นายกรัฐมนตรีระบุการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 เพื่อประโยชน์สำหรับการเลือกตั้งในครั้งหน้า ซึ่งเห็นว่าควรจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 มากกว่ามาตรา 309 เพราะการเลือกตั้งซ่อมยังมีอยู่
วันนี้ เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่หลายฝ่ายมองว่าพรรคพลังประชาชน (พปช.) มีความขัดแย้งกันเองกรณีการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 ว่า ในการประชุมพรรคเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ตั้งใจจะเข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวด้วย แต่ติดประชุมหลายงาน ซึ่งความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันนั้นไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะจะเป็นข้อพิสูจน์ว่าพรรคนี้เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่เผด็จการเหมือนข้อกล่าวหาที่ผ่านมา และขั้นตอนดังกล่าวยังต้องใช้เวลาอีกนาน ทั้งนี้ ยังยืนยันว่าหากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ต้องตรวจดูและแก้ไขทั้งฉบับ แต่ที่ไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 เพราะมีผลบังคับใช้ไปแล้ว และไม่มีประโยชน์ที่จะไปแก้อีก แต่หากมีการทักท้วงก่อนรัฐธรรมนูญเสร็จเรียบร้อยก็จะมีประโยชน์ ส่วนที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 ส่วนตัวเห็นว่ามีประโยชน์เพราะการเมืองยังเดินอยู่ในสภา และการเลือกตั้งยังมีอยู่
”ขอย้ำว่าเรื่องของการเลือกตั้งนั้น เมื่อก่อนทำไม ไม่เดือดร้อน เพราะเขาไม่ได้เขียนแบบขึ้นมาก่อน หากตัดวรรคสองออกไปเท่านั้นก็หมดเรื่อง ขอสรุปให้ฟังว่าที่เขาทำไว้ เขาทำไว้เพื่อเหตุ เหตุคือต้องการกำจัดพรรคการเมืองที่แล้วให้จบ เพราะฉะนั้น ก็ฆ่าพรรคการเมืองนี้ให้ตาย แต่เมื่อฆ่าไม่ตาย ขายไม่ขาด เลือกตั้งก็ชนะกลับมาอีก จะเห็นว่าหลังเลือกตั้งก็ยังดำเนินการอยู่ตามกระบวนการที่จะเอาให้จบ เวลานี้ก็มีการวิ่งเต้นเพิ่มเติมอีกต่างหาก แต่ก็ไม่เป็นปัญหา เราเป็นรัฐบาล” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยิ่งแก้มากก็ยิ่งได้ประโยชน์ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนมาเพื่อเหตุทำให้รัฐบาลอ่อนแอ เราไม่อยากเห็นรัฐบาลอ่อนแอก็จัดการเพื่อที่รัฐบาลข้างหน้าจะได้แข็งแรงขึ้น ผลที่ทำออกมาก็ไม่ใช่สำหรับเรา แต่ใช้ประโยชน์สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ส่วนมาตรา 237 ถือว่ามีประโยชน์เพราะการเลือกตั้งซ่อมยังมีอยู่
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีข่าวว่า ส.ส.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของพรรค จะไปรวบรวมรายชื่อประชาชนให้ครบ 3,000 — 5,000 คน เพื่อเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตรงนี้ไม่เป็นปัญหา รัฐบาลก็สามารถยื่นแก้ไขได้เอง หากพรรคการเมือง 6 พรรคร่วมรัฐบาลเสนอมา รัฐบาลก็รับและเสนอแก้ไขได้ คงไม่ต้องไปรบกวนประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่มีกระแสข่าวว่า ส.