนคือ 900 เดือน บัดนี้คนขับรถก็ซื้อทองได้ 2 บาท ถ้าจ่าย 30,000 บาทที่ว่า แล้วมันได้ไหมครับ ผมก็บอกเลยว่าผมไม่ได้ประกาศจะไปขึ้นเงินเดือนอีกข้างทันทีเดี๋ยวมีปัญหา ผมบอกเศรษฐกิจการคลัง เศรษฐกิจพาณิชย์ 4 หน่วยงาน คุณช่วยดูสิว่าทำไมบ้านอื่นเมืองอื่น เขาทำให้รายได้พอกับรายจ่าย แล้วทำไมของเรากดรายได้เอาไว้ กดรายจ่ายเอาไว้ แต่มือที่กดรายจ่าย กดไม่ขึ้น คนแรกกดอย่างนี้ ผมบอกถ้าอย่างนี้จะอยู่กันได้อย่างไร เราแสดงความคิดเห็นอย่างนี้ไม่ได้หรือครับ พูดไว้ในวันอังคารออกไป เย็นก็ไป ออกข่าวเยี่ยมสิงคโปร์ 3 วัน ความจริงวันเดียวครับ ไปค่ำแล้วก็ทำธุรกิจเยี่ยมท่านเสร็จ 1 วัน รุ่งขึ้นเช้ามืดกลับเพราะมีงานในกรุงเทพฯ
เดินดูราคาสินค้าที่ตลาดสิงคโปร์
ก็จะเล่าให้ฟังว่าตอนเช้าพิธีการจะเริ่ม 10.30 น. ผมก็บอก ผมขออนุญาตไปตลาด ตลาดสดมี สะอาดไหม สะอาดกว่าบองมาร์เช่ สะอาดกว่าตลาด อตก. อีก จัดอะไรบนแผงขายเหมือนกัน แต่พื้นน้ำไม่เปียก สะอาดก็แล้วกัน ของเขาดีก็ชมเขา แต่ไปเพื่ออะไร ไปเพื่อไปดู ตั้งแต่ดอกไม้อยู่ปากทาง และก็ซื้อ ดูข้าวของดูหมดครับ ผมจ่ายกับข้าวนี่ครับ ผมรู้เลยว่าอะไรเท่าไร บางอย่างแพงกว่า 1 เท่า บางอย่าง 2 เท่า บางอย่าง 3 เท่า บางอย่าง 4 เท่า ก็ถามว่า น่ากินไหม น่ากินครับ ผักหญ้าเป็นอย่างไร ปลูกมาจากมาเลเซีย โตกว่าเราไหม โต ต้องชมเขาครับ และของเราจะไม่ปรับปรุงพันธุ์ แต่เขาปรับปรุงของเรา และเขาก็ราคาแพงกว่า 1 เท่า แพง 2 เท่า แพง 3 เท่า แพง 4 เท่าก็มี เขาจะอยู่ได้อย่างไร ถ้าเขาได้รายได้เท่าเมืองไทย ไม่ใช่ ออกจากตลาด ยืนคุยหน้าตลาด ถามเลยรายได้ของคนที่จบปริญญาตรีได้เท่าไร ของเราได้ 6,500 บาท ของเขาถ้าจบใหม่ ๆ ได้ประมาณ 50,000 จบนานหน่อยแล้วได้ 65,000 มากกว่าเรา 10 เท่า จบใหม่ ๆ มากกว่า 8 เท่า รายได้มากกว่า 8 เท่า คนงานเป็นอย่างไร คนงานเลวที่สุดรายได้ 200 ทำงานทุกวัน เดือนละ 6,000 ที่โน่นแบบอย่างนี้ 200 มีเท่าไร มี 16,600 คน เบสิก 23 เหรียญ 16,600 ขึ้นมาฝีมือดีหน่อย 50 เหรียญ เท่าไร 30,000 เขาได้เดือนละ 35,000 ของเรามีฝีมืออาจจะได้สัก 10,000 ของเขาได้ 35,000 แปลว่าอยู่ได้ไหม อยู่ได้ครับ ต้องเลือกต้องซื้อต้องมีวิธีการ อย่างนี้เขาอยู่ได้ แปลว่าบ้านเมืองที่รายได้เหนือกว่ารายจ่าย
สิงคโปร์สร้างบ้านอยู่อาศัยให้คนในประเทศ
บินไป 2 ชั่วโมง 20 นาที ได้เจอเลยครับ ไม่คิดว่าจะเจอด้วย แล้วธรรมดารายการเขาเริ่มต้นที่ทำเนียบประธานาธิบดี Istana เวลา 10.30 น. เราก็มีเวลาแต่เช้า บอกเขาปลุกหน่อยตีห้า เท่ากับเราตีสี่ ผมไม่เป็นไรครับคุ้ยเคย ตื่นตีห้าตีสี่ หกโมงเช้าไปถึงตลาด ก็เท่ากับตีห้า เดินดูหมดครับ ผมก็ชอบของผม ใครจะไปก็ไปด้วย ผู้บัญชาการทหารบก (พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา) ยังชวนท่านไปตลาดเลย ผู้บัญชาการทหารเรือ (พลเรือเอก สถิรพันธุ์ เกยานนท์) ตกลงกันว่าจะไป ท่านไปติดอยู่เมืองอะไรก็ไม่ทราบได้กลับมาไม่ทัน ก็ไปหลายคนครับ ทั้งหมดประมาณ 14-15 คน ทีมไป 33 คน แต่พวกไม่สนใจก็นอนไป ผมตื่นแต่มืดไป ใสเสื้อเชิ้ตธรรมดาม้วนแขนนี่แหละครับ แล้วไปเดิน ก็ได้ความรู้ แรงงานขั้นต่ำได้เท่าไร ปริญญาตรีได้เท่าไร และอาหารในตลาดเท่าไร นี่ละครับจะไปเขาต้องไปดูที่ก้นครัว จะได้รู้เลย เขากินอยู่อย่างไร เหมือนกับอย่างนี้ครับ ดูแล้วเกิดความคิดไหม ออกไปก็ได้พูด จะได้บอกแล้วแต่บ้านใครบ้านมัน แต่ก่อนผมไปแต่โรงเรียน ไปโรงเรียนได้ 10 สตางค์ ไปโรงเรียนได้ 50 สตางค์ ไปโรงเรียนได้ 1 บาท บางครอบครัวเขาไปโรงเรียนแค่ 5 บาท 8 บาท 3 บาท บ้านใครบ้านมัน จะว่าบ้านจนก็ต้องอยู่อย่างจน บ้านรวยก็อยู่อย่างรวย สิงคโปร์เขาบ้านรวย และเขาทำอย่างไร เขาก็คงทำไม่ยากกว่าเราเท่าไร เพราะเขาเป็นเมือง Capital City เป็นเกาะขนาดภูเก็ต 770 ตารางกิโลเมตร ประชากรแต่ก่อน 3 ล้านคนเดี๋ยวนี้เกือบ 4 คน และเขาเก่งตรงไหน เขาเก่งตรงที่เขาสามารถจะทำให้คนในบ้านเมืองเขามีที่อยู่เป็นของตัวเองได้เกือบจะหมดแล้วครับ
