นายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการสนทนาประสาสมัครถึงความสำคัญของวันที่ 6 เมษายน วันจักรี ซึ่งประชาชนควรรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์พระราชวงศ์จักรีที่มีต่อบ้านเมือง พร้อมเล่าสารคดีเรื่องข้าว
รายการ “สนทนาประสาสมัคร”
โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11
และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2551 เวลา 08.30-09.30 น.
----------------------------
สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ 08.30 น. หลังพระเทศน์ รายการ “สนทนาประสาสมัคร” พูดถึงชื่อรายการนี้อยากจะกราบเรียนนิดหนึ่งครับ เวลาที่เสร็จรายการแต่ละครั้ง ๆ ผู้คนท่านปรารถนาดีก็แนะนำควรจะอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็รับฟังครับด้วยความปรารถนาดีของท่านทั้งหลาย แต่อยาก จะกราบเรียนนิดหนึ่งว่ารายการนี้ไม่ได้ชื่อว่า รายการ “รายงานการทำงานประจำสัปดาห์ของนายกรัฐมนตรี” ไม่ได้ชื่อนี้เลยครับ ชื่อรายการ “สนทนาประสาสมัคร” แปลว่ามีหลายเรื่องหลายอย่างที่จะบ่นกันไม่ได้อีก ทางโน้นบอกไปพูดถึงเขาทำไม ไปแตะคนนั้นทำไมคนนี้ทำไม ผมก็ไม่อยากจะมาพูดจาใช้เวลาต้องมาแก้ชี้แจงอะไรกัน แต่อยากจะบอกไว้เท่านั้นครับว่า ต้องการทำความเข้าใจให้ผู้คนในบ้านเมืองรู้ว่าอะไรเป็นอะไรอย่างไร ผมให้หัวข้อขึ้นต้นไว้กำลังจะคุยให้ฟังเรื่องของงานนายกรัฐมนตรีจะทำอะไรอย่างไร ตั้งใจจะทำอย่างนั้น แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นตามเฉพาะไป เรื่องนั้นจะอยู่ตรงท้ายสุด และจริง ๆ วันนี้สารคดีจะเรื่อง “ข้าว” จะอธิบายกันโดยเฉพาะเลย หน้าที่ของนายกรัฐมนตรีจะต้องอธิบายให้ประชาชนฟังว่า เกิดอะไรขึ้นมาทำอะไรอย่างไร
6 เมษายนวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์
วันนี้ท่านทั้งหลายคงทราบ เวลาขึ้นต้นอย่างนี้ก็บอกว่าข่าวใหญ่ หนังสือพิมพ์อย่างโน้นอย่างนี้มากมายก่ายกอง ไม่ละครับ ผมจะยกประโยชน์ให้ ใครจะไปเขาวิพากษ์วิจารณ์กันไปเยอะแล้ว วันนี้ท่านทั้งหลายก็เห็นว่าเป็นวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน ตั้งแต่เด็กจนโต ถ้าใครเรียนหนังสือ วันที่ 6 เมษายนก็พูดกันติดปากว่าวันจักรี ถ้าพูดให้ถูกต้องตามภาษาราชการที่ครบถ้วน วันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ แปลว่าเป็นวันที่รัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ท่านได้สถาปนาพระราชวงศ์จักรีขึ้นในบ้านเมืองนี้ บ้านเมืองเรามีมา 4 ยุค ยุคสุโขทัย 200 ปี อยุธยา 417 ปี ธนบุรี 15 ปี ยุครัตนโกสินทร์ 226 ปี พระราชวงศ์เดียว ฉะนั้น เวลาที่พูด พระท่านชอบพูดถึงว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ คำนี้ครับ เป็นคำที่ควรจะได้พูดถึงบ้างในเวลานี้ ในเวลาอันสมควรอย่างวันนี้ ผมจะไปเที่ยวคุยอะไรต่ออะไร มีเวลาเหลือผมจะคุยอย่างที่เคยคุย แต่วันนี้อยากจะเริ่มต้นว่าบ้านเมืองที่เราอยู่มาถึงวันนี้ ยุครัตนโกสินทร์ 226 ปี พระราชวงศ์จักรีได้สถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2325 มาจนถึงป่านนี้ ถ้าเราจะได้มีโอกาสนึกถึงว่าวันนี้ไม่ใช่วันหยุดธรรมดา เป็นวันหยุดที่ระลึก ตรงกับวันอาทิตย์ พรุ่งนี้ยังหยุดชดเชยอีกวันหนึ่งด้วย
ขอให้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์พระราชวงศ์จักรี
ถ้าเราจะรำลึกถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ที่อยู่คู่กับบ้านเมืองของเรา คนอาวุโสมาแล้ว ผมก็ไม่เอามะพร้าวห้าวมาขาย แต่คนที่ไม่อาวุโสหรือคนที่อาวุโสเขาไม่ค่อยได้เอาใจใส่ครับ วาระอย่างนี้ครับ เราควรจะต้องพูดถึงบ้าง ผมก็พูดถึงในฐานะพสกนิกรคนหนึ่งที่ได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระราชวงศ์จักรีที่มีต่อบ้านเมืองนี้ เริ่มต้นว่าเมื่อได้สถาปนาพระราชวงศ์จักรีนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระองค์ท่าน เรียกกันหลายอย่าง ท่านจะเผด็จศึก ท่านจะกรำศึก เรามีศึกศัตรูอยู่คู่บ้านเมือง พระเจ้าอยู่หัวพระองค์แรกนี่ละครับที่ได้เผด็จศึก ปราบปรามข้าศึกศัตรูจนบ้านเมืองสงบไม่มีการรบราฆ่าฟันก้นต่อไปอีก ฉะนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 1 ท่านทรงทำมากมายหลายอย่าง ป้องกันขอบขัณฑ์สีมา รักษาประชาชนและมนตรี ตามที่ได้เคยร่ำเรียนกันมา แต่ทว่าจริง ๆ แล้วเจ้านายพระองค์นี้ ท่านโปรดในเรื่องรบทัพจับศึก บ้านเมืองนั้นท่านทรงทำให้ปลอดภัย ใครอ่านประวัติศาสตร์ ท่านเสด็จฯ ไปปราบที่โน่นปราบที่นี่ ปราบที่นั่น ตลอดพระชนม์ชีพ รัชกาลที่ 1 ท่านเป็นนักรบ ท่านจะรบจนบ้านเมืองสงบเรียบร้อย
รัชกาลที่ 2 ทรงมีบทพระราชนิพนธ์มากมาย
มาถึงรัชกาลที่ 2 บ้านเมืองสงบเรียบร้อยก็เข้ามาสู่ยุคฟื้นฟู มีศิลปวัฒนธรรม ถ้าใครไปเรียนหนังสือคงจะนึกออก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 2 พระราชสมภพพระองค์ท่านอยู่ที่อำเภอยานนาวา เขาถึงมีอนุสรณ์สถานพระองค์ท่านอยู่ที่ยานนาวา เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ ก็มีงานฉลองศิลปวัฒนธรรม เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินจะเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโครงการที่นั่น รัชกาลที่ 2 ถ้าเราเรียนหนังสือต้องจำได้นะครับ บานประตูที่วัดสุทัศน์ดูแลกันไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไร ถูกไฟไหม้ก็มี แต่เขาก็เก็บไว้เป็นประวัติศาสตร์ พระเจ้าอยู่หัวทรงมีฝีพระหัตถ์ในการที่จะแกะลายประตูจากไม้ทั้งแท่ง แกะให้เป็นไม้โปร่ง ๆ ผมไม่เคยเห็น ผมไปได้ดูของจริง ใครไม่เคยเห็นก็ไปดูที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ แกะไม้สักทั้งแท่ง เป็นใบไม้ มีนก มีหนู มีอะไรอยู่ในนั้นเสร็จเรียบร้อย พระเจ้าอยู่หัวทรงมีบทพระราชนิพนธ์ต่าง ๆ หลายเรื่อง ไม่ต้องรบอะไรตอนนี้ มาสู่ยุควรรณคดีศิลปวัฒนธรรม
รัชกาลที่ 3 ทรงค้าขายกับต่างชาติ
มาถึงรัชกาลที่ 3 รัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ที่ระลึกสะพานพระองค์ท่านอยู่ที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดที่พระองค์ท่านมีพระราชสมภพที่นั่น รัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์นี้ท่านค้าขายครับ และท่านก็ทำนุบำรุงพุทธศาสนา ค้าขายนี่พระองค์ท่านสร้างไว้ ใครไปวัดยานนาวาสิครับ ท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน ท่านคณะรอง ทรงกลัวว่าวันข้างหน้าเด็ก ๆ สมัยข้างหน้าจะไม่เคยเห็นเรือสำเภา เป็นความจริงนะครับ ผ่านมา 200 ปีแล้ว เด็กไม่เคยเห็นก็ไปดูเลยครับ เรือสำเภา อยู่ที่วัดยานนาวา ท่านเจ้าอาวาสท่านก็อัญเชิญสร้างพระบรมรูปพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ประทับยืน ก็ได้เห็นทั้งพระองค์ท่าน เห็นทั้งเรือสำเภา ท่านค้าขายครับ ค้าขายกับต่างชาติ คบค้าสมาคมกับเมืองจีน ท่านค้าขายจนกระทั่งมีกำไร เขาว่าเงินถุงแดงใส่เอาไว้ เก็บไว้ในท้องพระคลัง ถึงรัชกาลที่ 5 มีเรื่องราวกับฝรั่งมาเรียกค่าปรับ เขาบอกเอาเงินถุงแดงที่รัชกาลที่ 3 ท่านทรงมีกำไรจากการค้าขาย เขาเรียกเจ้าสัว... ก็เอาเงินมาใช้จ่ายได้ ประวัติศาสตร์ลองนึกลงไปจะได้เจอหมดครับ วัดวาอารามต่าง ๆ ประทับนั่งอยู่ตรง แต่ก่อนเป็นเฉลิมไทย รื้อออกไปแล้วก็สร้างอนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ข้างหลังพระองค์ท่านเป็นวัดราชนัดดารามวรวิหาร ยังไม่ใช่ศิลปะ ถ้าใช้ศิลปะต้องขยับไปวัดเทพธิดารามวรวิหาร ถัดไปอีกวัดหนึ่ง วัดที่สุนทรภู่อยู่ จะแสดงให้เห็นศิลปวัฒนธรรม ที่รัชกาลที่ 3 ท่านได้อิทธิพลมาจากเมืองจีน ท่านเอามาตกแต่งหน้าบ้าน เอามาทำอะไรต่าง ๆ เวลาที่เอากระเบื้องที่แตกแล้วมาใส่และแปะลงไป เอาก้นถ้วยใส่ลงไปอันหนึ่ง นั่งต๊อก ๆ เอาสีเหมือนกัน เอาปูนเปียกใส่ลงไปก้นถ้วยแปะลงไป และ 5-6 ชิ้นติดรอบ ๆ ก็กลายเป็นดอกไม้ ตัดไปตัดมากลายเป็นหัวพญานาค ฝรั่งมีโมเสส คือเป็นสี่เหลี่ยม ๆ มองไกลไม่รู้ ถอยไปก็เห็นเป็นรูปโมเสสผมเป็นไกด์เก่า ผมเรียกอันนี้ว่า Round Moses เวลาที่อธิบายให้ฝรั่งฟัง แปลว่าแทนที่จะเป็นรูปเป็นภาพออกมา จะเป็นศิลปะที่นูนอออกมา เป็นรูป.. เป็นหัวพญานาค เป็นดอกไม้ เป็นช่อต่าง ๆ ความงามก็ไปดูสิครับที่พระเจดีย์วัดอรุณราชวราราม สมัยรัชกาลที่ 3 ไปดูวัดราชโอรสาราม อยู่คลองมอญ ทั้งหมดนี้รัชกาลที่ 3 ทรงค้าขายและทำนุบำรุงพุทธศาสนา
รัชกาลที่ 4 ทรงศึกษาภาษาอังกฤษ
มาถึงรัชกาลที่ 4 ทรงเปิดประเทศ รัชกาลที่ 4 ทรงผนวช 27 ปี ทรงเป็นพระภิกษุ 27 ปี ฝรั่งมังค่าเข้ามาพอดี อเมริกันเข้ามา พวกหมอบรัดเลย์ เครื่องพิมพ์ดีด เข้ามา การวิทยาศาสตร์เข้ามา พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นน้องชายของพระองค์ท่าน ก็รับความเจริญทางวิทยาศาสตร์ พระองค์ท่านก็รับความเจริญทางภาษาการทูต ทรงศึกษาภาษาอังกฤษ ไปถึงภาษาลาติน เขียนจดหมายถึงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้ เห็นเขารบราฆ่าฟันกัน ตัวเอาชนะไม่ได้ บอกจะส่งช้างไปช่วย เมื่อ 2 วันนี้ทูตคนใหม่ยังอุตส่าห์ไปค้นคว้า ผมเล่าให้ฟังทูตไปค้นคว้าเลย เอามาอ่านให้ฟัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงเปิดประเทศ พระชนมายุมากแล้วตอนขึ้นครองราชย์ ทรงเป็นพระภิกษุอยู่ 27 ปี แต่ได้สั่งสมเรื่องทั้งหลายทั้งปวง และได้มาทรงใช้ตอนเวลาที่เปิดประเทศรับชาวต่างประเทศ ความเจริญก้าวหน้าก็เริ่มหลั่งไหลมาสู่บ้านเมืองของเรา บรรดาราชโอรสทั้งหลายยังไม่ได้ไปต่างประเทศ แต่ว่าได้รับการศึกษาดี ทรงเห็นว่าภาษาอังกฤษเป็นความจำเป็น เอาแหม่มมาสอนอยู่ 6 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 นั้น ท่านทรงศึกษาจากแหม่มแอนนา ลีโอโนเวนส์ (Anna Leonowens) เพราะฉะนั้น เรื่องราชสำนักอะไรต่าง ๆ นั้น รัชกาลที่ 4 ท่านปูพื้นฐานในการที่เราจะไปเผชิญกับโลก
รัชกาลที่ 5 เสด็จฯ ประพาสรัสเซีย
มาถึงรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระนามาภิไธยคือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นี่ละครับท่านทรงศึกษาภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก ท่านเป็นลูกศิษย์แหม่มแอนนา ลีโอโนเวนส์ และท่านได้ประสบการณ์ของพระองค์ท่าน ยุคสมัยพระองค์ท่านทรงครองราชย์ 42 ปี ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 สวรรคตเมื่อปี 2398 ทรงขึ้นครองราชย์ตรงนั้น อายุ 11 พระชันษา ทรงมีพระชนมายุแข็งแรงขึ้น ทรงบรรลุนิติภาวะก็สถาปนาขึ้นครองราชย์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง และทรงบริหารบ้านเมือง บ้านเมืองมีวิกฤติการณ์น่ากลัวนะครับ ฝรั่งต่างชาติ ชาติหนึ่งได้ทางตะวันตกไปแล้ว ก็จ้องทางเรา อีกชาติได้ตะวันออกไปแล้ว ก็จ้อง จะแบ่งครึ่งครับ เอาแม่น้ำเจ้าพระยาผ่าครึ่ง ทางโน้นอยู่พม่าก็จะกลืนไทยทางตะวันตก ทางนี้อยู่ทางลาวกับเวียดนาม ก็จะกลืนไทยทางตะวันออก แต่ว่าวิเทโศบายที่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีสายพระเนตรไกล เพราะฉะนั้น พระองค์ท่าน บางครั้งใครก็ไปคิดว่าเวลาที่ฝรั่งอย่างรัสเซีย ทำรถไฟสายทรานไซบีเรียมาลงที่วลาดิวอสสต็อก เสร็จแล้วก็ลงเรือกลับมาเยี่ยม เป็นมกุฎราชกุมารเท่านั้นครับ รัชกาลที่ 5 ท่านทรงรับใหญ่โตมโหฬาร ทรงทำความคุ้นเคยกับมกุฎราชกุมารของรัสเซีย ท่านก็รับของท่าน จนกระทั่งเป็นสำนวนทำอะไรใหญ่โต ใหญ่โตยังกับรับซาร์ สายพระเนตรท่านไกลอย่างไร
