วันนี้ (11 พฤศจิกายน 2565) นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำคณะประกอบด้วย นายภาคิน สมมิตรธนกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางรวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ หรือ สคทช. ลงพื้นที่สหกรณ์การเกษตรยั่งยืนแม่ทา จำกัด อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามการขับเคลื่อนยกระดับสหกรณ์เป็นผู้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ในพื้นที่ดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) โดยมีคณะกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สมาชิกสหกรณ์การเกษตรยั่งยืนแม่ทา เข้าร่วมซึ่งการลงพื้นที่ในวันนี้ นายอนุชานาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับ ติดตาม และประเมินผล ได้พบปะกลุ่มสหกรณ์การเกษตรยั่งยืนแม่ทา ซึ่งเป็นกลุ่มสหกรณ์ต้นแบบในการแก้ไขปัญหาที่ดินและที่อยู่อาศัย นำไปสู่การใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และเต็มศักยภาพ
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความตั้งใจในการแก้ปัญหาที่ดินทำกิน เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์หรืออยู่อาศัยจากผืนแผ่นดินนี้ร่วมกันอย่างเท่าเทียม การดำเนินงานของ คทช. ถือเป็นการขับเคลื่อนสำคัญที่จะทำให้บรรลุตามเป้าหมายของนโยบายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ขอชื่นชมสหกรณ์การเกษตรยั่งยืนแม่ทา จำกัด ซึ่งถือเป็นต้นแบบการบริหารงานสหกรณ์ ที่สามารถสร้างแรงจูงใจให้กับชุมชนอื่นในพื้นที่ คทช. ได้ศึกษา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และก้าวเดินตามจนสามารถขยายผลนโยบายนี้ในภาพรวมต่อไป
สำหรับนโยบายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน (คทช.) เป็นนโยบายของรัฐบาลภายใต้การบริหารงานของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ โดยมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานคณะกรรมการฯ ขับเคลื่อนการดำเนินงาน โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ โดยเฉพาะที่ดิน เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนวิเคราะห์ปัญหา สำรวจความต้องการของชุมชน กำหนดแนวทางการพัฒนาในชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีการเติบโตที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ กลุ่มสหกรณ์การเกษตรยั่งยืนแม่ทา ได้ผ่านเกณฑ์ความเข้มแข็งของสหกรณ์ จากการประเมินโดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ และได้รับการยกระดับสหกรณ์เป็นผู้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งกำหนดโดยคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ที่มีมติเห็นชอบการปรับเปลี่ยนให้ผู้ขอใช้ประโยชน์การอยู่อาศัยและทำกินในป่าสงวนแห่งชาติ จากผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน หรือกลุ่มเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ ส่งผลให้มีราษฎรได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 1,374 ราย ที่ดินทำกิน 2,693 แปลง โดยผู้อยู่อาศัยบนที่ดินทำกินได้รับการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ และได้มีการจัดตั้งสหกรณ์การเกษตรยั่งยืนแม่ทา จำกัด ปัจจุบันมีสมาชิก 697 ครัวเรือน ทุนดำเนินการประมาณ 6 ล้านบาท เน้นส่งเสริมการเกษตรอินทรีย์ สร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ บนพื้นที่ 400 ไร่ สามารถให้ผลผลิตได้ประมาณ 300 ตัน เป็นมูลค่า 12 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการบริหารจัดการสกรณ์ที่มีผลสำเร็จเชิงประจักษ์และเป็นแบบอย่างแก่กลุ่มสหกรณ์อื่น
ที่มา: http://www.thaigov.go.th