ผมดูงานสิงคโปร์มาตั้งแต่หนุ่มจนแก่นี่ละครับ คนทั้งโลกดูงานการเคหะที่สิงคโปร์ ดูมาต้องจำได้ ผมชวนที่มหาดไทยดูงานการเคหะ ไม่เลิกแล้วก็ยังตามไปดูอยู่เพราะอยากจะรู้ ผมไปเห็นสิงคโปร์ 50 ปีที่แล้ว ไปหลังห้องน้ำ ส้วมยังเอาอีกถัง ของเรา 70 ปี ที่สิงคโปร์ 50 ปี เอาส้วมถังมาใส่ ถังใหม่ใส่ถังเก่าใส่ ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ จนเดี๋ยวนี้เขาทำอพาร์เม้นท์ใกล้เมืองอยู่ทำแบบ walk up 5 ชั้น คนจนอยู่ 1 ห้อง 2 ห้อง อยู่กันเต็มไปหมด 5 ปีเขาถอยไป เขาไปสร้างดักไว้อีก 5 กิโลเมตรข้างนอก สร้างไว้เลยครับ walk up เหมือนกันแต่ว่า 2 ห้อง 3 ห้อง ทางนี้บอกออกหมด ให้เช่านี่ ไปเช่าอันที่ 2 เป็น Renovate เขาก็เอามาให้เช่าต่อ ดังนั้น ก็สร้างไว้ พอมีลูกแล้ว 2 ห้อง 3 ห้อง ถัดไปอีก 5-6 กิโลเมตรข้างนอก สร้างอีกแล้ว และเอาอีก 2 ไป 3 ทางโน้นมี 3-4 ห้อง ไปทางชายเลยมี 5-6 ห้อง ครอบครัวเดียวนะครับ คนขับแท็กซี่มีลูก 5 คน เขามี 5-6 ห้อง เสร็จเรียบร้อยอย่างไรครับ สุดท้ายเขารื้อในเมืองหมดเลยครับ รื้อทิ้งเลย แล้วขึ้น High-rise 30-40 ชั้น มีแบบ One Studio 2 ห้องนอน 3 ห้องนอน 4 ห้องนอน 5 ห้องนอน และต่อไปเขาค่อย ๆ รื้อพวก walk up ขึ้นเป็นสูง 12 ชั้น 18 ชั้น บ้างเป็นมาตรฐาน เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมไป เขาบอกว่าร้อยละ 85 เป็นเจ้าของ ร้อยละ 15 เช่า บัดนี้ เกือบหมดแล้วครับ คนทั้งประเทศมีที่อยู่เป็นของตัวเอง จ่ายเงินชำระเงิน ผ่อนชำระ มีรายได้พอที่จะจ่ายได้ นี่เป็นตัวอย่าง ไปดูเขาแล้วว่าเขาทำอย่างไร เขาอยู่อย่างไร
ไปสปป.ลาวเงินปริญญาตรี 2,000 ของเรา 6,500 แต่เขาอยู่ของเขาได้อย่างนั้น เราก็ต้องอยู่ของเรา แต่ชักจะไม่ได้แล้ว แต่ไปดูที่เขาอยู่ได้ ที่เขาทำได้ เขาทำอย่างไร ต้องไปศึกษา ของเขาเท่ากับจังหวัดภูเก็ต 1 จังหวัด ของเรา 76 จังหวัด เพราะฉะนั้น ต้องเทียบเคียง แต่ศึกษาได้ไหมครับ ต้องได้ครับ ก็เหมือนครอบครัวที่ผมบอก ครอบครัวผมจนได้ไป 50 สตางค์ไปโรงเรียน ครอบครัวอื่นเขาได้หลายบาท เพราะพ่อแม่เขาทำไว้ แปลว่าต้องดูว่าพ่อแม่เขาสั่งสมไว้อย่างไร เขารวยมาแต่เดิม แต่ว่าคนที่เขาก่อร่างสร้างตัวที่เขารวย ก็เหมือนกับประเทศ ของเราต้องคิดไหมละครับ
ผมเสนอความคิดให้เขียนหนังสือ กลับมาบ้านอ่านบอกว่านายห้างซีพีคิดอย่างไรสมัครคิดอย่างนั้น ก็เขาพูดออกสาธารณชน เขาให้คนมาดู เราก็ต้องฟังว่าแล้วจริงไหมอย่างที่ว่า สินค้าราคาเกษตรควรจะให้สูงอย่างนี้พอใจดีไหม เขาพูดสินค้าเกษตรดี แต่รายได้ดีจะเอาอย่างไร ในห้างไม่บอกวิธีทำว่าให้ดีอย่างไร แต่เราต้องรู้ว่าต้องมีวิธีการ ต้องทำอย่างไร ต้องค้าขายอย่างไร ทำอย่างไรให้รายได้ต่อหัวมากขึ้น เขาเรียกผลิตภัณฑ์มวลชนในประเทศ (GDP) เท่าไร ผมไม่เอาตัวเลขมาแสดงหรอกครับ แต่รายได้ของเราโดยเฉลี่ยยังต่ำกว่ารายจ่าย ใครมาเป็นรัฐบาล เป็นโล่ก ๆ แล้วไป แต่ผมยังไม่รู้ว่าจะอยู่มากอีกเท่าไร แต่ผมจะทำของผม ผมจะดูแลให้ว่าจะทำอย่างไร ได้ไหมได้จะบอกให้รู้กัน แต่ไม่พูดพร่ำ ประกาศเอาหน้าเอาตา ไม่มีหรอกครับ ไม่พูดเรื่องขึ้นเงินเดือนไม่ขึ้นเงินเดือน แต่จะแก้ไขว่าให้รายได้กับรายจ่ายใกล้เคียงกัน อย่างนี้ก็ค่อย ๆ ทำค่อยไป มันวิธีการครับ ไม่ต้องการไปหาคะแนนเสียงอะไรต่ออะไรต่าง ๆ
จะพูดกันตรงนี้ก็พูดกันสักหน่อย ถ้าวันนี้พูดกันแล้ว เล่าเรื่องสิงคโปร์อีกหน่อยดีกว่า เดี๋ยวจะไม่จบ ไปถึงก็ธรรมดา เช้าพิธีต้อนรับที่ Istana สวยงามเหมือนเดิมครับ มีกอล์ฟ 9 หลุมอยู่ข้างใน ผมเคยไปมาแล้ว เมื่อก่อนตอนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเคยไปงานศพประธานาธิบดี เขาก็จัดให้ได้คุยกับท่านลี กวน ยู คุยกันเมื่อก่อนนี้ได้คุยกัน เสร็จแล้วท่านมาเยี่ยมประเทศไทยผมก็เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ นั่งหน้าเรือกับท่าน นั่งคุย ก็ยังจำได้ ไปเที่ยวนี้ก็ได้คุยกับนายลี เซียนลุง ลูกชายท่านนายกรัฐมนตรี เสร็จแล้วได้คุยกับท่านนายเอส อาร์ นาธาน ประธานาธิบดีสิงคโปร์ 35 ปีมาแล้ว ท่านประธานาธิบดียังจำผมได้ คุยกันมากมายหลายเรื่องครับ แต่ผมเอามาเล่าให้ฟังไม่ได้ คุยกันเสร็จเรียบร้อย จะจบท่านประธานาธิบดีตบไหล่ มิสเตอร์สมัครสีของคุณไม่เคยเปลี่ยน Your colour never change ผมก็บอกถือเป็น blessing ก็คุยกันครับ