วันหนึ่งเวลาที่จ้องจะล่อประเทศไทยกันอยู่ ท่านก็ทรงคิดครับว่าเอาดาบไปสู้กับปืนไม่ได้ คิดสิ 13-14 ในย่านเอเชียอาคเนย์ เหลืออยู่ประเทศไทยประเทศเดียวเท่านั้นที่เป็นเอกราช ท่านลองศึกษาย้อนไปดู พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเข้าใจว่าการเอาดาบไปสู้กับปืนไม่ได้ประโยชน์ แต่ว่าสิ่งที่ทรงทำนั้น ไม่ใช่ไปยอมแพ้เขา แต่ทรงบอกว่าเราต้องรับความเจริญของโลกตะวันตก พระเจ้าแผ่นดินฝรั่งนั่งเรือมาเสร็จ มาดูมาเยี่ยม เสร็จแล้วก็เลี้ยงต่อไปเรือ ท่านทรงทำอย่างเดียวกันครับ ซื้อเรือเลยครับแล้วเสด็จพระราชดำเนินไปยุโรป และไปประเทศรัสเซียเลย พระองค์เก่าที่เคยรับไว้นั้น ท่านไปเป็นซาร์นิโคลัสที่ 2 เพราะฉะนั้น ท่านไปเยี่ยมเมืองเก่าที่ได้เคยรับรอง เป็นรุ่นเด็กกว่าท่าน แต่ว่าท่านสามารถที่จะมีความคุ้นเคยภาษารัสเซีย พระองค์ท่านนั่งไขว่ห้างกันทั้งสองพระองค์ ภาพอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร แต่งชุดทหาร และภาพนี้ครับออกไปลงในกาเซ็ต คือหนังสือพิมพ์ในยุโรป เอิกเกริกเลยครับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนินฝรั่งเศส ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเสด็จฯ ลงไปรับพระองค์ท่านถึงในเรือ ทรงมีจดหมายถึงพระราชธิดาบอกว่าที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ลงไปรับพ่อถึงในเรือ ไม่ใช่บารมีของพ่อหรอก แต่เป็นบารมีของซาร์นิโคลัสที่ 2 ที่ได้จัดการทำ คือทำให้เห็นว่าพระสหายอย่างนี้เสร็จเรียบร้อย ฝรั่งเศสเกรงใจครับ เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมหมด และพระราชโอรสก็ทำแบบโบราณเอาไปฝากเรียนหนังสือ มีพระราชสำนักอยู่ 14 ราชสำนักเวลานั้น ไปเรียนหมด ราชสำนักรัสเซียก็เรียน เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ ทุกพระองค์เรียนเสร็จก็.. เสด็จพระราชดำเนินปี 2440 อีก 10 ปี เสด็จฯ เยือนอีกหนหนึ่ง ตอน 2450 เอารุ่นเก่ากลับมาช่วยทำงาน เอารุ่นใหม่ออกไป
ทั้งหมดนี้เพราะสายพระเนตรไกลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ท่านทรงมองเห็นทะลุปรุโปร่ง และทรงเลือก ถ้าเราลองนึกดูทรงคุ้นเคยกับราชสำนักอังกฤษ ราชสำนักเซนต์เจมส์ ที่ว่านี้ แต่ปรากฏว่าอังกฤษมีเงิน ปอนด์ ชิลลิ่ง เพนนี มี guinea คือ 21 ชิลลิ่ง มี 4 ช่อง มี 2 3- ช่อง ของไทยมี 6 ช่อง ไทยมีเฟื้อง มีไพ มี 6 ช่อง แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ประสงค์จะพิมพ์ธนบัตร ท่านบอกว่าเรียกว่า 1 บาท มี 100 สตางค์ ใครจะคิด ร้อยกว่าปีก่อน ทรงคิดได้อย่างไรครับ 1 บาทมี 100 สตางค์ 60 ปีก่อนมีคอมพิวเตอร์ใช้ เราเอาบัญชีของเราใส่คอมพิวเตอร์ พิมพ์ได้เลย ลงบัญชี ใช้เครื่องได้ทันที เพราะ 1 บาทมี 100 สตางค์ เป็นแบบเดียวกัน 1 เหรียญมี 100 เซนต์ ที่อเมริกันคิด ประเทศอังกฤษเป็นเจ้าจักรวรรดิ ปรากฏว่าเชื่อไหมครับ ปอนด์ ชิลลิ่ง เพนนี วันหนึ่งต้องฝืนใจ ต้องยกเลิกชิลลิ่ง 100 เพนนีเป็น 1 ปอนด์ ถึงจะเอาเครื่องเข้าคอมพิวเตอร์ ลงบัญชีได้ 100 เพนนีเป็น 1 ปอนด์ เห็นไหมครับเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่ดูแล้วก็เราเรียนกันอย่าง ..เรียน 12 นิ้วเป็น 1 ฟุต 3 ฟุต เป็น 1 หลา 1,760 หลา เป็น 1 ไมล์ ของเรายังแถมว่า 1 ไมล์ ประมาณ 40 เส้น เรียนทั้งนั้น เรียนน้ำหนัก เรียนออนซ์ เป็นปอนด์ เรียนหมดครับ
แต่เวลาจริง ๆ ใช้ ประเทศไทยให้บนแผ่นดินใหญ่ คือใช้มาตราเมตริก 10 เซนติเมตร เป็น 1 เดชิเมตร 10 เดชิเมตร เป็น 1 เมตร 10 เมตรเป็น 1 เดคาเมตร 10 เดคาเมตร เป็น 1 เฮกโตเมตร 10 เฮกโตเมตร เป็น 1 กิโลเมตร ความยาวก็เป็นเมตร น้ำหนักก็เป็นกิโลกรัม ของเรา ๆ ใช้เมตริก แล้วใครจะว่าอย่างไร เมืองอังกฤษหนาว เป็นฟาเรนไฮ 32 หนาวแข็งก็แค่ 32 แต่ของเราใช้เซนติเกรด แข็งที่ 0 ต่อมาเป็นเซลเซียส เสร็จแล้วในโลกนี้เป็นอย่างไร น้ำมันเราใช้เป็นลิตร อเมริกาใช้จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ต้องมี... คือสิ่งที่ถูกต้องอเมริกัน... แก้กันแทบตายเลย แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมองการณ์ไกล เครื่องใช้ฝรั่งยาวเหยียด ใช้ซ้ายขวาเข้ามา ทรงหยิบส้อมคันหนึ่ง ช้อนคันหนึ่ง แล้วช้อนส้อมก็มาอยู่บนโต๊ะไทยเรา ช้อนส้อมแต่ก่อนกินมือ ถ้ากินใช้ช้อนคันเดียว ฝรั่งเป็นตับเลยเรียกว่า Siver ware ใช้จากข้างนอกเข้ามา แต่ว่ารัชกาลที่ 5 ท่านหยิบเลยครับ ส้อมคันช้อนคัน และใช้ช้อนส้อมกันมาจนทุกวันนี้
ท่านจะเห็นว่าแล้วยุโรปเขาขับรถทางซ้าย เราขับขวาเหมือนอังกฤษ ผมคุยกับลอร์ด ดิกบี โจนส์(Lord Digby Jones) รัฐมนตรีการค้าและการลงทุนอังกฤษ มาเยี่ยม คุยอย่างโน่นอย่างนี้ ผมบอก ท่านบอกสิผมจะบอกให้ฟังรู้ว่าของอังกฤษ ดี ๆ ๆ แต่เราจะเลือกว่าอะไรดีที่สุด ผมปาฐกถาเล่าให้ฟังไป บอกนี่เรื่องนี้ๆ ธนบัตรเราพิมพ์ของเรา เราใช้อย่างนี้ แต่ว่าพอถึงรถ ผมขับแบบอังกฤษทำไม เราไม่ได้อยู่ใน Common Wealth ก็อธิบายความให้ฟัง สายพระเนตรรัชกาลที่ 5 ท่านเห็นความเจริญที่ไหน 3 ปียุโรปมี เมืองไทยมี เขามีโรงไฟฟ้า เรามีโรงไฟฟ้า เขามีตู้เย็น เรามีตู้เย็น เขามีรถราง เรามีรถราง เขามีรถไฟ เรามีรถไฟ ทันสมัยหมดครับ ทรงนำความเจริญมาจากยุโรปโดยเฉพาะเข้ามาในประเทศเรา เพราะฉะนั้น ตรงนี้ทรงเป็นพระปิยะมหาราช พระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่รักยิ่ง 42 ปี ก็พูดถึงยาวหน่อยพระองค์ท่าน
รัชกาลที่ 6 ทรงเป็นนักศิลปะวรรณคดี
ถัดมาผลิตผลที่ส่งไปเรียนหนังสือ รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พักอยู่ในประเทศอังกฤษ 12 ปี ทรงโปรดทอดพระเนตรละครเวสต์เอ็นด์ ละครเวสต์เอ็นด์ 400 ปีนะครับ เช็กสเปียร์ปีนี้ 500 ปีแล้ว เช็กสเปียร์คนรู้จักทั่วโลก แต่ถามว่าคนไทยรู้จักเช็กสเปียร์ ตรัสรู้มาถึงก็ไปอ่านเช็กสเปียร์ เปล่าครับ เรียนหนังสือมา ม. 5 ภาษาอังกฤษชื่อ The Merchant of Venice ภาษาไทยตั้งชื่อว่า เวนิชวานิช เก๋ไหมครับ เวนิชก็ชื่อเมือง วานิชแปลว่าพ่อค้า รัชกาลที่ 5 ท่านทรงเก่งเหมือนกัน เวลาท่านแต่งหนังสือ sleeper Awaken หลับ ๆ ตื่น ๆ เราเรียนม.6 ชื่อ นิทราชาคริต ฉะนั้น เจ้านายของเราท่านทรงเก่งทั้งนั้นครับ รัชกาลที่ 1 ทรงประพันธ์เรื่องนั้น รัชกาลที่ 2 ทรงแต่งเรื่องนี้ รัชกาลที่ 3 เท่านั้นไม่ค่อยมีอะไรเท่าไร รัชกาลที่ 4 ท่านก็ทรงแต่ง พอรัชกาลที่ 5 ท่านทรงแปล sleeper Awaken นิทราชาคริต ใครไปอ่านสิครับ อ่านแล้วก็สนุกครับ ตั้งแต่ขึ้นต้นจนกระทั่งลงท้าย ท่านทำเพื่อจะรับงานปีใหม่ หนังสือเล่มหนาเบ้อเริ่ม รัชกาลที่ 6 ยิ่งกว่าพระราชบิดา ท่านทรงศิลปะวรรณคดี แต่ก่อนที่ต้องไม่ลืมคือท่านปลุกใจให้คนไทยรักชาติ รักศาสนา รักสถาบันพระมหากษัตริย์ 15 ปีเท่านั้นครับ แต่ทรงทำอะไรให้บ้านเมือง 200 บทละคร จนถึงบัดนี้ ทรงแปลทรงเขียน ทุกอย่างครับ
ใครอยากศึกษาพระองค์ท่านไปสิครับหอวชิราวุธนุสรณ์ หม่อมหลวง ปิ่น มาลากุล เป็นผู้ค้นคว้า ค้นหมดเลย ลายพระหัตถ์ไม่ว่าจะไปทรงอยู่ที่ไหนอย่างไร หม่อมหลวง ปิ่น ค้นเอามาให้หมด และเราก็ไปนั่งศึกษา ไปอ่านไปดูไปฟังว่าเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินของเรานั้น ท่านทรงเก่งอย่างไร มีพระราชนิพนธ์อย่างไร ฝรั่งเช็กสเปียร์เขียน 2 บรรทัด พระเจ้าอยู่หัวต้องทรงแปล 4 บรรทัด แต่ทรงแปลให้เข้านะครับ เวนิชวานิช ผมก็อยากดูจริง ๆ ท่องอาขยานมาเท่าไร วันหนึ่งพอโตไปทำงานไปดูก็เห็นหนังสือ The Merchant of Venice อยากดูจริง ๆ พระเจ้าอยู่หัวทรงแปลอย่างไร รีบเปิดดูเลย ตรงบทนางพอร์เทีย ตอนพอร์เทียว่าความ ภาษาฝรั่งเขาบอกว่า The Quality of Mercy Is not Strain’d แปลว่าคุณภาพของความกรุณาไม่มีใครมากดดันอะไร อีกคำ As the Gentle Rain From Heaven เห็นไหมเขาแปลได้ง่าย ๆ The Quality of Mercy Is not Strain’d อีกทำ As the Gentle Rain From Heaven พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ท่านทรงแปลว่า “อันความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองดังฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน...” เห็นไหมครับ ต้องต่อไปก็อีกยาว เป็นสิ่งดีสองชั้นพลันปลื้มใจ แห่งผู้ให้และผู้รับสมถวิล เป็นกำลังเลิศพลังอื่นทั้งสิ้น เจ้าแผ่นดินผู้ทรงพระกรุณา ประดุจทรงวราภรณ์สุนทรสวัสดิ์ เรืองจรัสยิ่งมกุฎสุดสง่า พระแสงทรงดำรงซึ่งอาชญา เหนือประชาพสกนิกรฯ
เพราะฉะนั้น รัชกาลที่ 6 ท่านดู แต่เวลาท่านแปลตรง ๆ กราทิโนไปเปิดหีบ มีหีบตะกั่ว มีหีบเงิน หีบทอง หีบทองจารึกว่า All Intelligence is not gold ทรงเขียนว่า “วาวๆ บ่ใช่ เนื้อคำดี ทั่วนา” ใช้โคลง 4 สุภาพ ท่านทรงแปลหมดเรียบร้อย และเรารู้จักเวนิชวานิชทั้งเล่มนะครับ เรียนชั้น ม.5 พระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ครับ รู้จัก ใครจะไปเมืองนอก ไปคุยเรื่องเช็กสเปียร์ ก็ต้องรู้จักเวนิชวานิชถึงจะไปเรื่อง A Midsummer Night’s Dream Othello เป็นอย่างไร Othello ดูหนังผมดูสัก 10 หนได้ บทกลอนพูดโต้ตอบกัน ปรากฏว่าท่านแปลงเลยครับ ชื่อ พระยาราชวังสัน เป็นเรื่องตะวันออกเป็นของประเทศไทยทางนี้ เพราะฉะนั้น เรื่องต่าง ๆ ทั้งหมดถ้าเราย้อนไปดู หนังสือแต่ละเล่ม ไปดูสิครับจารึกอยู่หน้ากระทรวงกลาโหม ใครรานใครรุกด้าวแดนไทย ไทยรบจนสุดใจ ขาดดิ้น เสียเนื้อเลือดหลั่งไหล ยอมสละ สิ้นแล เสียชีพไป่เสียสิ้น ชื่อก้องเกียรตินาม หากสยามยังอยู่ ยั้งยืนยงฯ
เพลงพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 6 “สยามานุสติ”
แต่จริง ๆ มี 4 บทนี้ชื่อ “สยามานุสติ” เริ่มต้นด้วยว่า รักราชจงจิตน้อม ภักดี ท่านนา รักชาติกอบกรณี แน่วไว้ รักศาสนกอบบุญตรี สุจริต ถวินเทอญ รักศักดิ์จงจิตให้โลกซร้องสรรเสริญ บทที่ 2 ยามเดินยืนนั่งล้อม กะมล รำลึกถึงเทศตน อยู่ยั้ง เป็นรัฎฐะ มณฑล ไทยอยู่ สราญฮา คนถนอมแน่นตั้ง อยู่เพี้ยงอวสานฯ บทที่3 ใครรานใครรุกด้าว แดนไทย ไทยรบจนสุดใจ ขาดดิ้น เสียเนื้อเลือดหลั่งไหล ยอมสละ สิ้นแล เสียชีพไป่เสียสิ้น ชื่อก้อง เกียรติงามฯ บทสุดท้าย หากสยามยังอยู่ยั้ง ยืนยง เราก็เหมือนอยู่คง ชีพด้วย หากสยามพินาศลง ไทยอยู่ ได้ฤา เราก็เหมือนมอดม้วย หมดสิ้น สกุลไทยฯ 4 บทครับ แต่ตัดมาใช้ 2 บท ท่านก็รู้จัก 2 บท เด็กก็รู้จัก 2 บท ไปอ่านที่หอวชิราวุธนุสรณ์ จะรู้จัก 4 เห็นลายพระราชหัตถ์ด้วย ทรงเขียนเรื่องนั้นเรื่องนี้ พระองค์ท่านไม่มีวันจบหรอกครับ ไปอ่านดูเถอะครับ ผมก็เก็บเอามาเล่าเพราะผมอ่าน ได้อ่านหนังสือดุสิตสมิตของพระองค์ท่าน หนังสือดุสิตสมิต บ่มิคิดคดีทราม...ชมเราก็แทงคิว ผิวะฉิวก็ซอร์รี่ แม้แม๊ค มิคืนดี ก็จะเชิญ ณ คลองสาน ของพระองค์ท่านทั้งนั้นครับ ราชบริพารเขียนการ์ตูนประกอบ มีทุกอย่างราชสำนัก บทละครต่าง ๆ ไปดูสิครับ 200 บทละคร ทั้งแปลทั้งลำดับขึ้นมาใหม่ บทละครต่าง ๆ ลองไปอ่านสิครับ แล้วจะได้เห็นเลย หนังสือเรื่องพระร่วง บทพระราชนิพนธ์เรื่องพระร่วง เรื่องหัวใจนักรบ ให้คนไทยรู้จักรักชาติ รักศาสนา รักพระมหากษัตริย์ พระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ละครับ
