นายกรัฐมนตรีระบุการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของพรรคการเมือง และเสียงส่วนใหญ่ของพรรคร่วมรัฐบาลคิดว่าต้องแก้หลายมาตรการ
เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ประชุม ครม. วันนี้ไม่ได้มีการหารือถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 เพราะไม่ใช่เรื่องของ ครม. แต่เป็นเรื่องของพรรคการเมือง และวันนี้เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลส่วนใหญ่ไม่มีใครเห็นว่าควรแก้เพียงมาตราเดียว ซึ่งเรามีการพูดคุยกันนอก ครม.มาบ้างแล้ว และมีหลายมาตราที่คิดว่าต้องแก้ไข
“มีความเห็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีการพูดกันไปมา ผมขอยืนยัน และแม้แต่ในพรรคก็จะไปพูดให้ชัดเจนว่าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้จะไม่แก้เพียงมาตราเดียว เมื่อมีการแก้แล้วก็จะแก้ทั้งหมด จะแก้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขอบอกให้รู้ว่าพวกที่เขียนบทความกระแนะกระแหนว่าไม่ดูความผิดของตัวเองแล้วไปโทษว่าเป็นความผิดของรัฐธรรมนูญ แล้วยังมีอีกคนหนึ่งมาบอกว่าเป็นอัลไซเมอร์ เพราะเคยบอกไว้ว่าอีก 3 เดือนก่อนหมดวาระจะค่อยแก้รัฐธรรมนูญ ก็อยากจะบอกว่าถ้าหากไม่มีเรื่องอะไรมาวอแว รัฐธรรมนูญก็อยู่ไปอย่างนั้น แต่ผมยอมรับว่าเจ็บร้อนแทน เพราะเล่นกันเกินเหตุ เรื่องอื่นก็ยังพอทนพอรอได้ แต่นี่เกิดเหตุมองเห็นชัดเลย ผมจะบอกถึงพวกที่เขียนบทความกระแนะกระแหนผมให้ฟัง ที่บอกว่าไม่พิจารณาดูตัวเอง ไปโทษกฎหมายว่าไม่ดี บางคนบอกว่าแล้วมาเลือกตั้งทำไม ผมขอชี้แจงอีกครั้งว่าเรื่องนี้ไม่ได้ใช้รัฐธรรมนูญเป็นกับดักเฉพาะพรรคการเมืองที่เขาเกลียดชังเท่านั้น แต่มีการต้อนโดยใช้ทุกวิถีทาง โดยการเอาคนที่ย้ายไปอยู่ปักษ์ใต้เดือนตุลาคม กลับมาทำงานในเดือนธันวาคม ถ้าตรวจสอบย้อนหลังไปจะพบว่ามีการเตรียมการล่วงหน้า 6 เดือนตั้งแต่ก่อนมีการเลือกตั้ง เพื่อเล่นงานคนพรรคนี้ คือจะเอาพรรคนี้ให้ตาย ตั้งแต่ก่อนรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ เตรียมการว่าทางเหนือจะเอาอย่างนั้น อีสานจะเอาอย่างนี้ มีความสุขกันดีหรือที่จะฆ่าพรรคการเมืองนี้ให้ตาย ผมไม่ได้พูดมากเกินกว่าเหตุ พรรคการเมืองนี้รวมกับพรรคการเมืองอย่างน้อย 2 พรรค และ 6 พรรคร่วมกัน กำลังทำงานให้บ้านเมืองอยู่ และได้พูดจาเอาแต่ได้ ถ้าจบแล้วก็ควรจะจบ แต่นี่จะเอากันให้ตายต่อไป ถ้าผมไม่ร้องแล้วจะร้องตอนไหน มันมีเหตุที่ผมจะร้อง และเมื่อจะแก้รัฐธรรมนูญก็แก้เสียเลย ขอให้เข้าใจว่าไม่ได้เห็นแก่ตัวหรือเห็นแก่ได้ ที่ทำเพราะเห็นแก่บ้านเมือง เพราะมีคนที่ต้องใช้รัฐธรรมนูญนี้ต่อไป ใครจะดัดจริตบอกว่าไม่ควรแก้ ผมก็ไม่ว่าอะไร ถือเป็นสิทธิ ถ้าไม่โดนกับตัวเองก็ไม่เป็นไร แต่คนที่ยื่นหน้าออกมาพูดต้องถามว่าโดนหรือเปล่า” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า การที่สื่อออกมาเขียนโจมตีว่าถ้าไม่ได้ทำความผิดแล้วจะถูกดำเนินการจากเจ้าหน้าที่อย่างนั้นหรือ ขอยืนยันว่าเขาไม่ได้ทำความผิดแต่ถูกกล่าวหาว่าผิด แต่มีคนไปจัดการนอกสั่ง แล้วก็มีการเอาเงินไปจ้างพยานเท็จมา 700 กว่าคน ใช้เงินไป 3-4 หมื่นบาท เพื่อจ้องเอาผิดกับกรรมการบริหารพรรคให้ได้ เขียนรัฐธรรมนูญดักเอาไว้ ส่วนอีก 2 