แต่ที่ได้ดีที่สุดก็คือนายเตียว ซี เฮียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ ตอนเย็นเขามาเยี่ยมคำนับ ก็คุยกันเรื่องธุระหลายอย่าง พอตอนเย็นก่อนกินข้าว ได้คุยกับท่านอดีตนายกรัฐมนตรีลี กวน ยู เขาเรียกว่า Minister Mentor เป็นรัฐมนตรีแบบชั้นครู ท่านก็มานั่งคุย ทักทาย จำกันได้ 85 นะครับ น่าตาสดใสครับ เมื่อก่อนนี้เราไปสิงคโปร์ เขาจะขึ้นป้ายใหญ่ ๆ ช่วยกันหาเครื่องแต่งตัวประจำชาติของเรา ไปคุยกับนันยางครับ พอเจอท่านลี กวน ยู ท่านพยายามของท่าน ท่านใส่เสื้อ เสื้อของท่านคือท่านคงมีเชื้อจีนด้วย ท่านเลือกของท่านกึ่งจีน ไม่ถึงกับคอตั้ง แต่เป็นเสื้อมีคอ แบบว่ามีเค้าจีน แล้วก็ผูกเหมือนผูกเอี้ยม ก็ใช้ได้ดูก็เก๋ดีครับ แต่ท่านก็คงพยายามของท่าน น่าตาสดใสนะครับ คุยกันเรียบร้อย คุยกัน 1 ชั่วโมง จนเขาต้องมาตามบอกว่าถึงเวลาลูกชายท่านจะเลี้ยงข้าวแล้ว ลูกชายท่านเป็นนายกรัฐมนตรี คุยกันเยอะครับ คุยกันหลายเรื่อง ก็เล่าไม่ได้ครับ เพราะเรื่องอย่างนี้เขาไม่ให้คุยหรอกครับ ไม่ให้มาคุยในสาธารณชน
ปลูกต้นไม้ฉลอง 175 ปีไทย-สหรัฐฯ
ผมก็เล่าให้ฟังแต่เพียงว่า ก็ดีครับ 85 นะคุยกับ 72 ครึ่ง เหมือนกับธรรมดาๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ท่านก็ยังจำความหลังได้ ที่ท่านเคยมา ก็ไปทำหน้าที่อย่างนี้ แล้วก็เก็บมาเล่าให้ฟัง เล่าเรื่องตลาดให้ฟัง ตามเวลา รุ่งขึ้นก็กลับ เสร็จแล้วก็เล่าให้ฟังอีกนิดหนึ่ง ผมต้องกลับเช้ามืด ไปค่ำกลับเช้ามืด เพื่ออะไร เพื่อลงจากเครื่องบิน เขาบอกฉลอง 175 ปี สัมพันธภาพไทยกับสหรัฐอเมริกา นายกรัฐมนตรีแสดงความเลยไม่ไป วันที่ 20 มีนาคมคือวันฉลอง ก็จะปลูกต้นไม้ ผมก็ไปลงจากเครื่องบินมาเลย มาถึงมองเห็นรถทูตอยู่ข้าง เราอยู่ข้างหลังทูต ทูตไปทางอ้อมเราไปทางลัดไปเจอรถติด เลยต้องให้ทูตมารอเจอ ผมก็เรียบร้อย ลงไปปลูกต้นไปเสร็จเรียบร้อย ท่านปลูกต้นคูน ต้นไม้ประจำชาติ ท่านปลูกทรงบาดาล ผมบอกถ้าเพื่อทรงบาดาลจะเอาแค่ดอกเหลือง นี่ไม้พุ่มเตี้ย บอกคุณวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร บอกประดู่ จะเอาต้นไม้ร้อยปี ก็ปลูกต้นประดู่ มันออกสีเหลืองเหมือนกัน ไปดูต้นประดู่หน้าร้านมิ่งหลีที่หน้าประตูวิเศษชัยศรี เดี๋ยวนี้ เวลาออกดอกเหลืองอร่ามเลย เหลืองอย่างกับธงมหาราชเลย ผมบอกว่าต้นคูนออกปีละหนเดียว ไม่เป็นไร คูนก็โอเค แต่ว่าต้นถัดไป ควรจะประดู่ เพราะว่าวันไหนวันดี บานคลี่พร้อมอยู่ วันไหนร่วงโรย ดอกโปรยตกพรู ออกปีละ 6-7 หน 10 หนยังมีเลยครับ วันไหนวันดีขับรถไปมองดู แถวประดู่ เหลืองน่าชื่นใจ 3 วันแล้วก็ร่วง เผลอเดี๋ยวเดียว วันไหนวันดีเอาออกอีกแล้ว ออกทั้งปี เลือกทั้งทีไปเลือกต้นทรงบาดาล ไม้พุ่มสูง 2 เมตร ไม่ยืนเท่าไร สีเหลืองครับ บอกกับ กทม. ไว้เท่านั้นว่าถ้าคิดถึงสีเหลืองต้องประดู่อายุร้อยปี ทำพิธีเสร็จ บอกเขาว่าก่อนหน้าก่อนจะไป America Chamber of Commerce ขอเชิญปาฐกถาหน่อย ขอเลื่อนไปก่อนได้ไหม ผมกลับมาไม่รู้จะนั่นหรือเปล่า เที่ยงให้กินข้าวแล้วปาฐกถา ท่านทูตบอกฉลอง 175 ปี เขาจัดงานเพื่อฉลอง 175 ปี ตกลงไป ออกจากปลูกต้นไม้ก็ไปเลย ท่านทูตขอตามขบวนไปด้วยกัน ผมก็มีรถตามหลังคันเดียว ผมไปถึงก่อน ทูตไปถึงทีหลัง ก็เรียบร้อยดีครับ ผมก็ปาฐกถาให้ท่าน เขาเตรียมคำกล่าวมาให้ ผมก็กล่าวนอก speed ที่เตรียมไป
ตอบกระทู้แนวทางแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในสภา
ทำหน้าที่เสร็จ สภาโทรศัพท์ตามกระทู้สดต้องไปตอบ กระทู้สดมาถึงผมกี่โมง ห้าโมงเช้า ผมตกลงกับเขาไว้ว่ารีบกลับมาปลูกต้นไม้ และต้องปาฐกถาให้เขา รัฐสภาบอกว่าสภาสำคัญต้องให้ไปตอบกระทู้ ผมบอกแจ้ง 11.00 น. ผมก็มีงานที่ตกลงไว้ก่อนแล้วจะทำอย่างไร ผมก็ไปให้ 14.00 น. กว่า บอกช้านิดหนึ่ง ผมไปให้ก็ตอบกระทู้ ก็เรียบร้อยดีครับ 2 กระทู้ กระทู้หนึ่งถามยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการจัดการดำเนินการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมบอกผมไม่บอกหรอก ประเดี๋ยวคนที่เขาก่อความ เขาจะรู้ว่าทำอะไรหมด ผมให้เขาทำ แต่เขาทำไว้เรียบร้อย แต่ผมจะรายงานให้สภารู้ ว่าเมื่อก่อนหน้านี้ถัดไป แย่อย่างไร โดนเท่าไร ถี่ขนาดไหน และ 1 ตุลาคมปีกลายนี้ เมื่อเปลี่ยนคนรับผิดชอบใหม่ เขาได้ดูแลเรียบร้อยดีอย่างไร และทีหลังเขาทำเพื่อเหตุอะไร ผมอธิบายแค่นั้นเอง และผมจะรายงานสภาเรื่องนี้