24 มิถุนายน 2475 คณะราษฎรยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครอง
รัชกาลที่ 7 ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ยาวหรอกครับ ทรงขึ้นครองราชย์เมื่อปี 2468 และทรงสละราชสมบัติเมื่อปี 2478 10 ปีเท่านั้นครับ ทรงขึ้นมาโดยไม่ได้เตรียมพระองค์จะเป็นพระมหากษัตริย์ แต่ต้องทรงเป็น ทรงเรียนหนังสือเมืองอังกฤษเหมือนกัน สำเร็จโรงเรียนนายร้อยแซนเฮิร์สต์ รัชกาลที่ 6 ก็ดี รัชกาลที่ 7 ก็ดี ใฝ่พระราชหฤทัยในระบอบประชาธิปไตย ท่านอยู่ประเทศอังกฤษ แม่แบบประชาธิปไตย สองพระองค์นี่ละครับ รัชกาลที่ 6 ท่านเตรียมพร้อม ท่านทำดุสิตธานี ท่านเตรียมไว้ให้รู้จักต่าง ๆ เปลี่ยนไปจาก.. แต่ไม่ทันใจ มีกบฏ ร.ศ.131 กบฏเสร็จ ท่านก็ยกประโยชน์ให้ ท่านปล่อย สุดท้ายพอถึงรัชกาลที่ 7 ปี 2475 คนที่ไปเรียนทุนหลวงทั้งนั้นครับ ไปเรียนหนังสือกัน ไปรับความเจริญของโลกตะวันตก ไปรับความเจริญของประชาธิปไตย เขาก็คงกีดกันพวก ถึงเวลาจะต้องเปลี่ยนแปลง และเขาก็บอกต้องเปลี่ยนแปลง เจ้านายก็บอกให้รอหน่อย บอกว่าการศึกษาสำคัญ การศึกษามากกว่านี้หน่อยจะได้ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ได้ พอถึงเวลาต้องยึดอำนาจปฏิวัติเปลี่ยนแปลง 24 มิถุนายน 2475 เขาก็จัดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ก็ดีครับ ไม่สูญเสียเลือดเนื้อ ฝรั่งเรียกว่า Bloodless Resolution ตัวเลขที่ฝรั่งใช้ 1932 ของเรา 2475 วันที่ 24 มิถุนายน เขาเปลี่ยนแปลงครับ อยู่ในอำนาจคณะปฏิวัติ พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงอยู่ใต้ระบอบรัฐธรรมนูญ ทรงอยู่เหนือการเมือง แต่ว่าทรงอยู่ใต้ระบอบรัฐธรรมนูญของบ้านเมือง บ้านเมืองแบ่งอำนาจเป็น 3 อำนาจอธิปไตย อำนาจนิติบัญญัติโดยสภา บริหารโดยรัฐบาล ตามด้วยตุลาการ เราก็มีประชาธิปไตยของเรา รัชกาลที่ 7 พระราชทานประชาธิปไตยให้บ้านเมืองของเรา ไปดูลายพระหัตถ์ที่ทรงไว้ที่หน้ารัฐสภา ใครอ่านแล้วจะต้องนึกถึง
ถ้าอ่านหนังสือของราชันผู้นิราศ ของนายหนหวย ก็ดี อ่านหนังสือใครต่อใครที่ทรงเขียนถึง แต่คนที่เอ่ยถึงผมเคยเชิญอาจารย์วิษณุ เครืองาม เคยเกี่ยวพันมาเป็นนักการเมืองในภายหลัง ความจริงท่านเป็นนักวิชาการ สอนหนังสือ พูดถึงรัชกาลที่ 7 คนนี้เด็ดดุเดือดนัก เรื่องเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ถ้าเรานึกถึงพระองค์ท่าน จะได้รู้แต่ละพระองค์
รัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ สำเพ็ง
รัชกาลที่ 8 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล สั้นมาก ผมก็เป็นคนที่ผม พอวันสวรรคต ผมอายุ 11 สัมผัสแล้วครับ รู้สึกแล้ว วิ่ง โรงเรียนที่สี่เสา เข้าไปจนกระทั่งถึงหน้าวังหลวง ก็ได้รับความรู้สึก ได้รับรู้ แต่ว่าพระองค์ท่านยังไม่ทรงทำอะไรให้บ้านเมือง แต่ว่าสำหรับผมซึ่งเป็นพสกนิกร ผมบอกได้พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุ 21 พูดภาษาชาวบ้านก็บอกทรงหนุ่มฟ้อเลย แล้วคนไทยตั้งแต่สงคราม คือพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ประทับต่างประเทศ เสด็จฯ แวะมาแล้วก็กลับ ตลอดเวลาเพลงสรรเสริญพระบารมีมีครึ่งท่อน คนไทยอยู่มาคู่กับสงคราม ตั้งแต่ปี 2484 มาหมดปี 2488 เสด็จพระราชดำเนินกลับ ตรงนั้นละครับยังไม่ทรงทำอะไร แต่ทรงทำให้คนไทยทั้งบ้านทั้งเมืองต้องเรียกว่า หัวใจชุ่มฉ่ำ มีพระเจ้าแผ่นดินกลับมาบ้านเมืองแล้ว พระเจ้าแผ่นดินได้กลับมาอยู่บ้านเมือง ที่ทรงทำคือว่าเวลานั้น จีนก็บอกว่าจีนชนะสงคราม จีนก็อวดศักดากับคนไทย มีการเลี้ยงพระอะไรกันใหญ่ แล้วจะทำอย่างไร ทูตจีนชื่อนายหลี เซียะ เจิง มาถึงอวดศักดากันจะทำอย่างไร เขาก็แก้ปัญหา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระอนุชา เป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน สองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินสำเพ็ง คนจีนคนไทยเลี้ยงพระกันตรงนั้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินสำเพ็ง ผมก็ได้เห็นครับ ตั้งโต๊ะบูชาเครื่องกังไส ใครมีอะไรออกมาหมด ตั้งแต่ไม่ใช่หัวเม็ดเสด็จพระราชดำเนินเข้าตั้งแต่พาหุรัด ยาวเหยียดตลอดถนน ภาพอย่างนี้ไม่มีอีกแล้วครับ สมัยนี้เรื่องความปลอดภัย เขาคงไม่ยอมให้จัด สมัยนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินผ่านกลางสำเพ็ง กราบกันอยู่สองฟาก ผมจำได้ ร้านชื่อหลีฮง นามสกุลท่านอาจารย์สุกิจ นิมมานเหมินท์ อยู่ทางราชวงศ์เลยเข้าไปหน่อย ทั้งถนน นั่นแหละครับบารมีพระองค์ท่าน บารมีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินแท้ ๆ เลยครับ จบเรียบร้อยหมด เลี้ยงพระหมด จัดการมาเป็นญาติดีกันอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้ ทุกวันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8 ทรงสั้นมาก แต่ทรงนำความชุ่มชื่นมาสู่หัวใจคนไทย พระมหากษัตริย์ที่ประทับอยู่สวิสเซอร์แลนด์ และกลับมาอยู่กับคนไทย ดูแลเป็นความชื่นชม ใคร ๆ ก็มีภาพพระองค์ท่านอยู่ทุกวันนี้ แต่พระพักตร์เศร้า นั่นละครับรัชกาลที่ 8
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ เยี่ยมเยียมราษฎร
รัชกาลปัจจุบัน ผมแทบจะไม่ต้องบรรยาย เพราะท่านทั้งหลายก็เกิดกันร่วมยุคร่วมสมัย 62 ปีที่ทรงครองราชย์ พระชนมายุท่าน ถ้าบวกด้วย 17 เข้าไปด้วย ก็ 81 เข้าปีนี้ เสด็จพระราชดำเนินขึ้นครองราชย์ ยังทรงพระเยาว์ต้องถือว่าอย่างนั้นครับ แต่ว่าทรงมีสายพระเนตรไกลขนาดไหน ที่ทรงเลือกลงไปคลุกคลีกับประชาชน ลงไปหาประชาชน ต้องพูดชัดเจนเลย ประชาชนแท้ ๆ เลยครับ ท่านรู้ล่วงหน้าหรือครับ ท่านไม่รู้หรอกครับ แต่พระองค์ท่านลงไปอยู่กับประชาชน เพราะฉะนั้น เมื่อมีการแย่งชิงประชาชนกัน คนพวกหนึ่งลัทธินิยมมาเขาจะเอาประชาชน พระองค์ท่านก็ลงไปใกล้ชิดประชาชน และในที่สุดก็ทรงชนะใจประชาชน ทรงผูกใจประชาชน ที่ทรงชอบ งานที่ทรงชอบโดยเฉพาะแผนที่ระดับที่สูงที่ต่ำ แปลว่าน้ำคือชีวิต ถ้าประชาชนบ้านเมืองมีน้ำ เรียบร้อยทั้งหมด ลองคิดดูสิครับว่า ที่เขาถวายพระนามไว้เป็นเขื่อนต่าง ๆ นั้น ลองดูสิครับ เมื่อปี 2485 น้ำท่วมประเทศไทย น้ำท่วมกรุงเทพฯ อยู่เดือนหนึ่ง มันมโหฬารขนาดไหน แต่เรามีเขื่อนภูมิพล 13,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ป้องกันน้ำและทำให้มีน้ำตลอดทั้งปี ใส่เขื่อนไว้ ทำให้น้ำแม่เจ้าพระยามีน้ำได้ตลอดทั้งปี ถ้าไม่อย่างนั้นบางจังหวัดเดินข้ามฟากกันได้ เดี๋ยวนี้มีน้ำตลอดทั้งปี เพราะระบบเขื่อน เขื่อนสิริกิติ์ 9,750 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ นั่นก็ทำให้เราได้น้ำอีกข้างหนึ่ง เขื่อนกิ่วลมมันเล็ก เริ่มต้นด้วย 1 ล้าน อันนี้มี 12 ล้าน ยังอยู่แม่น้ำยมยังไม่มีเขื่อน แต่ว่าเขื่อนอื่น ๆ นั้น ระบบที่เราเก็บน้ำเอาไว้ใช้ได้เขื่อนอุบลรัตน์ก็ดี เขื่อนสิริธรก็ดี เขื่อนจุฬาภรณ์ก็ดี ลงไปข้างล่างก็เขื่อนวชิราลงกรณ์ เขื่อนสมเด็จย่า เขื่อนศรีนครินทร์ ทั้งหมดนี้ครับ เจ้านายของเราโปรดที่จะหาน้ำให้ราษฎร
งานโครงการต่าง ๆ ที่โครงการพระราชดำรินั้น เหมือนกับทรงสร้างโรงเรียนให้คนได้ไปศึกษา ไม่ต้องเข้ามาหมด ไม่ใช่เป็นการยืนสอนเรียงแถว เสด็จพระราชดำเนินด้วยพระองค์เอง เพราะฉะนั้น ศูนย์อย่างที่ห้วยฮ่องไคร้ แห้งแล้งไม่มีอะไร แต่ทำให้กลายเป็นศูนย์ที่ใครต่อใครไปดูได้ชุ่มฉ่ำ เพียงแต่เก็บกักน้ำเอาไว้ แล้วแผ่น้ำที่เก็บกักให้ชุ่มฉ่ำไป เชียงใหม่ก็ไปดอยสะเก็ด ไปดูที่พิกุลทองทางใต้ ทำอย่างไรจัดการอย่างไร มีพรุมีอะไรทำอย่างไร แหวกน้ำเอาลงไป ที่ไม่มีประโยชน์ อย่างโรงฟางวิปัสโน มะพร้าวต้นเดียว ที่ 30,000 ไร่ ทรงทำอย่างไรครับ ที่ดินเป็นพรุ น้ำท่วมปีละ 10 เดือน อย่างนี้ไหวไหมครับ น้ำท่วมปีละ 10 เดือน แห้ง 2 เดือน แต่สุดท้ายก็ทำเป็นโครงการราษฎรลงไปอยู่ได้ หมู่บ้านละ 200 ครอบครัว ทั้งหมด 600 ครอบครัว สามารถเอาแผ่นดินกลับมาคืนได้ตามระบบต่าง ๆ ผมตามเสด็จฯ โครงการนี้ เพราะฉะนั้น ที่เชียงใหม่ ที่สันกำแพง เราได้แลเห็นว่าทรงคิดทรงทำอะไรต่าง ๆ ความใกล้ชิดของประชาชนต้องตามเสด็จฯ ถึงจะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้าใครดูภาพไกล ๆ ผมเคยตามเสด็จฯ ไปสันกำแพง วันนี้เสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอุ้ม.. ข้ามถนน มีราษฎร 2 คนใส่ นุ่งผ้าขาวม้า มีเสื้อใส่คลุมอยู่หน่อย ทรงเอาแผนที่มาชี้ ราษฎรก็ดู ทรงชี้ เราก็ดูไกล ๆ รับสั่งกับราษฎรอย่างไรก็ไม่ได้ยิน ทรงชี้ไปทรงอุ้ม.. รุ่งขึ้นมีหมายเสด็จฯ เข้าไป ห้าโมงครึ่งเย็นพระอาทิตย์เริ่มลับขอบแล้ว ขบวนก็ยาวเหยียด จอด ๆ ๆ ตรงนี้ และทุกคนอยู่กับรถเฉย ๆ หมด รถพระที่นั่งทรงเองด้วย เลี้ยวขวาเข้าไปในซอยตรงนี้ หายวับเข้าไป มีทหารนั่งไป 2 คน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขับรถ และหายไป นั่งรถแดดก็พลบลงไปพลบลงไป ประเดี๋ยวเสียงเครื่องยนต์ก็มา ถ้าใครได้เห็น ภาพนี้ไม่มีคนถ่าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขับรถจี๊ป มีราษฎร 2 คน ที่คุยกันเมื่อวาน นั่นละครับนุ่งผ้าขาวม้าคนละตัว เสื้อก็ไม่ใส่ นั่งข้างหน้า 2 คน ทหารอยู่ข้างหลัง 2 คน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขับรถยนต์ ปรากฏว่าทรงนัดหมาย ทรงหาต้นน้ำไม่เจอว่าดู water shade ตรงนี้หาไม่เจอ แต่ราษฎรพาท่านไปหาต้นน้ำว่าอยู่ตรงนี้ กลับมาก็ทรงเล่าให้ฟัง
มีที่ไหนครับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ราษฎรไม่ใส่เสื้อ แล้วนั่งรถจี๊ปอยู่ข้างหน้า ทรงขับรถ อย่างนี้มีมากมายก่ายกอง ไม่มีรูปมาอวดให้ใครดูหรอกครับ ต้องตามเสด็จฯ ถึงจะได้เห็น เพราะฉะนั้น โครงการต่าง ๆ ที่ได้ทรงทำนั้น เรื่องต่าง ๆ นั้นทรงทำมากมาย ใครอยากอยู่ภาคกลางไปดูเขาหินซ้อน ภาคใต้ไปดูที่พิกุลทอง ภาคเหนือไปดูที่ห้วยฮ่องไคร้ ภาคอีสานไปดูที่สกลนคร ทั้งหมดนี้คือโรงเรียน ที่ทรงสอน ทรงแนะนำ และงานนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทำ ทรงทำงานตลอดทั้งหมด
ทรงส่งเสริมงานศิลปาชีพ
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็ทรงเป็นในพระราชวงศ์จักรีเหมือนกัน เป็นฝ่าย พูดธรรมดาก็ทรงเป็นฝ่ายหญิง ทรงไปดูเลยครับ ราษฎรอยู่ว่าง ๆ มีฝีมือในการทำ ไปเห็นผ้าเขานุ่งเขาถักเขาทำ แต่ทรงเห็นว่าเขานุ่งผ้าพรรค์อย่างนั้น เขาก็มัดหมี่ ทรงสนพระราชหฤทัยว่าเขาทำกันอย่างไร จนกระทั่งผ้ามัดหมี่นั้นขึ้นไปอยู่บนแฟชั่นโชว์ของชาวโลกมาดู ศิลปวัฒนธรรมทั้งหลายขึ้นไปอยู่บนโต๊ะ ไปอยู่ที่งานเลี้ยงประธานาธิบดีในต่างประเทศ เป็นไปนกยูงสีทอง เป็นอะไรต่าง ๆ ฝีมือจากชาวบ้านทั้งนั้นเลย นั่นละครับที่เรียกว่า งานที่เกี่ยวกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานไปให้ คือ งานที่ทรงทำนั้น ให้ราษฎรให้งานทำ มีศิลปะ แล้วก็มาทำเป็นศิลปาชีพพิเศษ