ส.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชนมากกว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เป็นปัญหา แต่ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับ ส.ส.กลุ่มนี้ เพราะเพิ่งกลับจากการเยือนอินโดนีเซีย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะแก้หรือไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นใดขึ้นอยู่กับเสียงของหัวหน้าพรรคหรือการหารือร่วมกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่สาระสำคัญ อย่าไปมองว่าหัวหน้าพรรคพูดก็ต้องเป็นอย่างนั้น หรือลูกพรรคพูดแล้วต้องเป็นอย่างนี้ เวลานี้ยังมีความเห็นที่จะพูดกันได้ว่าจะเอาอย่างไรบ้าง เสนอแก้มา 20 ประเด็น แต่สุดท้ายอาจจะแก้แค่ 20 ก็ได้ เพียงแต่อะไรที่ทำให้รัฐธรรมนูญไม่ดี ทำให้รัฐบาลนี้อยู่ต่อไปแล้วไม่แข็งแรง เราก็จะพยายามแก้ไข และการแก้ไขก็มีวิธีการเลือกใช้ได้หลายวิธี หากเปิดช่องทำได้เราก็ใช้ช่องทางนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิจารณ์ว่าข้อเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อต้องการให้รอดจากการถูกยุบพรรค นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ไม่รอด เวลานี้ถึงอย่างไรก็ยุบ ซึ่งถ้ายุบพรรคก็ช่วยไม่ได้ แม้กฎหมายจะออกมาก็ช่วยไม่ได้ แต่เราต้องทำไว้สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่มีมาตรา 237 วรรค 2 ต่อไปใครผิดก็ปลิดทิ้งไป เวลานี้ใครผิดคนหนึ่งไม่ต้องฟังเลย ต้องถือว่าทั้งพรรคผิดหมด เราต้องแก้ไขตรงนี้
“แต่ถามว่า ทำผิดไหม คนเตรียมการจะล่อตั้งแต่ยังไม่ทำผิด ไม่ผิดปกติบ้างหรือ เตรียมการล่วงหน้า 6 เดือน ย้ายใครไปทำอะไร ไปดูที่จังหวัดเชียงราย ไปดูว่าอะไรคือเหตุคือผล ไปพูดถึงเหตุแล้วมาดูตรงผล ไม่ทำความผิดแล้วจะอย่างไร เขาต้องรู้ว่าที่เขียนไว้ผิดปกติ คนไม่ได้ทำความผิดเลยโดยไปทั้งหมด ก็จะแก้ไข ก็วิพากษ์วิจารณ์ไป ผมก็ไม่ว่าอะไร ใครที่ไม่โดนก็คงไม่รู้สึก จะพูดอย่างไรก็ได้ พูดอย่างคุณชวนก็พูดได้ เขาพูดดีน่าฟัง แต่ถามว่าคุณชวน (นายชวน หลีกภัย) โดนหรือเปล่า อย่างกรณีที่เพชรบูรณ์เรื่องเงินล้านสามก็ไม่เป็นปัญหา เพราะไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เป็นแค่ ส.ส.ทำผิด แต่ถ้าเป็น กก.บห. พรรคประชาธิปัตย์บ้างจะว่าอย่างไร โดนเข้าบ้างแล้วจะทำอย่างไร” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลมีแนวคิดนิรโทษกรรมอดีต 111 กก.บห. พรรคไทยรักไทยหรือไม่ เพราะหากเกิดการยุบพรรคจะทำให้บุคลากรในปัจจุบันหายไปจำนวนมาก นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้ไม่คิด เพราะเพียงแค่คิดก็โดนวิจารณ์แล้ว ดังนั้น ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ คราวนี้โดนไปอีก 37 คน พอบอกว่าเป็นเวรเป็นกรรม ก็หาว่าเอาพรรคมาเทียบกับบ้านเมือง แต่ที่เปรียบเทียบว่าเท่ากับฆ่าบ้านเมือง ฆ่าเมืองไทย เพราะว่าเวลานี้ประเทศกำลังเดินหน้า แต่เมื่อพรรคการเมืองตายไป 3 พรรค ก็แปลว่า ธุรกิจ เศรษฐกิจเมืองไทยสะดุดหัวทิ่มอีก