วันนี้ (31 ตุลาคม 2565) เวลา 09.30 น. ณ ตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค พ.ศ. 2565 ครั้งที่ 3/2565 ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญจากการประชุมดังนี้
นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้ติดตามการทำงานตั้งแต่เริ่มต้นจนมาถึงช่วงนี้ที่ถือเป็นช่วงสุดท้ายของการเตรียมการการทำงาน ซึ่งถือเป็นการทำงานเพื่อประเทศไทย และเพื่อประชาชนคนไทย ซึ่งจะได้รับประโยชน์ที่สอดรับ ต่อเนื่องจากการเป็นเจ้าภาพของไทยครั้งนี้ และการประชุมในครั้งนี้จะเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายก่อนที่การประชุมสัปดาห์ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคจะเริ่มขึ้น ในวันที่ 14 พฤศจิกายน และสิ้นสุดในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 การประชุมเอเปคครั้งนี้เป็นการประชุมแบบพบหน้าแบบเต็มรูปแบบ และในวันสุดท้ายจะมีการส่งมอบตำแหน่งเจ้าภาพให้แก่สหรัฐอเมริกาเจ้าภาพสมัยการประชุมต่อไป
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้ร่วมพิจารณา สั่งการในรายละเอียดที่แต่ละคณะอนุกรรมการต่าง ๆ ได้รายงาน และขอความเห็นชอบจากที่ประชุม โดยในส่วนของเขตเศรษฐกิจที่จะเข้าร่วมประชุมฯนั้น เป็นที่น่ายินดีที่มี ผู้นำ/ผู้แทน จากทุกเขตเศรษฐกิจจำนวน 21 เขตเศรษฐกิจเข้าร่วม ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์ของวาระการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย คือ การประชุมของภาคเอกชน ทั้งการประชุม ABAC ครั้งที่ 4 และการประชุมสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปค (APEC CEO Summit) ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะกล่าวปาฐกถาเปิดการประชุม และการหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (APEC Leaders? Dialogue with ABAC) โดยจะมาแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และพิจารณาประเด็นที่เร่งด่วนในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างสมดุลกับสิ่งแวดล้อม ในโอกาสนี้ ผู้แทนสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปคในฐานะประธาน ABAC และ ประธาน CEO Summit ได้กล่าวว่าการเป็นเจ้าภาพของไทยได้รับความสนใจจากเอกชนและนักลงทุนทั้งจากไทยและต่างประเทศจำนวนมาก
จากนั้นที่ประชุมได้รายงานถึงความคืบหน้าในการเตรียมการด้านต่าง ๆ ซึ่งในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงความพร้อมของทุกคณะอนุกรรมการฯ และได้สั่งการเพื่อให้การทำงานมีความรอบคอบ เรียบร้อย ไม่เกิดข้อผิดพลาด รวมทั้ง นายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงด้านมาตรการการจัดการเพื่อป้องกันโรคโควิด ? 19 ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จักได้ปฏิบัติตามอย่างเหมาะสมแต่ไม่ละเลยความปลอดภัยต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th