เสร็จแล้วก็ทรงห่วงใยบ้านเมือง เรื่องป่า เรื่องน้ำ ราชวงศ์จักรีทางฝ่ายหญิงที่จะได้พูดถึงวันนี้ ก็คือว่า สารคดีที่จะคุยวันนี้ เรื่องข้าวที่กำลังโวยวาย เอิกเกริก บางครั้งถ้าไม่เล่าให้ฟังก็คงจะไม่มีใครรู้ ถูกต้องครับ บ้านเราเก่งในการปลูกข้าว เรามีฝีมือในการปลูกข้าว สถาบันข้าวก็มีแต่ก่อนอยู่ฟิลิปปินส์ เราก็มีสถาบันข้าว มีพันธุ์ข้าว IRRI เหมือนกัน แต่ว่าเรามีกรมวิชาการเกษตร แต่ว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเกล้าฯ ว่า ควรจะมีโครงการข้าว ดูเรื่องข้าวโดยเฉพาะ สนพระราชหฤทัยเรื่องนี้ครับ ถ้าใครไปคุยกับกรมการข้าว จะรู้ว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเกล้าฯ ว่าให้เอาใจใส่เรื่องข้าว ให้เอาพันธุ์ข้าวมาดู เพราะทรงรู้ว่าข้าวถ้าปล่อยธรรมดา มีการปลูกทิ้งไว้ พวกเพลี้ย แมลง มารบกวนได้ แต่ต้องพัฒนาตลอด ทรงสนพระราชหฤทัยเรื่องนี้ ทำไมเมืองไทยมีข้าว ต่างชาติไม่มีข้าว เพราะโดนพายุพัด อะไรต่ออะไร ก็ผลิตไม่ได้ แต่ว่าเวลาที่เพลี้ยลง เกิดความเสียหาย ความเสียหายอย่างนี้ประเทศไทยเรามีน้อยมาก เพราะการพัฒนาเรื่องพันธุ์ข้าวไม่หยุด ล่าสุดเรื่องเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ที่มีข่าวเพราะไปปลูกทิ้งไว้ไม่เอาใจใส่ เอาข้าวพันธุ์เก่าปลูกซ้ำๆ ก็เกิดตัวนั้น จำนวนนิดหน่อย แต่จริงๆ แล้วถ้าไปดูรายงานของกรมการข้าว ปีกลายนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระชนมายุ 80 พรรษา มีข้าว 5 พันธุ์อย่างน้อยๆ ที่สุด เป็นความสามารถ เป็นสายพระเนตรที่ยาวไกล
มีพระราชเสาวนีย์ให้จัดตั้งกรมการข้าว
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชเสาวนีย์ให้จัดตั้งกรมการข้าวขึ้นมาใหม่ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดูแลด้านการวิจัย พัฒนาพันธุ์ข้าว การผลิตข้าว ให้ข้าวต้านทานโรค แมลง ตลอดจนสวัสดิการชาวนาไทย เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศเพื่อนบ้านเราประสบปัญหาเรื่องโรคระบาดของเพลี้ย เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพราะว่าปลูกข้าวสายพันธุ์ไม่ไวกว่าช่วงแสง สายพันธุ์เดียว จาก IRRI เมื่อประสบปัญหาโรคระบาดรุนแรงก็จะเกิดการทำลายล้างกันอย่างกว้างขวาง กรมการข้าวมีหน้าที่ ค้นคว้าวิจัยสายพันธุ์ตามพระราชเสาวนีย์ สามารถต้านทานโรค แมลงได้ ปีที่ผ่านมาได้พัฒนาสายพันธุ์ข้าวฉลองครบ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งนี้ ข้าวชัยนาท 80 ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ปทุมธานี 80 ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล หอมอุบล 80 ต้านทานโรคใบไหม้ รังสิต 80 ทนดินเปรี้ยว ต้านทานเพลี้ยกระโดยสีน้ำตาล และโรคขอบใบไหม้ พิษณุโลก 80 ข้าวไวแสง เป็น ข้าวนาปี ปลูกได้ดีในพื้นที่น้ำท่วม ให้ผลผลิตสูง เห็นไหมครับว่า เจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดินของเรานั้น ทรงเอาใจใส่ เพราะฉะนั้น เราคุยได้ว่า เกิดวิกฤติการณ์ เขาเกิดความเสียหายเวลาที่เข้าหลัก Supply Demand แล้วทำไมของเราไม่เสียหาย เพราะของเรานั้นได้มีการป้องกัน เรื่องอย่างนี้จะเรียกกันว่า ทรงปิดทองหลังพระ ก็ได้ ไม่ใครเอามาพูดถึงหรอกครับ แต่ว่าผมจะเอามาถวายพระเกียรติยศวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์
ขณะนี้ข้าวในตลาดโลกราคาแพง
เรื่องข้าวที่จะเล่าคุยต่อไปนี้นั้น มันเข้าระบบ คือ ยังผลิตได้ และไม่ถูกเพลี้ยทำลาย รู้ว่าจะต้องใช้ข้าวพันธุ์ไหน ปลูกข้าวที่ไหน อย่างไร ข้าวของเรา อธิบายให้ฟังง่ายๆ เพื่อไม่ให้ตื่นตกใจกันอีกต่อไป ก็คือว่า ข้าวเราผลิตเป็นข้าวเปลือกปีหนึ่ง 30 ล้านตัน โดยประมาณ 30 ล้านตัน นี้ เมื่อสีเป็นข้าวสารแล้วก็ประมาณ 20 ล้านตัน 20 ล้านต้น กิน 9 ล้านตัน ขาย 9 ล้านตัน เหลือ 2 ล้านตัน เก็บเป็นตัวสำรอง เพราะฉะนั้น ที่เขาพูดกันว่า เวลานี้รัฐบาลผมเข้ามา เกิดวิกฤติการณ์ข้าวแพง ก็มีข้าวอยู่ 2.2 ล้านตัน เก็บเอาไว้ ราคายังไม่แพง ตอนเก็บเกวียนละ 6,000-7,000 เท่านั้นเอง ถ้าสีออกมาแล้ว พูดกันง่ายๆ ว่า ต้นทุนกระสอบหนึ่งก็ราวๆ 1,100 บาท กระสอบละ 1,100 บาท 1 กิโลกรัม ก็ 11 บาท ข้าวถุงหนึ่ง 5 กิโลกรัม ก็ 55 บาท ตักตวงใส่ถุงใส่ถัง เขาขาย 70 บาท ทีนี้ถ้าจะทำอย่างนั้น ก็ทำลายสต็อก อย่าลืมนะครับเขาจะเก็บไว้ตรงนั้นทั้งหมด แล้วให้มันเก่าอยู่อย่างนั้น มันไม่ใช่เหล็ก ไม่ใช่ทองเหลือง ถึงต้องเก็บไว้ คำว่าเก็บไว้ 2.2 ล้านตัน แปลว่า เขาจะให้ข้าวใหม่ที่ออกมา คนเอาข้าวใหม่มาเขาก็เข้าระบบ ก็ไปจำนำรัฐบาล เขาก็ทำสต็อกไว้ โรงสีก็สี สีแล้วก็ให้รัฐบาล ก็รับเงินไป สีเพื่อเข้าไปเก็บ ที่เห็นเป็นคลังสูงๆ นั่นแหละคือที่เขาสต็อกเก็บข้าวไว้ และเขาต้องเอาออกไปขาย สต็อก 2.2 แปลว่า เขาเอาเข้าเอาออกเท่ากัน ข้าวต้องเปลี่ยนแปลง ปี สองปี ก็เก่าแล้ว ยางก็ไม่มีแล้ว เขาขายหมด แต่เขาถือว่าสต็อก 2.2 มี แล้วของจริงก็มีอยู่ ถ้าไปเอาของที่มีอยู่มาใส่ถุงราคาถูก ขายเอาหน้า ระบบของมันก็คือว่า ข้าวต่างชาติเขาขาดแคลน เขาต้องการซื้อมาก พูดง่ายๆ เราจะต้องขายมากกว่า 9 ล้านตัน เอาอีก 2 ล้านตัน ไปขายก็ได้เงินเยอะ ขายราษฎรเอาถูก เราไม่เลือกใช้วิธีนั้น ข้าวมีวงจรของมันออก ทุก ๆ 4 เดือน ข้าวนาปรังมีจังหวะการออกมา เมื่อออกมาแล้ว เขาก็ขายกินธรรมดา ข้าวพันธุ์ดีก็ขายไป จะเข้าไปที่เก็บ จะรับจำนำ แต่ละโรงสีเขาก็สี สีเสร็จแล้วก็เอามาเข้าส่วนกลาง คือ ตัวเลข 2.2 ที่ว่ามีอยู่ วงจรของมันคือเวลานี้ข้าวตลาดโลกแพง ถ้าเราเอาของถูกมาขายเอาหน้า ชาวนาได้อะไรครับ ไม่ได้หรอกครับ เพราะของเก่าอยู่ในสต็อก แต่ว่าของเก่าจะต้องให้ขายออกไปต่างประเทศธรรมดา และของใหม่ชาวนาจะได้ลืมตาอ้าปากบ้าง เพราะราคามันแพง ข้าวปัจจุบันก็จะแพงขึ้น แพงขึ้นพอสมควรแก่เหตุ และต่อไปก็จะไม่แพง เพราะเราผลิตของเราได้ตลอด และเราก็ไม่ได้ขายออกไปจนหมด
ข้าวในประเทศเพียงพอต่อการบริโภค
ที่พูดให้ฟังวันนี้ ฟังแล้วความตื่นเต้น ทำข่าวเอิกเกริกกันนี้ เข้าไปใน Supermarket ที่ไหนๆ ก็ตั้งข้าวทุกยี่ห้อแข่งขันกันใส่ถุง ใส่ถัง วางกันเป็นตับ สูงท่วมหัว เขาเคยซื้อถุง 2 ถุง ซื้อ 5 กิโลกรัม เอากิน หมดแล้วซื้อใหม่ ดันซื้อทีหนึ่ง 10 ถุง เคยซื้อ 1 ซื้อ 5 เคยซื้อ 5 ซื้อ 2 ซื้อ 10 แม่ค้าขายข้าวแกง ด้วยความกลัว ซื้อข้าวทีละกระสอบไปตั้งไว้แล้วก็ขายข้าวแกง ซื้อข้าว 20 กระสอบไว้ในบ้าน คือขายข้าวแกงต้องการราคาถูก แล้วอย่างไร มันก็หมด คนเคยซื้อ 1 ก็ซื้อ 5 คนเคยซื้อ 2 ไปซื้อ 10 มีเท่าไรก็หมด แต่เขาก็ส่งเข้าไปได้ เพียงแค่ว่าทยอยส่ง ปกติมันต่ำไป เขาทยอยส่งมา อันนี้หมดไปเขาก็ส่งกันมาได้ เขาผลิตได้ เขาส่งได้ เพราะของมีขายอยู่ กำลังนี้ 2-3 วันนี้ มีข้าวเต็มหมดทุกบ้าน แล้วเป็นประโยชน์ เขาเก็บเอาไว้สิครับ ถูกดี ซื้อไว้กลัวจะแพง ไม่แพงขึ้นไปกว่านี้หรอกครับ แล้วแพงขึ้นไปเท่าไร พูดกันชัดๆ เลยแล้วกัน ข้าวเคย 1,200 - 1,300 บาท แล้วขึ้นไป 2,500 บาท ขึ้นไปเท่าตัว แต่โดยเฉลี่ย ข้าว 1 ถัง 15 กิโลกรัม แพงขึ้นไปประมาณ 45- 50 บาท ก็แปลว่าข้าว 1 ถุง แพงอยู่ 15 บาท เคยขาย 105 บาท ก็ขาย 120 บาท ถ้าให้เข้าตามระบบ ชาวนาที่ปลูกข้าวก็จะได้ราคาดีบ้าง ถ้าไปงัดเอาของเก่าออกมาใส่ถุงข้าว แล้วเอาหน้า ผมขาย 70 — 80 บาท อย่างนี้ละก็ รัฐบาลได้หน้า แต่ราษฎร คนปลูกข้าวไม่ได้เงินเลย ก็เลือกเอาไว้ว่าให้หมุนเวียน ปล่อยธรรมชาติ แปลว่าข้าวมันแพง ให้แพงไปหน่อย เก็บของใหม่ราคาชาวนาจะได้แพงตามไปด้วย วงจรมันเป็นอย่างนี้
ที่ผมพูดอย่างนี้ แปลว่า ไม่มีวันหมด และเขาไม่ปล่อยให้ส่งออกไปจนหมด คนไทยไม่มีข้าวจะกิน ความตื่นเต้น เสนอข่าวกันเอิกเกริก จะเป็นจะตาย เรื่องอะไรกัน บ้านผม ไม่ละครับ ผมซื้อข้าวทีหนึ่ง เดี๋ยวนี้เขาขาย 50 กิโลกรัม ก็มี 4 เจ้าเท่านั้น ผมก็ซื้อทั้งนั้น ผมซื้อ 49 กิโลกรัม แล้วผมก็กินจนหมด นี่ผมก็ไม่ซื้อ ไม่ตุนเลย เพื่อให้รู้ว่าไม่ต้องตุน ไม่ต้องซื้อ เพราะราคาแพงขึ้นนิดหนึ่ง แต่มีขายเพราะเป็นของคู่บ้านคู่เมือง พันธุ์ข้าวก็เหมือนกันจะลักขโมยอะไรกัน ตำรวจตามจับแล้วกัน เขาประชุมกัน เขารายงานว่า พันธุ์ข้าวต่างๆ นั้น ผลิตออกมาทันพอที่ราษฎรจะไปปลูก ไม่มีหรอกครับที่จะไม่มีพันธุ์ข้าวปลูก ไม่มีเลย ราชการงานเมืองเรื่องนี้เขาทำของเขาเรียบร้อย เขาผลิตของเขาเลย ตรงนั้น 5,000 ตัน ตรงนี้ 6,000 ตัน สำหรับเป็นพันธุ์ข้าวปลูก อย่าลืมว่าเราผลิตข้าวปีละ 30 ล้านตัน ข้าวเปลือก สีออกแล้วได้ 20 ล้านตัน ขายไปต่างประเทศ 9 ล้านตัน เรากิน 9 ล้านตัน เหลือ 2 ล้านตัน ก็คือเก็บสต็อกไว้อย่างที่มี พอเกิดเหตุไปตรวจพบเหลือ 2.2 ล้านตัน ข้าวก็เป็นข้าวสีไว้แล้ว แต่ต้องเอาออกมาขาย แล้วอันใหม่ก็เก็บเข้าไปก็เป็นวงจร ระบบของเราดี และเวลานี้เพลี้ยกระโดดไม่ได้ทำลายทั้งบ้านทั้งเมือง นำของเก่าไปปลูกย่ำๆ ก็โดนกันเป็นแถบ แต่ว่าชาติบ้านเมืองนั้น เจ้านายของเราทรงเอาใจใส่ มีพระราชหฤทัยที่เป็นห่วงราษฎร ผมก็มาอ่านให้ฟังตรงนี้ เขาประชุมกันเมื่อวานนี้ ทั้งหมดนั้นท่านกรุณา ท่านไปซื้อไปเก็บไว้ให้เต็มบ้านท่าน ถึงจะรกก็มาตั้งเต็ม บ้านท่านรถไม่มีที่ ซึ่งจริง ๆ แล้วเขาก็ยังมีมาขาย แพงนิดหนึ่งก็ไม่มีปัญหา พอจ่ายได้ ไม่ได้ส่งเสริมอะไร แต่ระบบให้เข้าวงจรอย่างนี้ ชาวไร่ ชาวนาจะได้ราคาแพงขึ้นบ้าง
อธิบายข้อเท็จจริงต่าง ๆ ของบ้านเมืองให้ฟัง
ผมขอเรียนว่า เรื่องงานของนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่จะต้องทำอย่างที่ผมพูดวันนี้ ตื่นเต้น เอิกเกริกไป นายกรัฐมนตรีจะต้องรู้ข้อเท็จจริง และอธิบายให้ประชาชนฟัง แล้วต้องรับผิดชอบในสิ่งที่พูด ต้องอธิบายความให้ฟังได้ ตลอดเวลาที่ใครต่อใครอยากให้นายกรัฐมนตรี คุยแต่เรื่องงาน ไม่ต้องไปห่วงใยคนอื่น ผมถึงได้ขึ้นต้นบอกว่าถ้ารายการนี้จะเอาแบบนั้น มาถึงก็บอกบัดนี้กระทรวงนี้ทำอย่างนี้ อย่างนั้นก็ต้องเปลี่ยนชื่อเป็นรายงานการปฏิบัติงานของนายกรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ ทำอย่างนั้นละครับ แล้วใครที่ไหนจะมาดู ผมไม่ได้ต้องการจะให้คนมาติดตามดู ไม่ใช่ แต่ว่าบ้านเมืองมีปัญหาต่างๆ ถ้ามานั่งฟังกันอยู่ 1 ชั่วโมง ก็จะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร อย่างไร แค่ไหน อย่างน้อยที่สุดวันนี้ ผู้คนในบ้านเมืองเราจะรู้ว่า วันมหาจักรีบรมราชวงศ์ เป็นเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งอยู่คู่บ้านคู่เมืองนี้ และก็เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์นี่ละครับ ที่ทำให้คนไทยมีใจรวมอยู่ที่ศูนย์เดียวกัน เพราะเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งทรงมีพระคุณอันประเสริฐ ฉะนั้นในยามที่เป็นวาระซึ่งครบ 226 ปี เราก็ต้องนำมาเอ่ยถึงตามจังหวะ และนี่ละครับเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีว่ามีจังหวะสำคัญ