แต่สื่อไปเขียนบทความว่าเอาประเทศไทยไปเทียบกับพรรคตัวเอง ทำไม่ไม่รู้จักฟังสำบัดสำนวนการเทียบเคียงด้วย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่หลายฝ่ายมองว่าพรรคพลังประชาชน (พปช.) มีความขัดแย้งกันเองกรณีการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 ว่า ในการประชุมพรรคเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ตั้งใจจะเข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวด้วย แต่ติดประชุมหลายงาน ซึ่งความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันนั้นไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะจะเป็นข้อพิสูจน์ว่าพรรคนี้เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่เผด็จการเหมือนข้อกล่าวหาที่ผ่านมา และขั้นตอนดังกล่าวยังต้องใช้เวลาอีกนาน ทั้งนี้ ยังยืนยันว่าหากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ต้องตรวจดูและแก้ไขทั้งฉบับ แต่ที่ไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 เพราะมีผลบังคับใช้ไปแล้ว และไม่มีประโยชน์ที่จะไปแก้อีก แต่หากมีการทักท้วงก่อนรัฐธรรมนูญเสร็จเรียบร้อยก็จะมีประโยชน์ ส่วนที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 ส่วนตัวเห็นว่ามีประโยชน์เพราะการเมืองยังเดินอยู่ในสภา และการเลือกตั้งยังมีอยู่
”ขอย้ำว่าเรื่องของการเลือกตั้งนั้น เมื่อก่อนทำไม ไม่เดือดร้อน เพราะเขาไม่ได้เขียนแบบขึ้นมาก่อน หากตัดวรรคสองออกไปเท่านั้นก็หมดเรื่อง ขอสรุปให้ฟังว่าที่เขาทำไว้ เขาทำไว้เพื่อเหตุ เหตุคือต้องการกำจัดพรรคการเมืองที่แล้วให้จบ เพราะฉะนั้น ก็ฆ่าพรรคการเมืองนี้ให้ตาย แต่เมื่อฆ่าไม่ตาย ขายไม่ขาด เลือกตั้งก็ชนะกลับมาอีก จะเห็นว่าหลังเลือกตั้งก็ยังดำเนินการอยู่ตามกระบวนการที่จะเอาให้จบ เวลานี้ก็มีการวิ่งเต้นเพิ่มเติมอีกต่างหาก แต่ก็ไม่เป็นปัญหา เราเป็นรัฐบาล” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยิ่งแก้มากก็ยิ่งได้ประโยชน์ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนมาเพื่อเหตุทำให้รัฐบาลอ่อนแอ เราไม่อยากเห็นรัฐบาลอ่อนแอก็จัดการเพื่อที่รัฐบาลข้างหน้าจะได้แข็งแรงขึ้น ผลที่ทำออกมาก็ไม่ใช่สำหรับเรา แต่ใช้ประโยชน์สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ส่วนมาตรา 237 ถือว่ามีประโยชน์เพราะการเลือกตั้งซ่อมยังมีอยู่
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีข่าวว่า ส.ส.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของพรรค จะไปรวบรวมรายชื่อประชาชนให้ครบ 3,000 — 5,000 คน เพื่อเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตรงนี้ไม่เป็นปัญหา รัฐบาลก็สามารถยื่นแก้ไขได้เอง หากพรรคการเมือง 6 พรรคร่วมรัฐบาลเสนอมา รัฐบาลก็รับและเสนอแก้ไขได้ คงไม่ต้องไปรบกวนประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่มีกระแสข่าวว่า ส.ส.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชนมากกว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เป็นปัญหา แต่ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับ ส.