รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ส่งสัญญาณถึงชาวนาขายข้าวออกในช่วงนี้ เพราะราคาส่งออกข้าวหอมมะลิขึ้นไปถึง 30,000 บาทต่อตัน พร้อมเตรียมนำข้าว 5% บรรจุถุงขายให้ประชาชนในราคาต้นทุน
เมื่อเวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงถึงกรณีที่ข้าวมีราคาสูงถึง 30,000 บาทต่อตันในขณะนี้ว่า ขอฝากข้อความและส่งสัญญาณถึงชาวนาไทยว่า ควรนำข้าวในสต๊อกออกมาขายได้แล้ว เนื่องจากราคาข้าวในตลาดโลกขณะนี้อยู่ในระดับสูง โดยราคาข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 16,000-17,000 บาท ราคาส่งออกข้าวหอมมะลิ ตันละ 30,000 บาท ราคาข้าวเปลือกขาวตันละ 12,000-13,000 บาท และราคาส่งออกข้าวขาว ตันละ 22,500 บาท ประมาณการผลผลิตข้าวเปลือก 31 ล้านตัน สีเป็นข้าวสารได้ 20.5 ล้านตัน แบ่งเป็นสัดส่วนการบริโภคข้าวในประเทศ 11 ล้านตัน ส่งออก 9.5 ล้านตัน และช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนนี้ จะมีผลผลิตข้าวเปลือกนาปรังออกมาอีก 6.5 ล้านตัน ข้าวสาร 4.29 ล้านตัน
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าถามว่าราคาข้าวจะขึ้นมากกว่านี้อีกหรือไม่ คงตอบไม่ได้ แต่ราคาขณะนี้เป็นราคาที่มีกำไรและในประวัติศาสตร์ของชาวนา ข้าวไม่เคยราคาสูงเท่านี้มาก่อน เมื่อสัปดาห์ก่อนคาดการณ์ว่าอาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือนราคาข้าวถึงจะแตะ 30,000 บาทต่อตัน แต่ใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ ดังนั้น จึงขอให้ชาวนาขายข้าวออกมา หากคิดจะเก็งกำไรราคาข้าวต่ออีก อาจต้องรับความเสี่ยงค่อนข้างมาก เนื่องจากไม่สามารถพยากรณ์อนาคตได้ว่าวันข้างหน้าราคาข้าวจะเป็นอย่างไร นอกจากนี้ผลผลิตข้าวในฤดูกาลใหม่กำลังจะออกมาอีกประมาณ 4 ล้านตัน และข้าวของเวียดนามและอินเดียที่กำลังจะออกมาจะมีผลผลิตเท่าใด หากกักตุนข้าวไว้ตอนนี้จะทำให้ข้าวมีปริมาณมากเกินความต้องการ ส่งผลให้ราคาข้าวลดลง และชาวนาอาจขาดทุนได้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมมาตรการเพื่อรองรับ หากเกิดการกักตุนข้าวภายในประเทศไว้แล้ว แต่รับรองว่าปริมาณข้าวภายในประเทศยังเพียงพอต่อการบริโภคแน่นอน และถ้าราคาข้าวในตลาดโลกยังสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ทางรัฐบาลอาจกำหนดโควตาการส่งออกข้าว รวมทั้งรับจำนำเพิ่มขึ้น แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอด
ทั้งนี้ ข้าวที่มีอยู่ในสต๊อก 2.1 ล้านตัน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (1 เม.ย.51) เห็นชอบให้นำข้าว 5% ออกมาบรรจุถุง เพื่อขายให้ประชาชนในราคาต้นทุน แต่ยังกำหนดราคาที่ชัดเจนไม่ได้ เพราะข้าวในสต๊อกมีหลายลอตทั้งนาปีและนาปรัง โดยจะประชุมกันอีกครั้งในคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ซึ่งวิธีกระจายข้าวสู่ประชาชนจะขอความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทย โดยใช้กลไกของผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ อบต. รวมทั้งจะใช้กลไกของพาณิชย์จังหวัด และการค้าภายในจังหวัด ตลอดจน ส.