เมื่อคราวที่แล้วผมก็เล่าเรื่องงานของภูฟ้า โครงการของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วันข้างหน้าพระราชวงศ์ผ่านตรงไหนมา ผมก็ต้องหยิบมาพูดคุย ต้องการให้เราเห็นว่า บ้านเมืองของเรามีสิ่งที่คนอื่น ชาติอื่นเขาไม่มี แน่นอนครับใน 192 ประเทศในโลก ในสหประชาชาตินั้น หรือ 25 บัดนี้ก็เหลือ 24 ด้วยซ้ำไป ฉะนั้น เรื่องพรรค์อย่างนี้ เพราะเรามี มีแต่ว่าไม่มาก คิดเป็นเศษส่วนอย่างน้อย 192 นั้น จำนวนไม่มาก แต่ของเราแข็งแรง ของเรามีความผูกพัน ประเทศอื่นก็มี แต่ราษฎรเขากับสถาบันเขาอาจจะไม่ผูกพันกันแน่นหนา เขามีก็เรื่องของเขา เขาทำอย่างนั้น แต่ของเรามีก็ควรจะเป็นเรื่องของเรา เพราะฉะนั้น เมื่อเราเป็นอย่างนี้แล้ว เราก็จะต้องได้นึกถึงสถาบันที่ทำให้บ้านเมืองเราอยู่มั่นคงมาจนถึงบัดนี้ได้ เวลาตามสมควร
ชี้แจงกรณีโหรอ้างชื่อนายกฯ ไปพัวพันกับทหาร
ฉะนั้น ในเวลาที่มีเรื่องโน้นเรื่องนี้อะไรต่าง ๆ เราก็จับแยกออกจากกันได้ เช่น ข่าวเอิกเกริกในหน้าหนังสือพิมพ์ วันนี้วันนั้น ก็ว่าไปเถอะ ปัญหาก็คือ อย่างวันนี้ สมัครออกรายการต้องนั่น ไม่ละครับ คนอื่นพูดเยอะแล้ว คนที่เขามาแถลงอะไรต่างๆ ควรจะต้องมีความคิด มีความคิด เอาชื่อคนไปเกี่ยวพัน พัวพัน เอาชื่อนายกรัฐมนตรีไปพัวพันกับทหาร ว่าจะทำการปฏิวัติตัวเอง ทำคนโน้นคนนี้ ทำนายคนนั้นจะเป็นนายกรัฐมนตรี คนนี้ ผมว่าคนเป็นหมอดูควรจะคิดบ้างนะครับ ว่าที่พูดไปนั้นรุกล้ำกล้ำเกินไปบ้างหรือเปล่า ไปเที่ยวกล่าวอย่างโน้นอย่างนี้อย่างนั้น ผมว่าผมเสียหายนะ นี่ทำลายกันมานะเนี่ย ผมเสียหายแต่ผมจะยกประโยชน์ให้ก่อน นั่งคิดดูตัวเองซะก่อนหน่อยว่าที่พูดมานะเป็นอย่างไร ต้องการอะไร เป้าหมายเป็นอะไร หน้าที่หมอดูเขาต้องทำกันอย่างนี้หรือ แล้วหมอดูคนอื่นทำไมเขาหุบปากอยู่เฉยๆ ทำไมหมอดูคนนี้ต้องมาเคลื่อนไหว ทำไมถึงต้องกำหนด ต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมต้องออกข่าวทำพิธีต่อชะตาอย่างโน้นอย่างนี้ เป็นอย่างไร คนบอกว่าไม่ไปแล้ว มีคนไม่ไป ชวนคนโน้นคนนี้ไปทำพิธี วันพรุ่งนี้ วันที่ 7 เมษายน เขาจะทำพิธี เขาบอกด้วยแล้วถ้าใครไม่ไปก็ระวังไว้ด้วย หมอดูประหลาดไหม หมอดูรายนี้ประหลาดจริงๆ นะครับ ทีแรกก็บอกฟันธงไปโน้นเลย หมอฟันธง ไม่ใช่หมอลักษณ์นะ ยืนยันคนนี้เลย คนนี้แหละครับ นายคนนี้แหละครับ บอกเลย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกรัฐมนตรี แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ นายสมัคร ไม่มีทางเลย แล้วเป็นอย่างไร วันนี้ หมอพวกนี้มาพูดจาวันนี้เป็นอย่างไร ตกลงเป็นอย่างไรที่ทายไว้ แล้วมาทายใหม่ต้องการอะไรไม่เข้าท่า หนังสือพิมพ์ก็ประโคมกันเอิกเกริกเหลือเกิน เก่งกาจเหลือเกินคนนี้ แล้วทำไมทายไม่ถูกละครับ ออกข่าวเรื่องสำคัญต่างๆ เลย ทำไมทายไม่ถูกละ แล้วคราวนี้จะทำอย่างไร แล้วเขาต้องการอะไรที่ต้องมาแถลงอย่างนี้ ทำไมเอาคนอื่นไปพัวพัน เอา ผบ.ทบ. (พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก) เขาไปพัวพัน เอาชื่อผมไปพัวพัน ผบ.ทบ. ไปบอกเขาว่าเขาจะเป็นนายกรัฐมนตรีวันข้างหน้า พูดเอิกเกริกขนาดนี้ต้องการอะไร ต้องการอะไรกันครับ ต้องการให้บ้านเมืองเป็นอย่างไร
สื่อสารมวลชนทั้งหลายก็ประโคมกันเอิกเกริก ยกย่องสรรเสริญกัน ก็ทายผิดชัดๆ ยังยกย่องสรรเสริญกันอีกได้อย่างไร หมอคนนี้แหละครับที่ทายเอิกเกริกอยู่ ทายผิดชัดๆ เลย หมอไม่อายด้วย นี่มาทำอีกแล้ว แต่เอาชื่อผมไปเกี่ยวข้องไปพัวพัน หาว่าผมไปคบกับทหาร เตรียมทำการปฏิวัติ ได้อย่างไรครับ คนอย่างผมไปทำปฏิวัติได้อย่างไรครับ หมอจะเป็นโหรคณะปฏิวัติก็เป็นไปเถอะ แต่ว่าทำมาพูดจาพัวพัน ไม่ได้นะครับ ทำหน้าตาซื่อ ๆ เสี้ยวๆ ให้สัมภาษณ์อย่างโน้นอย่างนี้ มันทำไมล่ะ คิดอะไรขึ้นมา หรือใครเขาวานให้ทำอะไรอย่างไร หรือรับจ้างใครเขาทำกันมา เก่งขนาดไหนละครับ แล้วเก่งแล้วทำไมทายผิด ผมถามอย่างนี้แหละ เอาชื่อผมไปพัวพันกับ ผบ.ทบ. เขา มันเรื่องอะไรกันครับ มันต้องการทำอะไร ต้องการให้เกิดความเสียหายอย่างไร ผมไปทำอะไรให้ ตอนนั้นบอกผมไม่ได้เป็น อภิสิทธิ์ (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร) เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วตอนนี้ทำไม ไหนลองตอบสิว่าคราวที่แล้วทำไมทายอย่างนั้น เพราะอะไร อายไหม อย่างนี้อายไหม ลงข่าวกันเอิกเกริกใหญ่ มีการเชิญชวนให้ไปทำพิธี แล้วบอกเลย ผบ.ทบ. ถ้าไม่ไปแล้วก็ระวังใช่ไหมครับ ไหนบอกว่าเขาไม่ทำพิธีแล้วทำไมบอกว่าเขาจะเป็นนายกรัฐมนตรีวันข้างหน้า ท่านทายอะไรกันอย่างไรกันแน่ ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่ถ้าไม่พูดเลยมันจะไม่สมกับรายการพูดจาประสาสมัคร พูดจาประสาสมัครต้องพูดอย่างนี้ ต้องแสดงความคิดเห็นอย่างนี้ ต้องเอากันให้ชัดเจนครับ ยังไม่ถึงว่า 5 เสื่อมนั่นนะครับ 5 เสื่อมนี้ก็ไม่ค่อยรู้ตัวเองนะครับ ว่าตัวเองเสื่อมกันขนาดไหน นั่นก็เสื่อมนี่ก็เสื่อม นั่งว่าคนโน้นว่าคนนี้ เจ้าคนนี้ที่บ้านไม่มีกระจก ไม่ได้ดูตัวเอง ดูสิว่าหน้าตามันเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ไม่ได้เป็นการช่วยบ้านเมืองอะไรเท่าไรหรอกครับ อวดศักดามาแสดงเท่านั้นเอง
ผมว่าเวลาวันนี้ถวายเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินหมดแล้ว ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ อยากจะบอกท่านผู้ชมว่า อย่าวิตกทุกข์ร้อน อย่าคิดว่าผมจะต้องไปเที่ยวอาละวาดฟาดฟันกับใคร ถ้าหากว่าหมอดูมาทำนายเอาชื่อผมไปพาดพิงกับ ผบ.ทบ. แล้วผมไม่พูดถึง ผมก็เต็มที ผมต้องพูดถึง และผมจะบอกท่านพี่น้องทั้งหลายว่า บ้านเมืองนี้มันเข้าที่เข้าทางกำลังดำเนินการบริหารอยู่ และผมก็จะทำหน้าที่ต่อไป เอาเก่งจริงลองช่วยทายสิครับว่า วันอาทิตย์หน้าผมจะมาออกอากาศได้หรือเปล่า ลองทายดูสิครับ เอาให้ถึงสิ้นเดือนนี้ ถ้าผมอยู่เกินว่าอย่างไร อยู่เกินหมอไปแขวนคอตายไหม ถ้าทำไม่ได้ ทำนายทำไมครับ เกินเหตุ เกินหน้าที่ของหมอ บอกไว้รู้ไว้เท่านั้นแหละครับ วันนี้เวลาหมด วันอาทิตย์หน้าพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
รายการ “สนทนาประสาสมัคร”
โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11
และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2551 เวลา 08.30-09.30 น.
----------------------------
สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ 08.30 น. หลังพระเทศน์ รายการ “สนทนาประสาสมัคร” พูดถึงชื่อรายการนี้อยากจะกราบเรียนนิดหนึ่งครับ เวลาที่เสร็จรายการแต่ละครั้ง ๆ ผู้คนท่านปรารถนาดีก็แนะนำควรจะอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็รับฟังครับด้วยความปรารถนาดีของท่านทั้งหลาย แต่อยาก จะกราบเรียนนิดหนึ่งว่ารายการนี้ไม่ได้ชื่อว่า รายการ “รายงานการทำงานประจำสัปดาห์ของนายกรัฐมนตรี” ไม่ได้ชื่อนี้เลยครับ ชื่อรายการ “สนทนาประสาสมัคร” แปลว่ามีหลายเรื่องหลายอย่างที่จะบ่นกันไม่ได้อีก ทางโน้นบอกไปพูดถึงเขาทำไม ไปแตะคนนั้นทำไมคนนี้ทำไม ผมก็ไม่อยากจะมาพูดจาใช้เวลาต้องมาแก้ชี้แจงอะไรกัน แต่อยากจะบอกไว้เท่านั้นครับว่า ต้องการทำความเข้าใจให้ผู้คนในบ้านเมืองรู้ว่าอะไรเป็นอะไรอย่างไร ผมให้หัวข้อขึ้นต้นไว้กำลังจะคุยให้ฟังเรื่องของงานนายกรัฐมนตรีจะทำอะไรอย่างไร ตั้งใจจะทำอย่างนั้น แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นตามเฉพาะไป เรื่องนั้นจะอยู่ตรงท้ายสุด และจริง ๆ วันนี้สารคดีจะเรื่อง “ข้าว” จะอธิบายกันโดยเฉพาะเลย หน้าที่ของนายกรัฐมนตรีจะต้องอธิบายให้ประชาชนฟังว่า เกิดอะไรขึ้นมาทำอะไรอย่างไร
6 เมษายนวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์
วันนี้ท่านทั้งหลายคงทราบ เวลาขึ้นต้นอย่างนี้ก็บอกว่าข่าวใหญ่ หนังสือพิมพ์อย่างโน้นอย่างนี้มากมายก่ายกอง ไม่ละครับ ผมจะยกประโยชน์ให้ ใครจะไปเขาวิพากษ์วิจารณ์กันไปเยอะแล้ว วันนี้ท่านทั้งหลายก็เห็นว่าเป็นวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน ตั้งแต่เด็กจนโต ถ้าใครเรียนหนังสือ วันที่ 6 เมษายนก็พูดกันติดปากว่าวันจักรี ถ้าพูดให้ถูกต้องตามภาษาราชการที่ครบถ้วน วันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ แปลว่าเป็นวันที่รัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ท่านได้สถาปนาพระราชวงศ์จักรีขึ้นในบ้านเมืองนี้ บ้านเมืองเรามีมา 4 ยุค ยุคสุโขทัย 200 ปี อยุธยา 417 ปี ธนบุรี 15 ปี ยุครัตนโกสินทร์ 226 ปี พระราชวงศ์เดียว ฉะนั้น เวลาที่พูด พระท่านชอบพูดถึงว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ คำนี้ครับ เป็นคำที่ควรจะได้พูดถึงบ้างในเวลานี้ ในเวลาอันสมควรอย่างวันนี้ ผมจะไปเที่ยวคุยอะไรต่ออะไร มีเวลาเหลือผมจะคุยอย่างที่เคยคุย แต่วันนี้อยากจะเริ่มต้นว่าบ้านเมืองที่เราอยู่มาถึงวันนี้ ยุครัตนโกสินทร์ 226 ปี พระราชวงศ์จักรีได้สถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2325 มาจนถึงป่านนี้ ถ้าเราจะได้มีโอกาสนึกถึงว่าวันนี้ไม่ใช่วันหยุดธรรมดา เป็นวันหยุดที่ระลึก ตรงกับวันอาทิตย์ พรุ่งนี้ยังหยุดชดเชยอีกวันหนึ่งด้วย
ขอให้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์พระราชวงศ์จักรี
ถ้าเราจะรำลึกถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ที่อยู่คู่กับบ้านเมืองของเรา คนอาวุโสมาแล้ว ผมก็ไม่เอามะพร้าวห้าวมาขาย แต่คนที่ไม่อาวุโสหรือคนที่อาวุโสเขาไม่ค่อยได้เอาใจใส่ครับ วาระอย่างนี้ครับ เราควรจะต้องพูดถึงบ้าง ผมก็พูดถึงในฐานะพสกนิกรคนหนึ่งที่ได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระราชวงศ์จักรีที่มีต่อบ้านเมืองนี้ เริ่มต้นว่าเมื่อได้สถาปนาพระราชวงศ์จักรีนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระองค์ท่าน เรียกกันหลายอย่าง ท่านจะเผด็จศึก ท่านจะกรำศึก เรามีศึกศัตรูอยู่คู่บ้านเมือง พระเจ้าอยู่หัวพระองค์แรกนี่ละครับที่ได้เผด็จศึก ปราบปรามข้าศึกศัตรูจนบ้านเมืองสงบไม่มีการรบราฆ่าฟันก้นต่อไปอีก ฉะนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 1 ท่านทรงทำมากมายหลายอย่าง ป้องกันขอบขัณฑ์สีมา รักษาประชาชนและมนตรี ตามที่ได้เคยร่ำเรียนกันมา แต่ทว่าจริง ๆ แล้วเจ้านายพระองค์นี้ ท่านโปรดในเรื่องรบทัพจับศึก บ้านเมืองนั้นท่านทรงทำให้ปลอดภัย ใครอ่านประวัติศาสตร์ ท่านเสด็จฯ ไปปราบที่โน่นปราบที่นี่ ปราบที่นั่น ตลอดพระชนม์ชีพ รัชกาลที่ 1 ท่านเป็นนักรบ ท่านจะรบจนบ้านเมืองสงบเรียบร้อย
รัชกาลที่ 2 ทรงมีบทพระราชนิพนธ์มากมาย