พรรคคือชาติไทยและมัชฌิมาประชาธิปไตย ที่โดนก็ไม่รู้ว่าเป็นการบังเอิญหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ต้องถือว่าเป็นตัวช่วยที่ทำให้ดำเนินการลำบากขึ้น อย่างนี้แล้วคนเขียนบทความยังไม่เห็นอีกหรือว่าร้ายกาจ เกลียดแค้นชิงชังขนาดไหน ก็พูดได้เต็มปากเลยว่ามีการรวมหัวกันเพื่อใช้รัฐธรรมนูญทำลายและฆ่าพรรคการเมือง รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้การเมืองไทยอ่อนแอลงไป โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลชุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้รัฐธรรมนูญฉบับแข็งแรงมาทุจริตคดโกงและทำให้บ้านเมืองเสียหาย แต่จนถึงวันนี้อยากถามว่าทำได้สำเร็จสักคดีหรือยัง ติดตารางกันสักคดีหรือยัง มีแต่การกล่าวหาคดีคาอยู่ที่ศาล แต่ก็ออกมาพูดว่าเล่นงานจับได้และลงโทษได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กำหนดระยะเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้เท่าไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การดำเนินการจะเสร็จเมื่อไรก็เมื่อนั้น ไม่ได้กำหนดระยะเวลา ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนการพิจารณาของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร คดีของนายยงยุทธฯ จะเป็นอย่างไรไม่ต้องพูดถึงแต่รัฐธรรมนูญต้องแก้ไข ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเสนอผ่านช่องทางไหนในการแก้รัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พรรคพลังประชาชนจะมีการหารือในบ่ายวันนี้ (25 มี.ค.) สำหรับพรรคร่วมรัฐบาลก็เริ่มมีการหารือกันแล้ว โดยไม่ต้องมอบให้ใครไปรับผิดชอบเป็นพิเศษ เพราะระดับหัวหน้าพรรคก็รู้จักกัน และหลังการประชุม ครม. ก็มีการพูดคุยกันบ้าง ก็เห็นสอดคล้องว่าจะแก้ในประเด็นใดบ้าง ส่วนเรื่องการลงสัตยาบันของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้นขอคุยกันก่อน ส่วนฝ่ายค้านหากจะไม่มาร่วมพิจารณาด้วยก็ตามใจ เพราะเราถือว่าเป็นเสียงข้างมากที่ 316 เสียง ตอนที่ยกร่างรัฐธรรมนูญก็มีคนบอกว่าให้รับร่างไปก่อนและค่อยตามไปแก้ภายหลัง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจะเชิญฝ่ายประชาชนมาร่วมด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประชาชนไม่จำเป็น เพราะเดี๋ยวจะถูกกล่าวหาอีกว่าพอจะเข้าตาจนก็พึ่งประชาชน ในเมื่อประชาชนเลือกมาเป็นเสียงข้างมากในสภา ก็คงพอทำกันเองได้ ไม่ต้องทำประชาพิจารณ์ ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้ประชาชนทำประชามติหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ต้อง เมื่อแก้ไขแล้วก็ไม่ต้องขอประชามติ ใจจริงอยากให้มีการทำประชามติก่อนแก้ไข แต่ต้องใช้งบถึง 2,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในรัฐธรรมนูญระบุว่าวาระสองจะต้องถามประชาชนก่อน นายกรัฐมนตรี ถามสื่อมวลชนว่าจริงหรือ แล้วจะต้องเสียเงินอีก 2,000 ล้านบาท การเขียนนั้นเขียนได้ แต่จะไปทำได้หรือ จะไปถามประชาชนที่ไหน ให้ไปถามประชาชนที่หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันที่ 28 มีนาคมนี้หรือ อย่างไรก็ตาม จะแก้ไขมาตราใดขณะนี้กำลังหารือกัน และถ้าแก้รัฐธรรมนูญเสร็จแล้วก็จะไม่ยุบสภา ถึงแม้จะมีการแก้วิธีการเลือกตั้งใหม่ แต่จะเอาไปใช้กับการเลือกตั้งในครั้งหน้า