กรณีสั่งให้นายตำรวจไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ภาคใต้
อีกเรื่องหนึ่งมาย้ายตำรวจอีกแล้ว บอกเลยเขาจะต้องจากลูกจากเมียไป ย้ายเขาไป เขาทำงานอยู่ทางนี้ ย้ายเขาไปปักษ์ใต้ ผู้บังคับการพลตำรวจตรี แล้วอย่างไร เขาถามเสร็จ ผมก็ถามบอกว่า นี่ผมจะบอกให้ฟัง ตำรวจคนนี้ถูกย้ายไปวันที่ 17 ตุลาคมปีกลายนี้ ผมยังไม่รู้ ยังไม่เกี่ยวข้องอะไรอย่างไร ทั้งที่ยังไม่เป็นตัวเป็นตน สมัครรับเลือกตั้ง วันที่ 7 พฤศจิกายน แต่วันที่ 17 ตุลาคม ย้ายตำรวจคนนี้ไปอยู่ที่ปักษ์ใต้ เสร็จเรียบร้อยแล้ว พอเดือนธันวาคมจะเลือกตั้ง ใครก็ไม่ทราบได้ย้ายเขากลับเข้ามา มาจัดการ อาละวาดฟาดฟันเรื่องเลือกตั้ง เสร็จเลยเป็นหัวหน้าทีม มีตำรวจ 700 กว่าคน จัดการไปทำงานหมดเลย งบประมาณไม่ต้องใช้มีคนจ่ายเงินให้ตำรวจ 700 กว่าคนทำงาน นี่ละครับสู้กันเรื่องเลือกตั้ง เสร็จเลือกตั้งแล้ว ได้ใบแดง ใบเหลือง กันเสร็จแล้ว ตำรวจเขาจะให้บอกไปที่เก่า ผมบอกแล้วอย่างไร ตัวเองจะต้องอยู่ที่นั่น แต่ให้เขาทำงานที่นี่ เสร็จแล้วเขาเอาไปแล้วเป็นอย่างไร ต้องพรากลูกพรากเมีย ผมบอกเมื่อคราวไป 17 ตุลาคม ช่วยไปหาหลักฐานหน่อยว่าได้มายื่นกระทู้สดในสภาหรือเปล่า และหาหลักฐานมาหน่อยสิว่า ไปร้องทุกข์ไว้ว่าต้องถูกพรากลูกพรากเมียหรือเปล่าตอนนั้น ถ้าตอนนั้นไม่ร้อง ตอนนี้มาร้องได้อย่างไร ก็เรียบร้อย 2 กระทู้ เสร็จเรียบร้อยก็ประชุม ก็เล่าให้ฟังไปทำอะไรอย่างไร
การทำ EIA บางครั้งทำให้เกิดความล่าช้า
ทั้งหมดนี้จะเรียนว่าได้ทำความเข้าใจกับท่านทั้งหลาย แล้วอะไรทั้งหมดทั้งปวงนี้ ผมก็อยากจะบอกนะครับว่า เมื่อเวลาเราทำงานนี้ เราก็บอก รัฐมนตรีบ่นไหม มีครับ ระดับรองนายกรัฐมนตรีก็บ่นมา คือว่ามีปัญหาผมต้องช่วยดูแลให้เขา ต้องมองปัญหาของเขา ปัญหาเวลานี้การงานอะไรต่าง ๆ มันติดมันขัดมันชักช้า รองนายกฯ สหัส ดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม บ่นมาแล้วครับ ถ้ารองนายกฯ สหัส บ่นมาแปลว่าใช้ได้เลย เพราะคนนี้เขาบ่นยากครับ เขาบ่นเลยมันติดขัด ภาษาฝรั่งเขาเรียก EIA โก้หรูหราถ้าผ่าน EIA แล้ว EIA คือคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ความยุ่งยากทั้งหลายทั้งปวงในบ้านเมือง ผมพูดตรง ๆ ครับ ผมพูดเสมอและยังไม่เลิกพูดด้วย สิ่งแวดล้อมมันเข้าไปแวดล้อมทุกสิ่ง แวดล้อมจนทำอะไรไม่ได้ กระดิกกระเดี้ยไม่ได้
ผมยกตัวอย่างให้ดูก็ได้ รถขนส่งมวลชนข้ามฟากเลยจากสถานีตากสิน ข้ามไป 4.3 กิโลเมตร ผมทำเสร็จเรียบร้อยจะดำเนินการ จะขอสตางค์มาทำสถานีทำราง บอกว่าอย่างไรรู้ไหมครับ ให้ EIA ได้แค่ 2.2 คือให้แค่วงเวียนใหญ่ บัดนี้มาต่อจากสิ่งที่ผมทำไป 6.8 ให้แค่วงเวียนใหญ่ แปลว่าอย่างไร แปลว่าคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมเห็นว่าทุกอย่างต่อไปให้แค่ 2.2 แล้ว 6.8 สร้างไว้เสร็จเรียบร้อย ทำไมไม่ห้ามสร้างตั้งแต่แรก เขาสร้างไว้เสร็จเรียบร้อย สุดท้ายอย่างไรก็ต้องให้ แล้วถ่วงไว้ทำไม นี่พูดกันตรง ๆ อย่างนี้ละครับ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแวดล้อมทุกสิ่ง เดือดร้อนกันหมดครับ ที่นั่นไปตั้งโรงงาน นับคาร์บอนเท่าไร ๆ ที่ตรงนั้นขอทำโรงงานตรงนั้น ๆ โรงงานไม่สร้างนะครับ สร้างอีก 6-7 โรง นับคาร์บอนเสร็จ คนจะไปสร้างจริงบอกไม่ได้ ที่เขานับพวกความบ้าเรื่องนี้ครับ คาร์บอนเต็มแล้ว โรงนี้ก็สบายไป โรงอื่นขอไว้ไม่สร้าง แต่ว่าสิ่งแวดล้อมนับคาร์บอนไว้บวก คนจะสร้างจริงทำไม่ได้ เห็นไหมครับนี่คือปัญหาของบ้านเมือง และต้องพูดไหมครับ นายกรัฐมนตรีทั่วไปเกรงใจคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม เพราะต้องการเอาหน้าว่าเป็นคนดี ผมไม่ละครับ ผมฟัดมาตั้งแต่ผมอยู่แต่ไหนแต่ไร อยู่ กทม. ผมฟัดมาแล้วเรียบร้อยเลย