มาถึงรัชกาลที่ 2 บ้านเมืองสงบเรียบร้อยก็เข้ามาสู่ยุคฟื้นฟู มีศิลปวัฒนธรรม ถ้าใครไปเรียนหนังสือคงจะนึกออก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 2 พระราชสมภพพระองค์ท่านอยู่ที่อำเภอยานนาวา เขาถึงมีอนุสรณ์สถานพระองค์ท่านอยู่ที่ยานนาวา เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ ก็มีงานฉลองศิลปวัฒนธรรม เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินจะเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโครงการที่นั่น รัชกาลที่ 2 ถ้าเราเรียนหนังสือต้องจำได้นะครับ บานประตูที่วัดสุทัศน์ดูแลกันไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไร ถูกไฟไหม้ก็มี แต่เขาก็เก็บไว้เป็นประวัติศาสตร์ พระเจ้าอยู่หัวทรงมีฝีพระหัตถ์ในการที่จะแกะลายประตูจากไม้ทั้งแท่ง แกะให้เป็นไม้โปร่ง ๆ ผมไม่เคยเห็น ผมไปได้ดูของจริง ใครไม่เคยเห็นก็ไปดูที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ แกะไม้สักทั้งแท่ง เป็นใบไม้ มีนก มีหนู มีอะไรอยู่ในนั้นเสร็จเรียบร้อย พระเจ้าอยู่หัวทรงมีบทพระราชนิพนธ์ต่าง ๆ หลายเรื่อง ไม่ต้องรบอะไรตอนนี้ มาสู่ยุควรรณคดีศิลปวัฒนธรรม
รัชกาลที่ 3 ทรงค้าขายกับต่างชาติ
มาถึงรัชกาลที่ 3 รัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ที่ระลึกสะพานพระองค์ท่านอยู่ที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดที่พระองค์ท่านมีพระราชสมภพที่นั่น รัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์นี้ท่านค้าขายครับ และท่านก็ทำนุบำรุงพุทธศาสนา ค้าขายนี่พระองค์ท่านสร้างไว้ ใครไปวัดยานนาวาสิครับ ท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน ท่านคณะรอง ทรงกลัวว่าวันข้างหน้าเด็ก ๆ สมัยข้างหน้าจะไม่เคยเห็นเรือสำเภา เป็นความจริงนะครับ ผ่านมา 200 ปีแล้ว เด็กไม่เคยเห็นก็ไปดูเลยครับ เรือสำเภา อยู่ที่วัดยานนาวา ท่านเจ้าอาวาสท่านก็อัญเชิญสร้างพระบรมรูปพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ประทับยืน ก็ได้เห็นทั้งพระองค์ท่าน เห็นทั้งเรือสำเภา ท่านค้าขายครับ ค้าขายกับต่างชาติ คบค้าสมาคมกับเมืองจีน ท่านค้าขายจนกระทั่งมีกำไร เขาว่าเงินถุงแดงใส่เอาไว้ เก็บไว้ในท้องพระคลัง ถึงรัชกาลที่ 5 มีเรื่องราวกับฝรั่งมาเรียกค่าปรับ เขาบอกเอาเงินถุงแดงที่รัชกาลที่ 3 ท่านทรงมีกำไรจากการค้าขาย เขาเรียกเจ้าสัว... ก็เอาเงินมาใช้จ่ายได้ ประวัติศาสตร์ลองนึกลงไปจะได้เจอหมดครับ วัดวาอารามต่าง ๆ ประทับนั่งอยู่ตรง แต่ก่อนเป็นเฉลิมไทย รื้อออกไปแล้วก็สร้างอนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ข้างหลังพระองค์ท่านเป็นวัดราชนัดดารามวรวิหาร ยังไม่ใช่ศิลปะ ถ้าใช้ศิลปะต้องขยับไปวัดเทพธิดารามวรวิหาร ถัดไปอีกวัดหนึ่ง วัดที่สุนทรภู่อยู่ จะแสดงให้เห็นศิลปวัฒนธรรม ที่รัชกาลที่ 3 ท่านได้อิทธิพลมาจากเมืองจีน ท่านเอามาตกแต่งหน้าบ้าน เอามาทำอะไรต่าง ๆ เวลาที่เอากระเบื้องที่แตกแล้วมาใส่และแปะลงไป เอาก้นถ้วยใส่ลงไปอันหนึ่ง นั่งต๊อก ๆ เอาสีเหมือนกัน เอาปูนเปียกใส่ลงไปก้นถ้วยแปะลงไป และ 5-6 ชิ้นติดรอบ ๆ ก็กลายเป็นดอกไม้ ตัดไปตัดมากลายเป็นหัวพญานาค ฝรั่งมีโมเสส คือเป็นสี่เหลี่ยม ๆ มองไกลไม่รู้ ถอยไปก็เห็นเป็นรูปโมเสสผมเป็นไกด์เก่า ผมเรียกอันนี้ว่า Round Moses เวลาที่อธิบายให้ฝรั่งฟัง แปลว่าแทนที่จะเป็นรูปเป็นภาพออกมา จะเป็นศิลปะที่นูนอออกมา เป็นรูป.. เป็นหัวพญานาค เป็นดอกไม้ เป็นช่อต่าง ๆ ความงามก็ไปดูสิครับที่พระเจดีย์วัดอรุณราชวราราม สมัยรัชกาลที่ 3 ไปดูวัดราชโอรสาราม อยู่คลองมอญ ทั้งหมดนี้รัชกาลที่ 3 ทรงค้าขายและทำนุบำรุงพุทธศาสนา
รัชกาลที่ 4 ทรงศึกษาภาษาอังกฤษ
มาถึงรัชกาลที่ 4 ทรงเปิดประเทศ รัชกาลที่ 4 ทรงผนวช 27 ปี ทรงเป็นพระภิกษุ 27 ปี ฝรั่งมังค่าเข้ามาพอดี อเมริกันเข้ามา พวกหมอบรัดเลย์ เครื่องพิมพ์ดีด เข้ามา การวิทยาศาสตร์เข้ามา พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นน้องชายของพระองค์ท่าน ก็รับความเจริญทางวิทยาศาสตร์ พระองค์ท่านก็รับความเจริญทางภาษาการทูต ทรงศึกษาภาษาอังกฤษ ไปถึงภาษาลาติน เขียนจดหมายถึงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้ เห็นเขารบราฆ่าฟันกัน ตัวเอาชนะไม่ได้ บอกจะส่งช้างไปช่วย เมื่อ 2 วันนี้ทูตคนใหม่ยังอุตส่าห์ไปค้นคว้า ผมเล่าให้ฟังทูตไปค้นคว้าเลย เอามาอ่านให้ฟัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงเปิดประเทศ พระชนมายุมากแล้วตอนขึ้นครองราชย์ ทรงเป็นพระภิกษุอยู่ 27 ปี แต่ได้สั่งสมเรื่องทั้งหลายทั้งปวง และได้มาทรงใช้ตอนเวลาที่เปิดประเทศรับชาวต่างประเทศ ความเจริญก้าวหน้าก็เริ่มหลั่งไหลมาสู่บ้านเมืองของเรา บรรดาราชโอรสทั้งหลายยังไม่ได้ไปต่างประเทศ แต่ว่าได้รับการศึกษาดี ทรงเห็นว่าภาษาอังกฤษเป็นความจำเป็น เอาแหม่มมาสอนอยู่ 6 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 นั้น ท่านทรงศึกษาจากแหม่มแอนนา ลีโอโนเวนส์ (Anna Leonowens) เพราะฉะนั้น เรื่องราชสำนักอะไรต่าง ๆ นั้น รัชกาลที่ 4 ท่านปูพื้นฐานในการที่เราจะไปเผชิญกับโลก
รัชกาลที่ 5 เสด็จฯ ประพาสรัสเซีย
มาถึงรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระนามาภิไธยคือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นี่ละครับท่านทรงศึกษาภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก ท่านเป็นลูกศิษย์แหม่มแอนนา ลีโอโนเวนส์ และท่านได้ประสบการณ์ของพระองค์ท่าน ยุคสมัยพระองค์ท่านทรงครองราชย์ 42 ปี ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 สวรรคตเมื่อปี 2398 ทรงขึ้นครองราชย์ตรงนั้น อายุ 11 พระชันษา ทรงมีพระชนมายุแข็งแรงขึ้น ทรงบรรลุนิติภาวะก็สถาปนาขึ้นครองราชย์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง และทรงบริหารบ้านเมือง บ้านเมืองมีวิกฤติการณ์น่ากลัวนะครับ ฝรั่งต่างชาติ ชาติหนึ่งได้ทางตะวันตกไปแล้ว ก็จ้องทางเรา อีกชาติได้ตะวันออกไปแล้ว ก็จ้อง จะแบ่งครึ่งครับ เอาแม่น้ำเจ้าพระยาผ่าครึ่ง ทางโน้นอยู่พม่าก็จะกลืนไทยทางตะวันตก ทางนี้อยู่ทางลาวกับเวียดนาม ก็จะกลืนไทยทางตะวันออก แต่ว่าวิเทโศบายที่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีสายพระเนตรไกล เพราะฉะนั้น พระองค์ท่าน บางครั้งใครก็ไปคิดว่าเวลาที่ฝรั่งอย่างรัสเซีย ทำรถไฟสายทรานไซบีเรียมาลงที่วลาดิวอสสต็อก เสร็จแล้วก็ลงเรือกลับมาเยี่ยม เป็นมกุฎราชกุมารเท่านั้นครับ รัชกาลที่ 5 ท่านทรงรับใหญ่โตมโหฬาร ทรงทำความคุ้นเคยกับมกุฎราชกุมารของรัสเซีย ท่านก็รับของท่าน จนกระทั่งเป็นสำนวนทำอะไรใหญ่โต ใหญ่โตยังกับรับซาร์ สายพระเนตรท่านไกลอย่างไร
วันหนึ่งเวลาที่จ้องจะล่อประเทศไทยกันอยู่ ท่านก็ทรงคิดครับว่าเอาดาบไปสู้กับปืนไม่ได้ คิดสิ 13-14 ในย่านเอเชียอาคเนย์ เหลืออยู่ประเทศไทยประเทศเดียวเท่านั้นที่เป็นเอกราช ท่านลองศึกษาย้อนไปดู พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเข้าใจว่าการเอาดาบไปสู้กับปืนไม่ได้ประโยชน์ แต่ว่าสิ่งที่ทรงทำนั้น ไม่ใช่ไปยอมแพ้เขา แต่ทรงบอกว่าเราต้องรับความเจริญของโลกตะวันตก พระเจ้าแผ่นดินฝรั่งนั่งเรือมาเสร็จ มาดูมาเยี่ยม เสร็จแล้วก็เลี้ยงต่อไปเรือ ท่านทรงทำอย่างเดียวกันครับ ซื้อเรือเลยครับแล้วเสด็จพระราชดำเนินไปยุโรป และไปประเทศรัสเซียเลย พระองค์เก่าที่เคยรับไว้นั้น ท่านไปเป็นซาร์นิโคลัสที่ 2 เพราะฉะนั้น ท่านไปเยี่ยมเมืองเก่าที่ได้เคยรับรอง เป็นรุ่นเด็กกว่าท่าน แต่ว่าท่านสามารถที่จะมีความคุ้นเคยภาษารัสเซีย พระองค์ท่านนั่งไขว่ห้างกันทั้งสองพระองค์ ภาพอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร แต่งชุดทหาร และภาพนี้ครับออกไปลงในกาเซ็ต คือหนังสือพิมพ์ในยุโรป เอิกเกริกเลยครับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนินฝรั่งเศส ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเสด็จฯ ลงไปรับพระองค์ท่านถึงในเรือ ทรงมีจดหมายถึงพระราชธิดาบอกว่าที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ลงไปรับพ่อถึงในเรือ ไม่ใช่บารมีของพ่อหรอก แต่เป็นบารมีของซาร์นิโคลัสที่ 2 ที่ได้จัดการทำ คือทำให้เห็นว่าพระสหายอย่างนี้เสร็จเรียบร้อย ฝรั่งเศสเกรงใจครับ เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมหมด และพระราชโอรสก็ทำแบบโบราณเอาไปฝากเรียนหนังสือ มีพระราชสำนักอยู่ 14 ราชสำนักเวลานั้น ไปเรียนหมด ราชสำนักรัสเซียก็เรียน เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ ทุกพระองค์เรียนเสร็จก็.. เสด็จพระราชดำเนินปี 2440 อีก 10 ปี เสด็จฯ เยือนอีกหนหนึ่ง ตอน 2450 เอารุ่นเก่ากลับมาช่วยทำงาน เอารุ่นใหม่ออกไป
ทั้งหมดนี้เพราะสายพระเนตรไกลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ท่านทรงมองเห็นทะลุปรุโปร่ง และทรงเลือก ถ้าเราลองนึกดูทรงคุ้นเคยกับราชสำนักอังกฤษ ราชสำนักเซนต์เจมส์ ที่ว่านี้ แต่ปรากฏว่าอังกฤษมีเงิน ปอนด์ ชิลลิ่ง เพนนี มี guinea คือ 21 ชิลลิ่ง มี 4 ช่อง มี 2 3- ช่อง ของไทยมี 6 ช่อง ไทยมีเฟื้อง มีไพ มี 6 ช่อง แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ประสงค์จะพิมพ์ธนบัตร ท่านบอกว่าเรียกว่า 1 บาท มี 100 สตางค์ ใครจะคิด ร้อยกว่าปีก่อน ทรงคิดได้อย่างไรครับ 1 บาทมี 100 สตางค์ 60 ปีก่อนมีคอมพิวเตอร์ใช้ เราเอาบัญชีของเราใส่คอมพิวเตอร์ พิมพ์ได้เลย ลงบัญชี ใช้เครื่องได้ทันที เพราะ 1 บาทมี 100 สตางค์ เป็นแบบเดียวกัน 1 เหรียญมี 100 เซนต์ ที่อเมริกันคิด ประเทศอังกฤษเป็นเจ้าจักรวรรดิ ปรากฏว่าเชื่อไหมครับ ปอนด์ ชิลลิ่ง เพนนี วันหนึ่งต้องฝืนใจ ต้องยกเลิกชิลลิ่ง 100 เพนนีเป็น 1 ปอนด์ ถึงจะเอาเครื่องเข้าคอมพิวเตอร์ ลงบัญชีได้ 100 เพนนีเป็น 1 ปอนด์ เห็นไหมครับเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่ดูแล้วก็เราเรียนกันอย่าง ..เรียน 12 นิ้วเป็น 1 ฟุต 3 ฟุต เป็น 1 หลา 1,760 หลา เป็น 1 ไมล์ ของเรายังแถมว่า 1 ไมล์ ประมาณ 40 เส้น เรียนทั้งนั้น เรียนน้ำหนัก เรียนออนซ์ เป็นปอนด์ เรียนหมดครับ
แต่เวลาจริง ๆ ใช้ ประเทศไทยให้บนแผ่นดินใหญ่ คือใช้มาตราเมตริก 10 เซนติเมตร เป็น 1 เดชิเมตร 10 เดชิเมตร เป็น 1 เมตร 10 เมตรเป็น 1 เดคาเมตร 10 เดคาเมตร เป็น 1 เฮกโตเมตร 10 เฮกโตเมตร เป็น 1 กิโลเมตร ความยาวก็เป็นเมตร น้ำหนักก็เป็นกิโลกรัม ของเรา ๆ ใช้เมตริก แล้วใครจะว่าอย่างไร เมืองอังกฤษหนาว เป็นฟาเรนไฮ 32 หนาวแข็งก็แค่ 32 แต่ของเราใช้เซนติเกรด แข็งที่ 0 ต่อมาเป็นเซลเซียส เสร็จแล้วในโลกนี้เป็นอย่างไร น้ำมันเราใช้เป็นลิตร อเมริกาใช้จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ต้องมี... คือสิ่งที่ถูกต้องอเมริกัน... แก้กันแทบตายเลย แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมองการณ์ไกล เครื่องใช้ฝรั่งยาวเหยียด ใช้ซ้ายขวาเข้ามา ทรงหยิบส้อมคันหนึ่ง ช้อนคันหนึ่ง แล้วช้อนส้อมก็มาอยู่บนโต๊ะไทยเรา ช้อนส้อมแต่ก่อนกินมือ ถ้ากินใช้ช้อนคันเดียว ฝรั่งเป็นตับเลยเรียกว่า Siver ware ใช้จากข้างนอกเข้ามา แต่ว่ารัชกาลที่ 5 ท่านหยิบเลยครับ ส้อมคันช้อนคัน และใช้ช้อนส้อมกันมาจนทุกวันนี้