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ประชุม ครม. วันนี้ไม่ได้มีการหารือถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 เพราะไม่ใช่เรื่องของ ครม. แต่เป็นเรื่องของพรรคการเมือง และวันนี้เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลส่วนใหญ่ไม่มีใครเห็นว่าควรแก้เพียงมาตราเดียว ซึ่งเรามีการพูดคุยกันนอก ครม.มาบ้างแล้ว และมีหลายมาตราที่คิดว่าต้องแก้ไข
“มีความเห็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีการพูดกันไปมา ผมขอยืนยัน และแม้แต่ในพรรคก็จะไปพูดให้ชัดเจนว่าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้จะไม่แก้เพียงมาตราเดียว เมื่อมีการแก้แล้วก็จะแก้ทั้งหมด จะแก้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขอบอกให้รู้ว่าพวกที่เขียนบทความกระแนะกระแหนว่าไม่ดูความผิดของตัวเองแล้วไปโทษว่าเป็นความผิดของรัฐธรรมนูญ แล้วยังมีอีกคนหนึ่งมาบอกว่าเป็นอัลไซเมอร์ เพราะเคยบอกไว้ว่าอีก 3 เดือนก่อนหมดวาระจะค่อยแก้รัฐธรรมนูญ ก็อยากจะบอกว่าถ้าหากไม่มีเรื่องอะไรมาวอแว รัฐธรรมนูญก็อยู่ไปอย่างนั้น แต่ผมยอมรับว่าเจ็บร้อนแทน เพราะเล่นกันเกินเหตุ เรื่องอื่นก็ยังพอทนพอรอได้ แต่นี่เกิดเหตุมองเห็นชัดเลย ผมจะบอกถึงพวกที่เขียนบทความกระแนะกระแหนผมให้ฟัง ที่บอกว่าไม่พิจารณาดูตัวเอง ไปโทษกฎหมายว่าไม่ดี บางคนบอกว่าแล้วมาเลือกตั้งทำไม ผมขอชี้แจงอีกครั้งว่าเรื่องนี้ไม่ได้ใช้รัฐธรรมนูญเป็นกับดักเฉพาะพรรคการเมืองที่เขาเกลียดชังเท่านั้น แต่มีการต้อนโดยใช้ทุกวิถีทาง โดยการเอาคนที่ย้ายไปอยู่ปักษ์ใต้เดือนตุลาคม กลับมาทำงานในเดือนธันวาคม ถ้าตรวจสอบย้อนหลังไปจะพบว่ามีการเตรียมการล่วงหน้า 6 เดือนตั้งแต่ก่อนมีการเลือกตั้ง เพื่อเล่นงานคนพรรคนี้ คือจะเอาพรรคนี้ให้ตาย ตั้งแต่ก่อนรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ เตรียมการว่าทางเหนือจะเอาอย่างนั้น อีสานจะเอาอย่างนี้ มีความสุขกันดีหรือที่จะฆ่าพรรคการเมืองนี้ให้ตาย ผมไม่ได้พูดมากเกินกว่าเหตุ พรรคการเมืองนี้รวมกับพรรคการเมืองอย่างน้อย 2 พรรค และ 6 พรรคร่วมกัน กำลังทำงานให้บ้านเมืองอยู่ และได้พูดจาเอาแต่ได้ ถ้าจบแล้วก็ควรจะจบ แต่นี่จะเอากันให้ตายต่อไป ถ้าผมไม่ร้องแล้วจะร้องตอนไหน มันมีเหตุที่ผมจะร้อง และเมื่อจะแก้รัฐธรรมนูญก็แก้เสียเลย ขอให้เข้าใจว่าไม่ได้เห็นแก่ตัวหรือเห็นแก่ได้ ที่ทำเพราะเห็นแก่บ้านเมือง เพราะมีคนที่ต้องใช้รัฐธรรมนูญนี้ต่อไป ใครจะดัดจริตบอกว่าไม่ควรแก้ ผมก็ไม่ว่าอะไร ถือเป็นสิทธิ ถ้าไม่โดนกับตัวเองก็ไม่เป็นไร แต่คนที่ยื่นหน้าออกมาพูดต้องถามว่าโดนหรือเปล่า” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า การที่สื่อออกมาเขียนโจมตีว่าถ้าไม่ได้ทำความผิดแล้วจะถูกดำเนินการจากเจ้าหน้าที่อย่างนั้นหรือ ขอยืนยันว่าเขาไม่ได้ทำความผิดแต่ถูกกล่าวหาว่าผิด แต่มีคนไปจัดการนอกสั่ง แล้วก็มีการเอาเงินไปจ้างพยานเท็จมา 700 กว่าคน ใช้เงินไป 3-4 หมื่นบาท เพื่อจ้องเอาผิดกับกรรมการบริหารพรรคให้ได้ เขียนรัฐธรรมนูญดักเอาไว้ ส่วนอีก 2 พรรคคือชาติไทยและมัชฌิมาประชาธิปไตย ที่โดนก็ไม่รู้ว่าเป็นการบังเอิญหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ต้องถือว่าเป็นตัวช่วยที่ทำให้ดำเนินการลำบากขึ้น