สู้กันมาเลยแถว ๆ ฝั่งธน ทำไม่ได้ เพราะอะไร โรงแรมขึ้นข้างสูงไม่ได้ เขาบอกว่าตอนบ่ายพระอาทิตย์ โรงแรม ไปบังเงาโบสถ์ แล้วตอนเช้าเงาโบสถ์พาดโรงแรม คิดอย่างไร คิดแต่ตอนบ่ายพระอาทิตย์ไปบังเงาโบสถ์ ไม่ให้เขาขึ้นสูง แล้วตกลงอย่างไร ถ้าโบสถ์บังทางนี้ตอนเช้า ทำอย่างไร ไม่ได้หรอก ผมอนุญาต ผมให้ดำเนินการ ความเจริญของบ้านเมืองก็มี ความพอดีก็ต้องมี แต่ว่าแวดล้อมเสียทุกสิ่ง ควรจะถมเป็นสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการชุดนี้ไปดูสิครับ ใครอย่างไรดูชื่ออย่างไรบ้าง มีทั้งนั้นเลย จะทำดีหมดเลย แต่ธุรกิจชาวบ้านเดือดร้อนอย่างไรไม่มีใครรับผิดชอบ ผมต้องรับผิดชอบและผมจะตามไปดู ตามไปแหวกอีก จะให้รู้เลย บ้านเมืองของเรา เอามาดูเลย มีคนบอกสมัครไปเที่ยวว่าใครต่อใคร เขาดัดจริต คำนี้ละครับเป็นคำที่เหมาะสมจริงๆ ถ้าจะให้เห็นชัดเจนต้องตำหนิด้วยคำอย่างนี้เลย และเราต้องไปดูเลยและที่ว่าไม่ดัดจริตทำอย่างไร สำคัญครับ คนจะลงทุน ติดใจ EIA นี่ จะให้ผมนินทาต่อไหม
นินทาต่อก็ได้ตรงนี้ครับ มีบริษัทที่จะตั้ง การตรวจสอบความเป็นสิ่งแวดล้อม มีบริษัทตั้งไว้เลย บริษัทนี้ ๆ ใครไม่รู้ไม่ชี้ไปเอาบริษัทนี้มา ไม่ผ่านหรอกครับ มีกระซิบข้างหน้าให้บริษัทนี้ทำ บริษัทนี้ทำ เท่าไรรู้ไหมครับ 10 ล้าน 20 ล้าน 30 ล้าน ทำผลกระทบสิ่งแวดล้อม บริษัทพวกนี้แหละครับการทำมาหากินเข้าผิดบริษัทไม่ผ่าน ถูกต้องบริษัท ผ่านทั่วเลย เอาจริงไม่จริง เปิดดูสิ ลองบอกสิ ถ้าผมพูดอย่างไร เอาเลย จะเอาอย่างไรกับผมก็เอา ทำกันมาอย่างนี้สิครับ ของจริงทำอย่างนี้ ผลกระทบสิ่งแวดล้อมต้องทำ EIA ต้องทำ EIA ไปทำสิ หาบริษัทเก่ง ๆ มาทำไม่ผ่านหรอกครับ เปลี่ยนบริษัทไหน บริษัทนี้ปั๊บ ผ่านเลย เป็นอย่างไร จริงไม่จริงอย่างนี้
การแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นยุบพรรคการเมือง
เขายกป้ายนะครับ ต่อไปนี้ผมจะตอบคำถามให้มีเรื่องหน่อย ต่ออีกนิดหนึ่ง เขาบอกว่าชอบเอาหนังสือพิมพ์มาแสดง ไม่แสดงได้อย่างไร ดูสิ “หมักย้ำอีกมือที่มองไม่เห็น เจาะยางพปช. สั่งลูกพรรคสู้-เร่งแก้รธน.” ไทยโพสต์ “ยืมมือปชช. 5 หมื่นป้องหม้อข้าว พปช.อุ้มคนโกง สุมโหป้ายสีรธน.” ที่ปรึกษาพรรคการเมืองบางพรรค พูดจาอย่างโน้นอย่างนี้ ต้องดูจะแก้อะไรอย่างไร คือเหมือนกับไม่เห็นด้วยที่แก้ ลูกกะโล่บอกว่าอย่างไร ลูกกะโล่บอกแก้ให้ผิดเป็นถูก ไม่เห็นด้วย ผมจะบอกให้ฟังนะ ที่พูดน่ะไม่โดนกับตัวเอง พรรคที่โดนกับตัวเองออกมาแล้ว ผมโดนก่อน คนที่โดนถึงจะรู้ว่าเจ็บแสบอย่างไร ผมจะบอกให้ฟังนะครับว่า มันต้องมีเหตุผลในการที่จะดำเนินการอย่างนี้ ที่ทำกันมาเจตนาอย่างไร บอกได้ชัดเจนครับ 7,000 คนนี้ออกรัฐธรรมนูญเขียนทุกอย่างมา เพื่อจะให้พ่อคนนี้ตายลงไป รัฐธรรมนูญออกมาแล้วดันไม่ตาย ไม่ตายก็ยังลากมาจนถึงป่านนี้ ก็จะเอากันให้ตาย ผมก็บอกว่าผมไม่อยากมาย้ำว่าอะไรต่ออะไร ไม่อยากย้ำคิดย้ำทำ แต่คิดว่านั่นพอสมควรแล้ว ก็ต้องพูดครับ ต้องพูดเลย ผมบอกเลยว่า โลกเรานี้ ผมถามนักข่าว ข่าวนี้ไม่ออกหนังสือพิมพ์เลย ผมบอกคุณลองคิดนะ ที่ริมทะเลที่ใต้ตึกเปียก ถ้าเราไปยืนแล้วเอาไม้ยาวเมตรหนึ่ง เขียนวงกลม ขีดวงกลม หมุนรอบตัว เขียนวงกลมล้อมรอบบนทรายเปียก พอเขียนเสร็จรอบวงล้อมรอบ บอกออกไม่ได้ ๆ กลัว ก็ขีดวงเองนี่ ถ้ากฎหมายคนสร้างเอง จะต้องจัดการแก้ไข ถ้าเสียหายติดขัด มีคนบอกไม่เสียหายไม่ติดขัดอะไรต่าง ๆ ออกมาแล้วถ้าถามว่ามีผลย้อนหลังได้หรือเปล่า ก็หลักกฎหมายบอกว่าถ้าเป็นคุณย้อนได้ แล้วทำอย่างไร เมื่อคราวที่แล้วที่ไหน ชอบมาว่าเป็นพวกศรีธนญชัย ที่แล้วอย่างไรครับ