ส. ให้ร่วมสังเกตการณ์ โดยข้าวบรรจุถุงนี้จะไม่จำหน่ายผ่าน Modern Trade หรือเปิดช่องทางอื่นเพื่อซื้อไปกักตุน เมื่อจะซื้อต้องแสดงสำมะโนครัวการบริโภคข้าว โดย กขช. จะตั้งคณะอนุกรรมการฯ ดูแลความโปร่งใสและการบริหารจัดการบรรจุถุงและการจำหน่ายด้วย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงถึงกรณีที่ข้าวมีราคาสูงถึง 30,000 บาทต่อตันในขณะนี้ว่า ขอฝากข้อความและส่งสัญญาณถึงชาวนาไทยว่า ควรนำข้าวในสต๊อกออกมาขายได้แล้ว เนื่องจากราคาข้าวในตลาดโลกขณะนี้อยู่ในระดับสูง โดยราคาข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 16,000-17,000 บาท ราคาส่งออกข้าวหอมมะลิ ตันละ 30,000 บาท ราคาข้าวเปลือกขาวตันละ 12,000-13,000 บาท และราคาส่งออกข้าวขาว ตันละ 22,500 บาท ประมาณการผลผลิตข้าวเปลือก 31 ล้านตัน สีเป็นข้าวสารได้ 20.5 ล้านตัน แบ่งเป็นสัดส่วนการบริโภคข้าวในประเทศ 11 ล้านตัน ส่งออก 9.5 ล้านตัน และช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนนี้ จะมีผลผลิตข้าวเปลือกนาปรังออกมาอีก 6.5 ล้านตัน ข้าวสาร 4.29 ล้านตัน
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าถามว่าราคาข้าวจะขึ้นมากกว่านี้อีกหรือไม่ คงตอบไม่ได้ แต่ราคาขณะนี้เป็นราคาที่มีกำไรและในประวัติศาสตร์ของชาวนา ข้าวไม่เคยราคาสูงเท่านี้มาก่อน เมื่อสัปดาห์ก่อนคาดการณ์ว่าอาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือนราคาข้าวถึงจะแตะ 30,000 บาทต่อตัน แต่ใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ ดังนั้น จึงขอให้ชาวนาขายข้าวออกมา หากคิดจะเก็งกำไรราคาข้าวต่ออีก อาจต้องรับความเสี่ยงค่อนข้างมาก เนื่องจากไม่สามารถพยากรณ์อนาคตได้ว่าวันข้างหน้าราคาข้าวจะเป็นอย่างไร นอกจากนี้ผลผลิตข้าวในฤดูกาลใหม่กำลังจะออกมาอีกประมาณ 4 ล้านตัน และข้าวของเวียดนามและอินเดียที่กำลังจะออกมาจะมีผลผลิตเท่าใด หากกักตุนข้าวไว้ตอนนี้จะทำให้ข้าวมีปริมาณมากเกินความต้องการ ส่งผลให้ราคาข้าวลดลง และชาวนาอาจขาดทุนได้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมมาตรการเพื่อรองรับ หากเกิดการกักตุนข้าวภายในประเทศไว้แล้ว แต่รับรองว่าปริมาณข้าวภายในประเทศยังเพียงพอต่อการบริโภคแน่นอน และถ้าราคาข้าวในตลาดโลกยังสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ทางรัฐบาลอาจกำหนดโควตาการส่งออกข้าว รวมทั้งรับจำนำเพิ่มขึ้น แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอด
ทั้งนี้ ข้าวที่มีอยู่ในสต๊อก 2.1 ล้านตัน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (1 เม.ย.51) เห็นชอบให้นำข้าว 5% ออกมาบรรจุถุง เพื่อขายให้ประชาชนในราคาต้นทุน แต่ยังกำหนดราคาที่ชัดเจนไม่ได้ เพราะข้าวในสต๊อกมีหลายลอตทั้งนาปีและนาปรัง โดยจะประชุมกันอีกครั้งในคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ซึ่งวิธีกระจายข้าวสู่ประชาชนจะขอความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทย โดยใช้กลไกของผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ อบต. รวมทั้งจะใช้กลไกของพาณิชย์จังหวัด และการค้าภายในจังหวัด ตลอดจน ส.ส. ให้ร่วมสังเกตการณ์ โดยข้าวบรรจุถุงนี้จะไม่จำหน่ายผ่าน Modern Trade หรือเปิดช่องทางอื่นเพื่อซื้อไปกักตุน เมื่อจะซื้อต้องแสดงสำมะโนครัวการบริโภคข้าว โดย กขช. จะตั้งคณะอนุกรรมการฯ ดูแลความโปร่งใสและการบริหารจัดการบรรจุถุงและการจำหน่ายด้วย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--