อย่างนี้แล้วคนเขียนบทความยังไม่เห็นอีกหรือว่าร้ายกาจ เกลียดแค้นชิงชังขนาดไหน ก็พูดได้เต็มปากเลยว่ามีการรวมหัวกันเพื่อใช้รัฐธรรมนูญทำลายและฆ่าพรรคการเมือง รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้การเมืองไทยอ่อนแอลงไป โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลชุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้รัฐธรรมนูญฉบับแข็งแรงมาทุจริตคดโกงและทำให้บ้านเมืองเสียหาย แต่จนถึงวันนี้อยากถามว่าทำได้สำเร็จสักคดีหรือยัง ติดตารางกันสักคดีหรือยัง มีแต่การกล่าวหาคดีคาอยู่ที่ศาล แต่ก็ออกมาพูดว่าเล่นงานจับได้และลงโทษได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กำหนดระยะเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้เท่าไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การดำเนินการจะเสร็จเมื่อไรก็เมื่อนั้น ไม่ได้กำหนดระยะเวลา ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนการพิจารณาของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร คดีของนายยงยุทธฯ จะเป็นอย่างไรไม่ต้องพูดถึงแต่รัฐธรรมนูญต้องแก้ไข ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเสนอผ่านช่องทางไหนในการแก้รัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พรรคพลังประชาชนจะมีการหารือในบ่ายวันนี้ (25 มี.ค.) สำหรับพรรคร่วมรัฐบาลก็เริ่มมีการหารือกันแล้ว โดยไม่ต้องมอบให้ใครไปรับผิดชอบเป็นพิเศษ เพราะระดับหัวหน้าพรรคก็รู้จักกัน และหลังการประชุม ครม. ก็มีการพูดคุยกันบ้าง ก็เห็นสอดคล้องว่าจะแก้ในประเด็นใดบ้าง ส่วนเรื่องการลงสัตยาบันของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้นขอคุยกันก่อน ส่วนฝ่ายค้านหากจะไม่มาร่วมพิจารณาด้วยก็ตามใจ เพราะเราถือว่าเป็นเสียงข้างมากที่ 316 เสียง ตอนที่ยกร่างรัฐธรรมนูญก็มีคนบอกว่าให้รับร่างไปก่อนและค่อยตามไปแก้ภายหลัง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจะเชิญฝ่ายประชาชนมาร่วมด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประชาชนไม่จำเป็น เพราะเดี๋ยวจะถูกกล่าวหาอีกว่าพอจะเข้าตาจนก็พึ่งประชาชน ในเมื่อประชาชนเลือกมาเป็นเสียงข้างมากในสภา ก็คงพอทำกันเองได้ ไม่ต้องทำประชาพิจารณ์ ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้ประชาชนทำประชามติหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ต้อง เมื่อแก้ไขแล้วก็ไม่ต้องขอประชามติ ใจจริงอยากให้มีการทำประชามติก่อนแก้ไข แต่ต้องใช้งบถึง 2,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในรัฐธรรมนูญระบุว่าวาระสองจะต้องถามประชาชนก่อน นายกรัฐมนตรี ถามสื่อมวลชนว่าจริงหรือ แล้วจะต้องเสียเงินอีก 2,000 ล้านบาท การเขียนนั้นเขียนได้ แต่จะไปทำได้หรือ จะไปถามประชาชนที่ไหน ให้ไปถามประชาชนที่หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันที่ 28 มีนาคมนี้หรือ อย่างไรก็ตาม จะแก้ไขมาตราใดขณะนี้กำลังหารือกัน และถ้าแก้รัฐธรรมนูญเสร็จแล้วก็จะไม่ยุบสภา ถึงแม้จะมีการแก้วิธีการเลือกตั้งใหม่ แต่จะเอาไปใช้กับการเลือกตั้งในครั้งหน้า
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--