คดีความเรื่องยุบพรรค เขาอยู่ในศาล 2 เดือน ยังไม่เป็นตัวเป็นตนเลย ยึดอำนาจเสร็จแล้ว ประกาศฉบับที่ 27 ประกาศออกมาเลยว่าถ้าหากมีการยุบพรรค ให้คณะกรรมการต้องถูกลงโทษ 5 ปี เรื่องเกิดอยู่แล้ว เขากำลังดำเนินคดีความ เขาโดนที่กล่าวหากันนี่ พรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลง พรรคเล็กจ้างพรรคใหญ่ลง สู้กันสองพรรค เสร็จแล้วถือว่าคดียุบพรรคอยู่ในศาล ก็ทำยึดอำนาจแล้วประกาศออกมาถือว่าเป็นกฎหมาย ประกาศออกมาชัดเจนเลยว่า ถ้าหากว่าพรรคถูกยุบจะต้องให้กรรมการบริหารพรรคพ้นหน้าที่ลงโทษ 5 ปี ประกาศ ณ วันที่ 19 กันยายน 2549 และมาใช้วันที่ 30 พฤษภาคม 2550 คดีความเกิดอยู่ก่อน เราเอากฎหมายมาย้อนหลังไหม ย้อนหลังแน่เลย ทำไมทำได้ละครับอย่างนั้น แล้วทีนี้ถ้าจะทำเขาบอกกฎหมายเป็นคุณย้อนหลังได้ เป็นโทษย้อนหลังไม่ได้ รายนั้นบอกว่าเรื่องแพ่งเรื่องอาญา เรื่องยุบพรรคยุบกรรมการทำไม่ได้เป็นเรื่องแพ่ง ตอนนั้นย้อนหลังได้เพราะเป็นเรื่องแพ่ง อย่างนี้ศรีธนญชัยไหม คนไม่เดือดร้อนเองไม่รู้ ผมไม่มีปัญหา ผมบอกแล้ว ผมต้นทุนต่ำ จะฟาดฟันอย่างไรก็เอามาแล้วกัน หน้าแหลมฟันดำโผล่ออกมาเลย หาว่าเอาชาติอ้างชาติเป็นประกัน ได้อย่างไรครับ แล้วนี่เดินทางทำงานทำการตลอดติดต่อกับเขาหมด เพราะว่าเขายึดอำนาจมา เขาหันหลังให้หมด เลิกยึดอำนาจแล้วโชคดีได้มีรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญออกมาได้เลือกตั้ง กว่าจะกระเสือกกระสนก็แดกก็ดันเข้ามา แทบตายเลยครับกว่าจะได้มา 233 เสียง คู่ต่อสู้เหลือ 164 รวบรวมกันได้จะเป็นรัฐบาล 316 ตั้งรัฐบาลได้ ธรรมดา EU หันหลังให้ อเมริกาก็หันหลังให้ เขาไม่คบค้าสมาคมด้วย จีนหันข้าง ญี่ปุ่นหันข้าง เลือกตั้งเสร็จแล้ว ได้รัฐบาลแล้ว เขาหันหน้าเข้ามา ผมต้องเดินทางอยู่ตลอด นี่เพิ่ง 40 เพิ่งไป 4 ประเทศ พรุ่งนี้จะไปเวียดนาม และต่อไปต้องให้หมด 9 ประเทศอาเซียนก่อน เพราะเป็นกลุ่มของเรา ต่อไปต้องไปญี่ปุ่น ไปจีน ต้องไปยุโรป และต้องไปอเมริกา ทำไมละครับ พูดให้เขาเข้าใจว่าบัดนี้กลับมาตามปกติแล้ว เขาชื่นชมยินดี และบัดนี้แหละครับ จะตกลงกัน
ท่านหมอสุรพงษ์ (นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง) จะไปเจรจาสัญญา ไปไม่ได้แล้ว เพราะว่าพรรคจะถูกยุบ ไม่ถูกยุบ ฝรั่งถามตกลงจะยุบไม่ยุบ ตกลงจะเอาอย่างไร มีคนข้องใจกันอีกแล้ว เกิดการปั่นป่วนกันอีกแล้ว แล้วอย่างไรครับ ตั้งป้อมกันอีกแล้ว วันที่ 28 มีนาคม ทีแรกฮึ่ม ๆ ไป ๆ มา ๆ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ให้สถานที่ เป็นประชาธิปไตยให้สถานที่ ไม่ใช่พวกผม เขาเป็น ส.ส. ของผมคนหนึ่ง เขาไปคิด ผมกำลังจะออกปากห้าม ผมบอกไม่ละครับ ไม่ ต้องไม่ออกไปครับ ผมก็พูดคำนี้ ทั้งคณะเลยใครไปเชิญ ไปชวนอะไร กรุณาอย่าออกไป พูดกันชัดเจนเลยนะครับ ไม่ต้องไปต่อต้าน ให้เขาแสดงไปข้างเดียวครับ คนทั้งบ้านทั้งเมืองจะได้เห็น ว่ามีเหตุผลอะไร
บริหารบ้านเมืองมาได้เดือนครึ่งเท่านั้น หาว่าผมจะตั้งรัฐตำรวจ จัดการต่างๆ ตั้งเลย ว่าทักษิณ(พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) กลับมาอีกแล้ว ระบอบทักษิณกลับมาอีก ไหวไหมครับอย่างนี้ กระโดกกระเดกล้มลุกคลุกคลานแทบจะโงหัวไม่ขึ้น พอตั้งตัวได้ กำลังจะจัดการ พอจะถอนหายใจ เอาอีกแล้วครับ ผมบอกเขาเอาอีกแล้ว ปล่อยให้เขาเอาไปจะกี่หัวกี่หาง 1, 2, 3, 4, 5 ว่ากันไป คนของพรรคการเมืองไปร่วม หัวหน้าพรรคเขารับรองแล้ว บอกว่ามีสิทธิ ของผมไม่มีสิทธิครับ ของผมบอกไม่ ผมไม่เอาอย่างนั้นครับ ส.ส.เหมือนกันครับ อยู่สมุทรปราการ ผมต้องออกปาก ผมบอกไว้ทางโทรทัศน์เลย อย่าออกไป ในฐานะหัวหน้าพรรค อย่าออกไปเป็นเหยื่อ ไปเป็นเครื่องมือของเขา ไม่ได้หน้าตาอะไรหรอกครับ ไม่ต้องต่อต้าน ดูสิว่าจะออกโรงกันเท่าไร จะนั่งดูสิว่าเขาจะทำอย่างไร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ให้สถานที่ เราก็ไม่ไปขอมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ลำบากใจอธิการบดีเปล่าๆ เวลามีท่านจะให้ ให้เลยครับ เราจะดูสิว่าทั้งบ้านทั้งเมือง คนทั้งบ้านทั้งเมืองจะเห็นไหมว่า ตกลงใครดี ใครเลว ใครทำอะไรเสียหาย เห็นไหมครับ หรือว่าถ้าปฏิวัติยึดอำนาจทำได้ แต่ว่าประชาธิปไตยเลือกตั้งมา มีคนทักท้วงมาว่าทำไม่ได้
ตอบจดหมายประชาชน
เหลือเวลา 10 นาทีจะตอบคำถาม มีเรื่องไหม ดูคำถามหน่อย โครงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจมีคุณค่า อ่อนไหว ขอบพระคุณนะครับที่ฟังแล้วท่านเข้าใจเรื่องดี เจตนาจริงๆ ครับ เพราะว่าถ้าเราขึ้นได้ทีละบาท ขึ้นได้ 5 หน กว่าจะขึ้นอย่างนั้น ขอบคุณมากครับที่เห็นด้วย