ส.กลุ่มนี้ เพราะเพิ่งกลับจากการเยือนอินโดนีเซีย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะแก้หรือไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นใดขึ้นอยู่กับเสียงของหัวหน้าพรรคหรือการหารือร่วมกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่สาระสำคัญ อย่าไปมองว่าหัวหน้าพรรคพูดก็ต้องเป็นอย่างนั้น หรือลูกพรรคพูดแล้วต้องเป็นอย่างนี้ เวลานี้ยังมีความเห็นที่จะพูดกันได้ว่าจะเอาอย่างไรบ้าง เสนอแก้มา 20 ประเด็น แต่สุดท้ายอาจจะแก้แค่ 20 ก็ได้ เพียงแต่อะไรที่ทำให้รัฐธรรมนูญไม่ดี ทำให้รัฐบาลนี้อยู่ต่อไปแล้วไม่แข็งแรง เราก็จะพยายามแก้ไข และการแก้ไขก็มีวิธีการเลือกใช้ได้หลายวิธี หากเปิดช่องทำได้เราก็ใช้ช่องทางนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิจารณ์ว่าข้อเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อต้องการให้รอดจากการถูกยุบพรรค นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ไม่รอด เวลานี้ถึงอย่างไรก็ยุบ ซึ่งถ้ายุบพรรคก็ช่วยไม่ได้ แม้กฎหมายจะออกมาก็ช่วยไม่ได้ แต่เราต้องทำไว้สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่มีมาตรา 237 วรรค 2 ต่อไปใครผิดก็ปลิดทิ้งไป เวลานี้ใครผิดคนหนึ่งไม่ต้องฟังเลย ต้องถือว่าทั้งพรรคผิดหมด เราต้องแก้ไขตรงนี้
“แต่ถามว่า ทำผิดไหม คนเตรียมการจะล่อตั้งแต่ยังไม่ทำผิด ไม่ผิดปกติบ้างหรือ เตรียมการล่วงหน้า 6 เดือน ย้ายใครไปทำอะไร ไปดูที่จังหวัดเชียงราย ไปดูว่าอะไรคือเหตุคือผล ไปพูดถึงเหตุแล้วมาดูตรงผล ไม่ทำความผิดแล้วจะอย่างไร เขาต้องรู้ว่าที่เขียนไว้ผิดปกติ คนไม่ได้ทำความผิดเลยโดยไปทั้งหมด ก็จะแก้ไข ก็วิพากษ์วิจารณ์ไป ผมก็ไม่ว่าอะไร ใครที่ไม่โดนก็คงไม่รู้สึก จะพูดอย่างไรก็ได้ พูดอย่างคุณชวนก็พูดได้ เขาพูดดีน่าฟัง แต่ถามว่าคุณชวน (นายชวน หลีกภัย) โดนหรือเปล่า อย่างกรณีที่เพชรบูรณ์เรื่องเงินล้านสามก็ไม่เป็นปัญหา เพราะไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เป็นแค่ ส.ส.ทำผิด แต่ถ้าเป็น กก.บห. พรรคประชาธิปัตย์บ้างจะว่าอย่างไร โดนเข้าบ้างแล้วจะทำอย่างไร” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลมีแนวคิดนิรโทษกรรมอดีต 111 กก.บห. พรรคไทยรักไทยหรือไม่ เพราะหากเกิดการยุบพรรคจะทำให้บุคลากรในปัจจุบันหายไปจำนวนมาก นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้ไม่คิด เพราะเพียงแค่คิดก็โดนวิจารณ์แล้ว ดังนั้น ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ คราวนี้โดนไปอีก 37 คน พอบอกว่าเป็นเวรเป็นกรรม ก็หาว่าเอาพรรคมาเทียบกับบ้านเมือง แต่ที่เปรียบเทียบว่าเท่ากับฆ่าบ้านเมือง ฆ่าเมืองไทย เพราะว่าเวลานี้ประเทศกำลังเดินหน้า แต่เมื่อพรรคการเมืองตายไป 3 พรรค ก็แปลว่า ธุรกิจ เศรษฐกิจเมืองไทยสะดุดหัวทิ่มอีก แต่สื่อไปเขียนบทความว่าเอาประเทศไทยไปเทียบกับพรรคตัวเอง ทำไม่ไม่รู้จักฟังสำบัดสำนวนการเทียบเคียงด้วย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--