น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้นำคณะเข้าร่วมการศึกษาดูงานด้านหลักประกันสุขภาพของญี่ปุ่น ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสนี้ในการพบปะผู้นำองค์กรต่างๆ เพื่อกระชับความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างไทยและญี่ปุ่นให้มีความใกล้ชิดและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทย
โดยในวันนี้(15 พ.ย. 65) นายอนุทิน พร้อมคณะประกอบด้วย นายสิงห์ทอง ลาภพิเศษพันธุ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.พงศ์เกษม ไข่มุก รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมศาสตร์ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ภกญ.วลัยพร พัชรนฤมล ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้พบหารือกับ นาย Akihiko Tanaka ประธาน องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) และคณะผู้บริหาร ณ สำนักงานใหญ่ JICA กรุงโตเกียว
รองนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณ JICA สำหรับความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขของไทยในหลายโครงการมาโดยตลอด โดยญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีองค์ความรู้เป็นที่ยอมรับระดับโลก ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีความร่วมมือระหว่างกันและญี่ปุ่นก็แบ่งปันองค์ความรู้ต่างๆแก่ประเทศไทย อาทิ การดูแลผู้สูงอายุ การพัฒนาด้านสุขภาพโลก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า การจัดการด้านสาธารณสุขเมื่อเกิดภัยพิบัติ และ JICA ยังให้การสนับสนุนโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในประเทศไทยหลายโครงการ
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายอนุทิน ให้ข้อมูล JICA ถึงการขับเคลื่อนโครงการลงทุนที่สำคัญในประเทศไทยในขณะนี้ ทั้งในส่วนของโครงการพัฒนาการขนส่งทางราง และโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งอ่าวไทย-อันดามัน (Southern Land Bridge) ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งเชื่อมทะเลอ่าวไทยกับอันดามัน สร้างพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ในระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) และรองนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้ JICA และนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาร่วมสนับสนุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะระบบรางที่ญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญ
ทางด้านประธาน JICA ระบุว่า ทางญี่ปุ่นมีความสนไทยประเทศไทยมิติต่างๆ และที่ผ่านมาก็ได้มีความร่วมมือกันหลายด้านทั้งด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจการลงทุน โดยโครงการล่าสุดที่ JICA ได้ร่วมสนับสนุนและได้เปิดดำเนินการแล้วคือโครงการรถไฟสายสีแดง ซึ่ง JICA ยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสะดวกสบายและลดปัญหาจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ
ทั้งนี้ ประเด็นที่ JICA สนใจให้ความสำคัญในประเทศไทยในระยะต่อไปคือการพัฒนาเรื่องคน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ โดยปัจจุบัน JICA มีโครงการพัฒนาด้านทรัพยากรมนุษย์ในไทยหลายโครงการด้วยกัน เช่น การร่วมกับสถาบันการศึกษาในไทยตั้งสถาบันโคเซ็น เพื่อพัฒนาวิศวกร นักปฏิบัติ นักเทคโนโลยี และนวัตกร ที่มีทักษะความเชี่ยวชาญสูงเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงโครงการ JICA Share ร่วมกับสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศไทย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th