ท่านจะเห็นว่าแล้วยุโรปเขาขับรถทางซ้าย เราขับขวาเหมือนอังกฤษ ผมคุยกับลอร์ด ดิกบี โจนส์(Lord Digby Jones) รัฐมนตรีการค้าและการลงทุนอังกฤษ มาเยี่ยม คุยอย่างโน่นอย่างนี้ ผมบอก ท่านบอกสิผมจะบอกให้ฟังรู้ว่าของอังกฤษ ดี ๆ ๆ แต่เราจะเลือกว่าอะไรดีที่สุด ผมปาฐกถาเล่าให้ฟังไป บอกนี่เรื่องนี้ๆ ธนบัตรเราพิมพ์ของเรา เราใช้อย่างนี้ แต่ว่าพอถึงรถ ผมขับแบบอังกฤษทำไม เราไม่ได้อยู่ใน Common Wealth ก็อธิบายความให้ฟัง สายพระเนตรรัชกาลที่ 5 ท่านเห็นความเจริญที่ไหน 3 ปียุโรปมี เมืองไทยมี เขามีโรงไฟฟ้า เรามีโรงไฟฟ้า เขามีตู้เย็น เรามีตู้เย็น เขามีรถราง เรามีรถราง เขามีรถไฟ เรามีรถไฟ ทันสมัยหมดครับ ทรงนำความเจริญมาจากยุโรปโดยเฉพาะเข้ามาในประเทศเรา เพราะฉะนั้น ตรงนี้ทรงเป็นพระปิยะมหาราช พระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่รักยิ่ง 42 ปี ก็พูดถึงยาวหน่อยพระองค์ท่าน
รัชกาลที่ 6 ทรงเป็นนักศิลปะวรรณคดี
ถัดมาผลิตผลที่ส่งไปเรียนหนังสือ รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พักอยู่ในประเทศอังกฤษ 12 ปี ทรงโปรดทอดพระเนตรละครเวสต์เอ็นด์ ละครเวสต์เอ็นด์ 400 ปีนะครับ เช็กสเปียร์ปีนี้ 500 ปีแล้ว เช็กสเปียร์คนรู้จักทั่วโลก แต่ถามว่าคนไทยรู้จักเช็กสเปียร์ ตรัสรู้มาถึงก็ไปอ่านเช็กสเปียร์ เปล่าครับ เรียนหนังสือมา ม. 5 ภาษาอังกฤษชื่อ The Merchant of Venice ภาษาไทยตั้งชื่อว่า เวนิชวานิช เก๋ไหมครับ เวนิชก็ชื่อเมือง วานิชแปลว่าพ่อค้า รัชกาลที่ 5 ท่านทรงเก่งเหมือนกัน เวลาท่านแต่งหนังสือ sleeper Awaken หลับ ๆ ตื่น ๆ เราเรียนม.6 ชื่อ นิทราชาคริต ฉะนั้น เจ้านายของเราท่านทรงเก่งทั้งนั้นครับ รัชกาลที่ 1 ทรงประพันธ์เรื่องนั้น รัชกาลที่ 2 ทรงแต่งเรื่องนี้ รัชกาลที่ 3 เท่านั้นไม่ค่อยมีอะไรเท่าไร รัชกาลที่ 4 ท่านก็ทรงแต่ง พอรัชกาลที่ 5 ท่านทรงแปล sleeper Awaken นิทราชาคริต ใครไปอ่านสิครับ อ่านแล้วก็สนุกครับ ตั้งแต่ขึ้นต้นจนกระทั่งลงท้าย ท่านทำเพื่อจะรับงานปีใหม่ หนังสือเล่มหนาเบ้อเริ่ม รัชกาลที่ 6 ยิ่งกว่าพระราชบิดา ท่านทรงศิลปะวรรณคดี แต่ก่อนที่ต้องไม่ลืมคือท่านปลุกใจให้คนไทยรักชาติ รักศาสนา รักสถาบันพระมหากษัตริย์ 15 ปีเท่านั้นครับ แต่ทรงทำอะไรให้บ้านเมือง 200 บทละคร จนถึงบัดนี้ ทรงแปลทรงเขียน ทุกอย่างครับ
ใครอยากศึกษาพระองค์ท่านไปสิครับหอวชิราวุธนุสรณ์ หม่อมหลวง ปิ่น มาลากุล เป็นผู้ค้นคว้า ค้นหมดเลย ลายพระหัตถ์ไม่ว่าจะไปทรงอยู่ที่ไหนอย่างไร หม่อมหลวง ปิ่น ค้นเอามาให้หมด และเราก็ไปนั่งศึกษา ไปอ่านไปดูไปฟังว่าเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินของเรานั้น ท่านทรงเก่งอย่างไร มีพระราชนิพนธ์อย่างไร ฝรั่งเช็กสเปียร์เขียน 2 บรรทัด พระเจ้าอยู่หัวต้องทรงแปล 4 บรรทัด แต่ทรงแปลให้เข้านะครับ เวนิชวานิช ผมก็อยากดูจริง ๆ ท่องอาขยานมาเท่าไร วันหนึ่งพอโตไปทำงานไปดูก็เห็นหนังสือ The Merchant of Venice อยากดูจริง ๆ พระเจ้าอยู่หัวทรงแปลอย่างไร รีบเปิดดูเลย ตรงบทนางพอร์เทีย ตอนพอร์เทียว่าความ ภาษาฝรั่งเขาบอกว่า The Quality of Mercy Is not Strain’d แปลว่าคุณภาพของความกรุณาไม่มีใครมากดดันอะไร อีกคำ As the Gentle Rain From Heaven เห็นไหมเขาแปลได้ง่าย ๆ The Quality of Mercy Is not Strain’d อีกทำ As the Gentle Rain From Heaven พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ท่านทรงแปลว่า “อันความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองดังฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน...” เห็นไหมครับ ต้องต่อไปก็อีกยาว เป็นสิ่งดีสองชั้นพลันปลื้มใจ แห่งผู้ให้และผู้รับสมถวิล เป็นกำลังเลิศพลังอื่นทั้งสิ้น เจ้าแผ่นดินผู้ทรงพระกรุณา ประดุจทรงวราภรณ์สุนทรสวัสดิ์ เรืองจรัสยิ่งมกุฎสุดสง่า พระแสงทรงดำรงซึ่งอาชญา เหนือประชาพสกนิกรฯ
เพราะฉะนั้น รัชกาลที่ 6 ท่านดู แต่เวลาท่านแปลตรง ๆ กราทิโนไปเปิดหีบ มีหีบตะกั่ว มีหีบเงิน หีบทอง หีบทองจารึกว่า All Intelligence is not gold ทรงเขียนว่า “วาวๆ บ่ใช่ เนื้อคำดี ทั่วนา” ใช้โคลง 4 สุภาพ ท่านทรงแปลหมดเรียบร้อย และเรารู้จักเวนิชวานิชทั้งเล่มนะครับ เรียนชั้น ม.5 พระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ครับ รู้จัก ใครจะไปเมืองนอก ไปคุยเรื่องเช็กสเปียร์ ก็ต้องรู้จักเวนิชวานิชถึงจะไปเรื่อง A Midsummer Night’s Dream Othello เป็นอย่างไร Othello ดูหนังผมดูสัก 10 หนได้ บทกลอนพูดโต้ตอบกัน ปรากฏว่าท่านแปลงเลยครับ ชื่อ พระยาราชวังสัน เป็นเรื่องตะวันออกเป็นของประเทศไทยทางนี้ เพราะฉะนั้น เรื่องต่าง ๆ ทั้งหมดถ้าเราย้อนไปดู หนังสือแต่ละเล่ม ไปดูสิครับจารึกอยู่หน้ากระทรวงกลาโหม ใครรานใครรุกด้าวแดนไทย ไทยรบจนสุดใจ ขาดดิ้น เสียเนื้อเลือดหลั่งไหล ยอมสละ สิ้นแล เสียชีพไป่เสียสิ้น ชื่อก้องเกียรตินาม หากสยามยังอยู่ ยั้งยืนยงฯ
เพลงพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 6 “สยามานุสติ”
แต่จริง ๆ มี 4 บทนี้ชื่อ “สยามานุสติ” เริ่มต้นด้วยว่า รักราชจงจิตน้อม ภักดี ท่านนา รักชาติกอบกรณี แน่วไว้ รักศาสนกอบบุญตรี สุจริต ถวินเทอญ รักศักดิ์จงจิตให้โลกซร้องสรรเสริญ บทที่ 2 ยามเดินยืนนั่งล้อม กะมล รำลึกถึงเทศตน อยู่ยั้ง เป็นรัฎฐะ มณฑล ไทยอยู่ สราญฮา คนถนอมแน่นตั้ง อยู่เพี้ยงอวสานฯ บทที่3 ใครรานใครรุกด้าว แดนไทย ไทยรบจนสุดใจ ขาดดิ้น เสียเนื้อเลือดหลั่งไหล ยอมสละ สิ้นแล เสียชีพไป่เสียสิ้น ชื่อก้อง เกียรติงามฯ บทสุดท้าย หากสยามยังอยู่ยั้ง ยืนยง เราก็เหมือนอยู่คง ชีพด้วย หากสยามพินาศลง ไทยอยู่ ได้ฤา เราก็เหมือนมอดม้วย หมดสิ้น สกุลไทยฯ 4 บทครับ แต่ตัดมาใช้ 2 บท ท่านก็รู้จัก 2 บท เด็กก็รู้จัก 2 บท ไปอ่านที่หอวชิราวุธนุสรณ์ จะรู้จัก 4 เห็นลายพระราชหัตถ์ด้วย ทรงเขียนเรื่องนั้นเรื่องนี้ พระองค์ท่านไม่มีวันจบหรอกครับ ไปอ่านดูเถอะครับ ผมก็เก็บเอามาเล่าเพราะผมอ่าน ได้อ่านหนังสือดุสิตสมิตของพระองค์ท่าน หนังสือดุสิตสมิต บ่มิคิดคดีทราม...ชมเราก็แทงคิว ผิวะฉิวก็ซอร์รี่ แม้แม๊ค มิคืนดี ก็จะเชิญ ณ คลองสาน ของพระองค์ท่านทั้งนั้นครับ ราชบริพารเขียนการ์ตูนประกอบ มีทุกอย่างราชสำนัก บทละครต่าง ๆ ไปดูสิครับ 200 บทละคร ทั้งแปลทั้งลำดับขึ้นมาใหม่ บทละครต่าง ๆ ลองไปอ่านสิครับ แล้วจะได้เห็นเลย หนังสือเรื่องพระร่วง บทพระราชนิพนธ์เรื่องพระร่วง เรื่องหัวใจนักรบ ให้คนไทยรู้จักรักชาติ รักศาสนา รักพระมหากษัตริย์ พระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ละครับ
24 มิถุนายน 2475 คณะราษฎรยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครอง
รัชกาลที่ 7 ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ยาวหรอกครับ ทรงขึ้นครองราชย์เมื่อปี 2468 และทรงสละราชสมบัติเมื่อปี 2478 10 ปีเท่านั้นครับ ทรงขึ้นมาโดยไม่ได้เตรียมพระองค์จะเป็นพระมหากษัตริย์ แต่ต้องทรงเป็น ทรงเรียนหนังสือเมืองอังกฤษเหมือนกัน สำเร็จโรงเรียนนายร้อยแซนเฮิร์สต์ รัชกาลที่ 6 ก็ดี รัชกาลที่ 7 ก็ดี ใฝ่พระราชหฤทัยในระบอบประชาธิปไตย ท่านอยู่ประเทศอังกฤษ แม่แบบประชาธิปไตย สองพระองค์นี่ละครับ รัชกาลที่ 6 ท่านเตรียมพร้อม ท่านทำดุสิตธานี ท่านเตรียมไว้ให้รู้จักต่าง ๆ เปลี่ยนไปจาก.. แต่ไม่ทันใจ มีกบฏ ร.ศ.131 กบฏเสร็จ ท่านก็ยกประโยชน์ให้ ท่านปล่อย สุดท้ายพอถึงรัชกาลที่ 7 ปี 2475 คนที่ไปเรียนทุนหลวงทั้งนั้นครับ ไปเรียนหนังสือกัน ไปรับความเจริญของโลกตะวันตก ไปรับความเจริญของประชาธิปไตย เขาก็คงกีดกันพวก ถึงเวลาจะต้องเปลี่ยนแปลง และเขาก็บอกต้องเปลี่ยนแปลง เจ้านายก็บอกให้รอหน่อย บอกว่าการศึกษาสำคัญ การศึกษามากกว่านี้หน่อยจะได้ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ได้ พอถึงเวลาต้องยึดอำนาจปฏิวัติเปลี่ยนแปลง 24 มิถุนายน 2475 เขาก็จัดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ก็ดีครับ ไม่สูญเสียเลือดเนื้อ ฝรั่งเรียกว่า Bloodless Resolution ตัวเลขที่ฝรั่งใช้ 1932 ของเรา 2475 วันที่ 24 มิถุนายน เขาเปลี่ยนแปลงครับ อยู่ในอำนาจคณะปฏิวัติ พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงอยู่ใต้ระบอบรัฐธรรมนูญ ทรงอยู่เหนือการเมือง แต่ว่าทรงอยู่ใต้ระบอบรัฐธรรมนูญของบ้านเมือง บ้านเมืองแบ่งอำนาจเป็น 3 อำนาจอธิปไตย อำนาจนิติบัญญัติโดยสภา บริหารโดยรัฐบาล ตามด้วยตุลาการ เราก็มีประชาธิปไตยของเรา รัชกาลที่ 7 พระราชทานประชาธิปไตยให้บ้านเมืองของเรา ไปดูลายพระหัตถ์ที่ทรงไว้ที่หน้ารัฐสภา ใครอ่านแล้วจะต้องนึกถึง
ถ้าอ่านหนังสือของราชันผู้นิราศ ของนายหนหวย ก็ดี อ่านหนังสือใครต่อใครที่ทรงเขียนถึง แต่คนที่เอ่ยถึงผมเคยเชิญอาจารย์วิษณุ เครืองาม เคยเกี่ยวพันมาเป็นนักการเมืองในภายหลัง ความจริงท่านเป็นนักวิชาการ สอนหนังสือ พูดถึงรัชกาลที่ 7 คนนี้เด็ดดุเดือดนัก เรื่องเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ถ้าเรานึกถึงพระองค์ท่าน จะได้รู้แต่ละพระองค์
รัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ สำเพ็ง
รัชกาลที่ 8 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล สั้นมาก ผมก็เป็นคนที่ผม พอวันสวรรคต ผมอายุ 11 สัมผัสแล้วครับ รู้สึกแล้ว วิ่ง โรงเรียนที่สี่เสา เข้าไปจนกระทั่งถึงหน้าวังหลวง ก็ได้รับความรู้สึก ได้รับรู้ แต่ว่าพระองค์ท่านยังไม่ทรงทำอะไรให้บ้านเมือง แต่ว่าสำหรับผมซึ่งเป็นพสกนิกร ผมบอกได้พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุ 21 พูดภาษาชาวบ้านก็บอกทรงหนุ่มฟ้อเลย แล้วคนไทยตั้งแต่สงคราม คือพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ประทับต่างประเทศ เสด็จฯ แวะมาแล้วก็กลับ ตลอดเวลาเพลงสรรเสริญพระบารมีมีครึ่งท่อน คนไทยอยู่มาคู่กับสงคราม ตั้งแต่ปี 2484 มาหมดปี 2488 เสด็จพระราชดำเนินกลับ ตรงนั้นละครับยังไม่ทรงทำอะไร แต่ทรงทำให้คนไทยทั้งบ้านทั้งเมืองต้องเรียกว่า หัวใจชุ่มฉ่ำ มีพระเจ้าแผ่นดินกลับมาบ้านเมืองแล้ว พระเจ้าแผ่นดินได้กลับมาอยู่บ้านเมือง ที่ทรงทำคือว่าเวลานั้น จีนก็บอกว่าจีนชนะสงคราม จีนก็อวดศักดากับคนไทย มีการเลี้ยงพระอะไรกันใหญ่ แล้วจะทำอย่างไร ทูตจีนชื่อนายหลี เซียะ เจิง มาถึงอวดศักดากันจะทำอย่างไร เขาก็แก้ปัญหา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระอนุชา เป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน สองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินสำเพ็ง คนจีนคนไทยเลี้ยงพระกันตรงนั้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินสำเพ็ง ผมก็ได้เห็นครับ ตั้งโต๊ะบูชาเครื่องกังไส ใครมีอะไรออกมาหมด ตั้งแต่ไม่ใช่หัวเม็ดเสด็จพระราชดำเนินเข้าตั้งแต่พาหุรัด ยาวเหยียดตลอดถนน ภาพอย่างนี้ไม่มีอีกแล้วครับ สมัยนี้เรื่องความปลอดภัย เขาคงไม่ยอมให้จัด สมัยนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินผ่านกลางสำเพ็ง กราบกันอยู่สองฟาก ผมจำได้ ร้านชื่อหลีฮง นามสกุลท่านอาจารย์สุกิจ นิมมานเหมินท์ อยู่ทางราชวงศ์เลยเข้าไปหน่อย ทั้งถนน นั่นแหละครับบารมีพระองค์ท่าน บารมีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินแท้ ๆ เลยครับ จบเรียบร้อยหมด เลี้ยงพระหมด จัดการมาเป็นญาติดีกันอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้ ทุกวันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8 ทรงสั้นมาก แต่ทรงนำความชุ่มชื่นมาสู่หัวใจคนไทย พระมหากษัตริย์ที่ประทับอยู่สวิสเซอร์แลนด์ และกลับมาอยู่กับคนไทย ดูแลเป็นความชื่นชม ใคร ๆ ก็มีภาพพระองค์ท่านอยู่ทุกวันนี้ แต่พระพักตร์เศร้า นั่นละครับรัชกาลที่ 8