คำถาม แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ทั้งฉบับ เพราะได้มาอย่างไม่ถูกต้อง
นายกรัฐมนตรี ผมจะบอกให้ฟังนะครับ แนวทาง ใจผมอยากจะทำทั้งหมด แต่ว่าอยากจะให้มันเร็ว เพราะจะแก้มาตราที่มีปัญหา ผมบอกว่าถ้าทำก็ทำทั้งที แต่ความคิดของผม วิธีแก้ไข ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 แล้วเก็บหมวด 1 ไว้ หมวดพระมหากษัตริย์ไม่มีอะไรเสียหาย ทุกอย่างถูกต้อง แล้วทั้งหมดก็เอารัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาประกบ แล้วอะไรที่ปี 40 ไม่ดีก็ถอดออกไป อะไรที่ปี 40 ดีก็ทิ้งไว้ แล้วอะไรต้องการเติม ก็เติมเข้ามา อย่างนี้ก็คงง่าย นี่เป็นแนวความคิดของผม อย่างไรก็ตามแต่ ใจผม เกรงใจคุณสดศรี (นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง) จริงๆ เรื่องแก้รัฐธรรมนูญต้องถามเลยครับ ลงประชามติกันว่าแก้ ไม่แก้ ก็ 2 พันล้าน ผมก็ไม่กล้าจะอย่างนั้นหรอกครับ เห็นด้วยกับท่านเลยว่าเสียของ จริงๆ ถ้าลงประชามติได้ เสียสัก 500 จะเอาเลยครับ ลงประชามติเลย ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้หรือไม่แก้ ถ้าเสียงส่วนใหญ่ บอกไม่แก้ ก็ไม่ต้องแก้ ถ้าส่วนใหญ่แก้ก็แก้เลย ประชามติต้องใช้ลำดับอย่างนี้นะครับ ก็ให้เป็นความคิด แต่ว่าอย่างไรก็ไม่เสนอนะครับ เพราะ 2 พันล้านเกินเหตุ
คำถาม พลังงานทดแทน อยากให้มีแหล่งเงินทุน ให้ชาวบ้าน
นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้กรุณาเถอะครับ เราทำทุกวิถีทาง ทุกที่เลยครับ กำลังนี้ไม่ได้ปลูกในเมืองไทย ไปปลูกที่ สปป.ลาว ไปปลูกที่กัมพูชา ไปปลูกที่พม่า พลังงานทดแทนนี่แหละครับ ทั้งปาล์ม ทั้งอะไรต่างๆ ทำเต็มที่ครับ เรื่องนี้ทุกคนร่วมมือ แล้วข้างบ้านเราเขาก็ร่วมมือด้วยนะครับ
คำถาม แนวทางการปรับปรุงช่อง 11
นายกรัฐมนตรี วันที่ 24 มีนาคม เขาจะประกาศแนวทาง วันที่ 1 เมษายน เริ่มรายการเลย ใครที่ไหน ช่องไหน มาเชิญไปออกโทรทัศน์ก็เกรงใจ อย่างสถานีช่อง 5 เขาเชิญมา 3 — 4 หน รัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ไปออกกันมา ก็เก็บผมไว้สักคน แต่ว่ารายการตัวจริงชัดเจน แต่วันที่ 1 เมษายน จะมาออกช่อง 11 แหละครับ ผมจะรับเชิญเป็นแขกคนแรกของเขาเลย รายการก็ดี ข่าวก็เรียบร้อยเลย มี Hot news เอาแต่ข่าวมาก่อนเลยนะครับ เปลี่ยนแปลง สำคัญข้อสัญญาคืออย่างไรครับ คุณเคยเป็นตัวของตัวเองอย่างไรเมื่อคราวคุณทำช่องนั้นที่เขามายึดไป คุณต้องเป็นตัวของตัวเองหมด รายงานทุกอย่าง แล้วข้อสำคัญคือว่า วิพากษ์วิจารณ์ได้เหมือนเคย ไม่ต้องมาประจบประแจงรัฐบาล รายการของรัฐบาลนั้น คือ ผมอาทิตย์ละหน ผมออกของผมเอง นี่แหละรัฐบาล รัฐมนตรีเชิญไปออกรายการ นั่นแหละรัฐมนตรีชี้แจง นอกนั้นตรงไปตรงมา ไม่ต้องมากระแซะ ไม่ต้องมาทำอย่างนั้นเลย เพราะว่าเราเคยเห็นว่าช่องเขา คนพวกนี้แหละครับที่จะเอามาปรับปรุงช่อง 11 ถูกต้องตามกฎหมาย มีผู้สนับสนุน ไม่มีโฆษณา ก็ต้องการจะเทียบเคียงให้ดูกับช่องสาธารณะ ช่องสาธารณะที่ยึดเอาไปนั่นแหละครับ ของเขาดีๆ เขาทำมาหากินของเขาได้เรียบร้อยดี เป็นกลางดีด้วย ไว้วางใจได้ด้วย ก็ถูกมองว่าเป็นช่องของอดีตนายกรัฐมนตรีอย่างนั้น อย่างนี้ ไป ๆ มาๆ ด้วยอะไรก็ตามแต่ ยึด แล้วทำอย่างไร ทีวีสาธารณะ ทีแรกบอกเอา 1,200-1,300 เดี๋ยวนี้เอา 2,000 อยู่ดีๆ แท้ๆ ต้องเอาเงินหลวงไปใส่ 2,000 รายการจะเป็นอย่างไรไม่รู้ คุณภาพจะเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้ เพราะฉะนั้น อยู่ตรงนี้ไม่ต้องใช้เงินเลยครับ ที่นี่สถานีนี้แหละครับ จะเป็นสาธารณะอยู่แล้ว ผมจะทำให้ช่องนี้เป็นช่องสาธารณะให้ดู แล้วใครจะสนับสนุนอะไรอย่างไร เขาก็ไม่ห้ามโฆษณา เขาให้มีโลโก้ มีป้าย ทำถูกต้องตามกฎหมาย ท้าทายให้ตรวจสอบ แต่ว่าเนื้อหานั้น ผู้คนในบ้านเมืองจะได้มีความสุขในการได้ฟังข่าวทันเหตุการณ์ Hot news เป็นอย่างไร ชัดเจนเลยครับ ทีมที่ทำเก่งๆ เอามาทำทางนี้ แล้วดูสิว่าจะเป็นอย่างไร
นี่คือความเปลี่ยนแปลงนะครับ ขอยืนยัน เริ่มต้นวันที่ 1 เมษายนนี้ครับ และท้าทายให้ตรวจสอบ ไม่มีการมาทำมาหากินที่นี่ และไม่มีการสั่งเสียว่าต้องมาเห็นแก่รัฐบาล ไม่ต้องเลยครับ ตรงไปตรงมาเลย รัฐบาลจะออกช่อง 11 เหมือนกัน คือช่องนี้ พูดเอาเข้าข้างรัฐบาล คือตัวหัวหน้ารัฐบาล แล้วรัฐมนตรีถูกเชิญออก เท่านั้นพอ นอกนั้นแล้วตรงไปตรงมา คิดดูทีวีช่องทหาร เขายังให้คนไปพูดจากระแนะกระแหนรัฐบาล ยังให้ทำได้เลยครับ ไม่ได้ออกปากหรอกครับ ไปเจอท่าน ผบ.ทบ. คุยกัน ผมยังไม่พูดกับท่านสักคำเลย ว่าช่องทหาร แล้วจะให้ไปออกรายการ กระแนะกระแหนรัฐบาล ไม่เป็นไรครับ ยังไม่จบก็ไม่เป็นปัญหา
ก็ลืมไปว่าอ่านหนังสือพิมพ์เมื่อเช้า ท่านที่ปรึกษาพรรคการเมืองพรรคหนึ่งท่านบอก พูดมาเลยสิ เก่งจริงพูดมาทำไม มือที่มองไม่เห็น พูดมาเลย ขอประทานโทษนะครับ ผมไม่เก่งครับ แต่ผมบอกได้เลยว่า คนทั้งบ้านทั้งเมืองเขารู้ไอ้มือนี้เป็นอย่างไร ท่านไม่รู้คนเดียว ก็เชิญไปคนเดียวแล้วกัน แต่เขาบอกเก่งจริงบอกมาเลย พูดแล้วต้องบอกมาว่าคือใคร อย่างไร ต้องขอประทานโทษจริงๆ ผมไม่เก่ง แต่ว่าที่รู้คือ ทั้งบ้านทั้งเมืองเขารู้ว่าคือใครนะครับ ท่านเชยอยู่คนเดียวไม่รู้
คำถาม อยากสร้างธนาคารตำบล
นายกรัฐมนตรี เขาดำเนินการแล้วครับ มีแน่นอนครับ เขาดำเนินการแล้วครับ
คำถาม อยากให้นายกฯ ย้อมผมหน่อย จะดูหล่อกว่านี้
นายกรัฐมนตรี ไม่ละครับ ผมจะบอกให้ฟังนะครับ ในชีวิตผมมีคนตัดผมมา 4 คนเท่านั้นเองครับ คนตัดผมคนที่ 4 สุดท้ายนี้ ตัดผมกันมา 40 ปี ไม่เปลี่ยนเลยครับ เดี๋ยวนี้มือสั่นนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรยังให้ตัดอยู่ 80 กว่าแล้ว ยังตัดอยู่ คุณสมัคร ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกนะครับ พอผมเริ่มขาวๆ อย่าย้อมเลยครับ ผมถามทำไม คุณเป็นนักการเมือง ต้องจริงใจกับประชาชน เพียงแต่ผมก็เอาไปหลอกเขาแล้ว ผมบอกจริงๆ เห็นด้วย เลยไม่ย้อมเลยครับ เอามันอย่างนี้แหละครับ ความจริงไม่แพ้ผมนะ มันมีดำๆ อยู่นิดหน่อย
คำถาม ยังมีลูกหลานอ่านหนังสือไม่ออกใน กทม.
นายกรัฐมนตรี อันนี้ต้องตรวจสอบให้แน่นอน ผมจะได้คุยกับทางฝ่ายการศึกษา กทม. ว่าจริงไม่จริง ลูกหลานแปลว่ายังเข้าอยู่ในโรงเรียน ถ้าเรียนในเรียน กทม. ครับคำถามนี้ผมมีช่องไป เพราะไม่ได้เป็นศัตรูกับ กทม. นะครับ ผู้อำนวยการสำนักงานศึกษา กทม.ก็รู้จักกัน จะไปเยี่ยมเลย จะถามว่าจริงไม่จริง ว่านักเรียน กทม. ซึ่งเรียนมาตั้งแต่ก่อนประถม เขามีอนุบาล กทม.ครับ ก่อนประถม จะถามว่า ทำอย่างนี้แล้ว มีไหมเด็กอ่านไม่ออก เพราะตามกฎหมายที่ใช้ ไม่เหมือน 3 จังหวัดภาคใต้นะครับ ไม่บังคับนะครับ ทางนี้บังคับนะครับ
คำถาม รายได้ขั้นต่ำราคาปัจจุบัน ควรเขยิบตามราคาสินค้า เพราะว่าเศรษฐกิจ
นายกรัฐมนตรี กำลังดูอยู่ครับ เรื่องนี้เรื่องใหญ่มากเลยครับ มีสถาบันกำลังทำอยู่ แต่ผมไม่ทำเอิกเกริก แต่จะดำเนินการแน่นอนครับ เพราะไปเห็นมาแล้วด้วย มีแนวทางศึกษาด้วย พูดให้ฟังง่ายๆ ว่า บ้านไหนรวยเขาให้สตางค์ลูกเขาไปโรงเรียนเยอะ บ้านไหนจนเขาให้สตางค์ลูกเขาไปน้อย บ้านเราประเทศเราจน แต่ว่าต้องทำ มันอย่างนี้อยู่ไม่ได้หรอกครับ สงสารลูก เพราะฉะนั้นเอาละครับจะช่วยดู
คำถาม ทุกวันนี้บ้านเมืองวุ่นวาย เพราะสื่อเป็นเหตุ
นายกรัฐมนตรี เขาสั่งมาแล้วว่าไม่ให้พูด ไม่ให้จา ไม่ให้ดูแคลนสื่อ เขาบอกอย่าไปแตะต้องเขา
คำถาม ขอให้นายกฯ กำชับสื่อ ให้เสนอข่าวในทางสร้างสรรค์บ้าง
นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ครับ อิสระเสรีภาพ ของสื่อมวลชนในประเทศไทย อยู่เหนือสิ่งอื่นใด แตะต้องไม่ได้หรอกครับ ต้องให้เขามีอิสระเสรีภาพ เราก็ดูเขาจะเป็นอย่างไร เราสิครับคนบริโภคสื่อ เราควรจะดูเลยว่า เมื่อเขาเสนอมาอย่างนั้นแล้วเราเป็นอย่างไร บอกขอบคุณมากอย่างนั้นไม่เคยรู้เลยเสนอข่าวอย่างนี้ เสนอข่าวอย่างนี้ เราควรหัวเราะเยาะ ก็หัวเราะดังๆ เลยครับ สติปัญญามีแค่นี้ จะมาทำหนังสือพิมพ์ เราทำของเราได้ส่วนตัวเรา ในสาธารณชนไม่ต้องหรอกครับ ไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้ออ่าน ชอบก็ซื้อ 2 ฉบับแจกเพื่อนอ่านด้วยเลย ต้องลาก่อนนะครับ วันอาทิตย์หน้า 08.30 น. พบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--