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ เยี่ยมเยียมราษฎร
รัชกาลปัจจุบัน ผมแทบจะไม่ต้องบรรยาย เพราะท่านทั้งหลายก็เกิดกันร่วมยุคร่วมสมัย 62 ปีที่ทรงครองราชย์ พระชนมายุท่าน ถ้าบวกด้วย 17 เข้าไปด้วย ก็ 81 เข้าปีนี้ เสด็จพระราชดำเนินขึ้นครองราชย์ ยังทรงพระเยาว์ต้องถือว่าอย่างนั้นครับ แต่ว่าทรงมีสายพระเนตรไกลขนาดไหน ที่ทรงเลือกลงไปคลุกคลีกับประชาชน ลงไปหาประชาชน ต้องพูดชัดเจนเลย ประชาชนแท้ ๆ เลยครับ ท่านรู้ล่วงหน้าหรือครับ ท่านไม่รู้หรอกครับ แต่พระองค์ท่านลงไปอยู่กับประชาชน เพราะฉะนั้น เมื่อมีการแย่งชิงประชาชนกัน คนพวกหนึ่งลัทธินิยมมาเขาจะเอาประชาชน พระองค์ท่านก็ลงไปใกล้ชิดประชาชน และในที่สุดก็ทรงชนะใจประชาชน ทรงผูกใจประชาชน ที่ทรงชอบ งานที่ทรงชอบโดยเฉพาะแผนที่ระดับที่สูงที่ต่ำ แปลว่าน้ำคือชีวิต ถ้าประชาชนบ้านเมืองมีน้ำ เรียบร้อยทั้งหมด ลองคิดดูสิครับว่า ที่เขาถวายพระนามไว้เป็นเขื่อนต่าง ๆ นั้น ลองดูสิครับ เมื่อปี 2485 น้ำท่วมประเทศไทย น้ำท่วมกรุงเทพฯ อยู่เดือนหนึ่ง มันมโหฬารขนาดไหน แต่เรามีเขื่อนภูมิพล 13,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ป้องกันน้ำและทำให้มีน้ำตลอดทั้งปี ใส่เขื่อนไว้ ทำให้น้ำแม่เจ้าพระยามีน้ำได้ตลอดทั้งปี ถ้าไม่อย่างนั้นบางจังหวัดเดินข้ามฟากกันได้ เดี๋ยวนี้มีน้ำตลอดทั้งปี เพราะระบบเขื่อน เขื่อนสิริกิติ์ 9,750 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ นั่นก็ทำให้เราได้น้ำอีกข้างหนึ่ง เขื่อนกิ่วลมมันเล็ก เริ่มต้นด้วย 1 ล้าน อันนี้มี 12 ล้าน ยังอยู่แม่น้ำยมยังไม่มีเขื่อน แต่ว่าเขื่อนอื่น ๆ นั้น ระบบที่เราเก็บน้ำเอาไว้ใช้ได้เขื่อนอุบลรัตน์ก็ดี เขื่อนสิริธรก็ดี เขื่อนจุฬาภรณ์ก็ดี ลงไปข้างล่างก็เขื่อนวชิราลงกรณ์ เขื่อนสมเด็จย่า เขื่อนศรีนครินทร์ ทั้งหมดนี้ครับ เจ้านายของเราโปรดที่จะหาน้ำให้ราษฎร
งานโครงการต่าง ๆ ที่โครงการพระราชดำรินั้น เหมือนกับทรงสร้างโรงเรียนให้คนได้ไปศึกษา ไม่ต้องเข้ามาหมด ไม่ใช่เป็นการยืนสอนเรียงแถว เสด็จพระราชดำเนินด้วยพระองค์เอง เพราะฉะนั้น ศูนย์อย่างที่ห้วยฮ่องไคร้ แห้งแล้งไม่มีอะไร แต่ทำให้กลายเป็นศูนย์ที่ใครต่อใครไปดูได้ชุ่มฉ่ำ เพียงแต่เก็บกักน้ำเอาไว้ แล้วแผ่น้ำที่เก็บกักให้ชุ่มฉ่ำไป เชียงใหม่ก็ไปดอยสะเก็ด ไปดูที่พิกุลทองทางใต้ ทำอย่างไรจัดการอย่างไร มีพรุมีอะไรทำอย่างไร แหวกน้ำเอาลงไป ที่ไม่มีประโยชน์ อย่างโรงฟางวิปัสโน มะพร้าวต้นเดียว ที่ 30,000 ไร่ ทรงทำอย่างไรครับ ที่ดินเป็นพรุ น้ำท่วมปีละ 10 เดือน อย่างนี้ไหวไหมครับ น้ำท่วมปีละ 10 เดือน แห้ง 2 เดือน แต่สุดท้ายก็ทำเป็นโครงการราษฎรลงไปอยู่ได้ หมู่บ้านละ 200 ครอบครัว ทั้งหมด 600 ครอบครัว สามารถเอาแผ่นดินกลับมาคืนได้ตามระบบต่าง ๆ ผมตามเสด็จฯ โครงการนี้ เพราะฉะนั้น ที่เชียงใหม่ ที่สันกำแพง เราได้แลเห็นว่าทรงคิดทรงทำอะไรต่าง ๆ ความใกล้ชิดของประชาชนต้องตามเสด็จฯ ถึงจะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้าใครดูภาพไกล ๆ ผมเคยตามเสด็จฯ ไปสันกำแพง วันนี้เสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอุ้ม.. ข้ามถนน มีราษฎร 2 คนใส่ นุ่งผ้าขาวม้า มีเสื้อใส่คลุมอยู่หน่อย ทรงเอาแผนที่มาชี้ ราษฎรก็ดู ทรงชี้ เราก็ดูไกล ๆ รับสั่งกับราษฎรอย่างไรก็ไม่ได้ยิน ทรงชี้ไปทรงอุ้ม.. รุ่งขึ้นมีหมายเสด็จฯ เข้าไป ห้าโมงครึ่งเย็นพระอาทิตย์เริ่มลับขอบแล้ว ขบวนก็ยาวเหยียด จอด ๆ ๆ ตรงนี้ และทุกคนอยู่กับรถเฉย ๆ หมด รถพระที่นั่งทรงเองด้วย เลี้ยวขวาเข้าไปในซอยตรงนี้ หายวับเข้าไป มีทหารนั่งไป 2 คน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขับรถ และหายไป นั่งรถแดดก็พลบลงไปพลบลงไป ประเดี๋ยวเสียงเครื่องยนต์ก็มา ถ้าใครได้เห็น ภาพนี้ไม่มีคนถ่าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขับรถจี๊ป มีราษฎร 2 คน ที่คุยกันเมื่อวาน นั่นละครับนุ่งผ้าขาวม้าคนละตัว เสื้อก็ไม่ใส่ นั่งข้างหน้า 2 คน ทหารอยู่ข้างหลัง 2 คน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขับรถยนต์ ปรากฏว่าทรงนัดหมาย ทรงหาต้นน้ำไม่เจอว่าดู water shade ตรงนี้หาไม่เจอ แต่ราษฎรพาท่านไปหาต้นน้ำว่าอยู่ตรงนี้ กลับมาก็ทรงเล่าให้ฟัง
มีที่ไหนครับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ราษฎรไม่ใส่เสื้อ แล้วนั่งรถจี๊ปอยู่ข้างหน้า ทรงขับรถ อย่างนี้มีมากมายก่ายกอง ไม่มีรูปมาอวดให้ใครดูหรอกครับ ต้องตามเสด็จฯ ถึงจะได้เห็น เพราะฉะนั้น โครงการต่าง ๆ ที่ได้ทรงทำนั้น เรื่องต่าง ๆ นั้นทรงทำมากมาย ใครอยากอยู่ภาคกลางไปดูเขาหินซ้อน ภาคใต้ไปดูที่พิกุลทอง ภาคเหนือไปดูที่ห้วยฮ่องไคร้ ภาคอีสานไปดูที่สกลนคร ทั้งหมดนี้คือโรงเรียน ที่ทรงสอน ทรงแนะนำ และงานนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทำ ทรงทำงานตลอดทั้งหมด
ทรงส่งเสริมงานศิลปาชีพ
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็ทรงเป็นในพระราชวงศ์จักรีเหมือนกัน เป็นฝ่าย พูดธรรมดาก็ทรงเป็นฝ่ายหญิง ทรงไปดูเลยครับ ราษฎรอยู่ว่าง ๆ มีฝีมือในการทำ ไปเห็นผ้าเขานุ่งเขาถักเขาทำ แต่ทรงเห็นว่าเขานุ่งผ้าพรรค์อย่างนั้น เขาก็มัดหมี่ ทรงสนพระราชหฤทัยว่าเขาทำกันอย่างไร จนกระทั่งผ้ามัดหมี่นั้นขึ้นไปอยู่บนแฟชั่นโชว์ของชาวโลกมาดู ศิลปวัฒนธรรมทั้งหลายขึ้นไปอยู่บนโต๊ะ ไปอยู่ที่งานเลี้ยงประธานาธิบดีในต่างประเทศ เป็นไปนกยูงสีทอง เป็นอะไรต่าง ๆ ฝีมือจากชาวบ้านทั้งนั้นเลย นั่นละครับที่เรียกว่า งานที่เกี่ยวกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานไปให้ คือ งานที่ทรงทำนั้น ให้ราษฎรให้งานทำ มีศิลปะ แล้วก็มาทำเป็นศิลปาชีพพิเศษ
เสร็จแล้วก็ทรงห่วงใยบ้านเมือง เรื่องป่า เรื่องน้ำ ราชวงศ์จักรีทางฝ่ายหญิงที่จะได้พูดถึงวันนี้ ก็คือว่า สารคดีที่จะคุยวันนี้ เรื่องข้าวที่กำลังโวยวาย เอิกเกริก บางครั้งถ้าไม่เล่าให้ฟังก็คงจะไม่มีใครรู้ ถูกต้องครับ บ้านเราเก่งในการปลูกข้าว เรามีฝีมือในการปลูกข้าว สถาบันข้าวก็มีแต่ก่อนอยู่ฟิลิปปินส์ เราก็มีสถาบันข้าว มีพันธุ์ข้าว IRRI เหมือนกัน แต่ว่าเรามีกรมวิชาการเกษตร แต่ว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเกล้าฯ ว่า ควรจะมีโครงการข้าว ดูเรื่องข้าวโดยเฉพาะ สนพระราชหฤทัยเรื่องนี้ครับ ถ้าใครไปคุยกับกรมการข้าว จะรู้ว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเกล้าฯ ว่าให้เอาใจใส่เรื่องข้าว ให้เอาพันธุ์ข้าวมาดู เพราะทรงรู้ว่าข้าวถ้าปล่อยธรรมดา มีการปลูกทิ้งไว้ พวกเพลี้ย แมลง มารบกวนได้ แต่ต้องพัฒนาตลอด ทรงสนพระราชหฤทัยเรื่องนี้ ทำไมเมืองไทยมีข้าว ต่างชาติไม่มีข้าว เพราะโดนพายุพัด อะไรต่ออะไร ก็ผลิตไม่ได้ แต่ว่าเวลาที่เพลี้ยลง เกิดความเสียหาย ความเสียหายอย่างนี้ประเทศไทยเรามีน้อยมาก เพราะการพัฒนาเรื่องพันธุ์ข้าวไม่หยุด ล่าสุดเรื่องเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ที่มีข่าวเพราะไปปลูกทิ้งไว้ไม่เอาใจใส่ เอาข้าวพันธุ์เก่าปลูกซ้ำๆ ก็เกิดตัวนั้น จำนวนนิดหน่อย แต่จริงๆ แล้วถ้าไปดูรายงานของกรมการข้าว ปีกลายนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระชนมายุ 80 พรรษา มีข้าว 5 พันธุ์อย่างน้อยๆ ที่สุด เป็นความสามารถ เป็นสายพระเนตรที่ยาวไกล
มีพระราชเสาวนีย์ให้จัดตั้งกรมการข้าว
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชเสาวนีย์ให้จัดตั้งกรมการข้าวขึ้นมาใหม่ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดูแลด้านการวิจัย พัฒนาพันธุ์ข้าว การผลิตข้าว ให้ข้าวต้านทานโรค แมลง ตลอดจนสวัสดิการชาวนาไทย เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศเพื่อนบ้านเราประสบปัญหาเรื่องโรคระบาดของเพลี้ย เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพราะว่าปลูกข้าวสายพันธุ์ไม่ไวกว่าช่วงแสง สายพันธุ์เดียว จาก IRRI เมื่อประสบปัญหาโรคระบาดรุนแรงก็จะเกิดการทำลายล้างกันอย่างกว้างขวาง กรมการข้าวมีหน้าที่ ค้นคว้าวิจัยสายพันธุ์ตามพระราชเสาวนีย์ สามารถต้านทานโรค แมลงได้ ปีที่ผ่านมาได้พัฒนาสายพันธุ์ข้าวฉลองครบ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งนี้ ข้าวชัยนาท 80 ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ปทุมธานี 80 ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล หอมอุบล 80 ต้านทานโรคใบไหม้ รังสิต 80 ทนดินเปรี้ยว ต้านทานเพลี้ยกระโดยสีน้ำตาล และโรคขอบใบไหม้ พิษณุโลก 80 ข้าวไวแสง เป็น ข้าวนาปี ปลูกได้ดีในพื้นที่น้ำท่วม ให้ผลผลิตสูง เห็นไหมครับว่า เจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดินของเรานั้น ทรงเอาใจใส่ เพราะฉะนั้น เราคุยได้ว่า เกิดวิกฤติการณ์ เขาเกิดความเสียหายเวลาที่เข้าหลัก Supply Demand แล้วทำไมของเราไม่เสียหาย เพราะของเรานั้นได้มีการป้องกัน เรื่องอย่างนี้จะเรียกกันว่า ทรงปิดทองหลังพระ ก็ได้ ไม่ใครเอามาพูดถึงหรอกครับ แต่ว่าผมจะเอามาถวายพระเกียรติยศวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์
ขณะนี้ข้าวในตลาดโลกราคาแพง
เรื่องข้าวที่จะเล่าคุยต่อไปนี้นั้น มันเข้าระบบ คือ ยังผลิตได้ และไม่ถูกเพลี้ยทำลาย รู้ว่าจะต้องใช้ข้าวพันธุ์ไหน ปลูกข้าวที่ไหน อย่างไร ข้าวของเรา อธิบายให้ฟังง่ายๆ เพื่อไม่ให้ตื่นตกใจกันอีกต่อไป ก็คือว่า ข้าวเราผลิตเป็นข้าวเปลือกปีหนึ่ง 30 ล้านตัน โดยประมาณ 30 ล้านตัน นี้ เมื่อสีเป็นข้าวสารแล้วก็ประมาณ 20 ล้านตัน 20 ล้านต้น กิน 9 ล้านตัน ขาย 9 ล้านตัน เหลือ 2 ล้านตัน เก็บเป็นตัวสำรอง เพราะฉะนั้น ที่เขาพูดกันว่า เวลานี้รัฐบาลผมเข้ามา เกิดวิกฤติการณ์ข้าวแพง ก็มีข้าวอยู่ 2.2 ล้านตัน เก็บเอาไว้ ราคายังไม่แพง ตอนเก็บเกวียนละ 6,000-7,000 เท่านั้นเอง ถ้าสีออกมาแล้ว พูดกันง่ายๆ ว่า ต้นทุนกระสอบหนึ่งก็ราวๆ 1,100 บาท กระสอบละ 1,100 บาท 1 กิโลกรัม ก็ 11 บาท ข้าวถุงหนึ่ง 5 กิโลกรัม ก็ 55 บาท ตักตวงใส่ถุงใส่ถัง เขาขาย 70 บาท ทีนี้ถ้าจะทำอย่างนั้น ก็ทำลายสต็อก อย่าลืมนะครับเขาจะเก็บไว้ตรงนั้นทั้งหมด แล้วให้มันเก่าอยู่อย่างนั้น มันไม่ใช่เหล็ก ไม่ใช่ทองเหลือง ถึงต้องเก็บไว้ คำว่าเก็บไว้ 2.2 ล้านตัน แปลว่า เขาจะให้ข้าวใหม่ที่ออกมา คนเอาข้าวใหม่มาเขาก็เข้าระบบ ก็ไปจำนำรัฐบาล เขาก็ทำสต็อกไว้ โรงสีก็สี สีแล้วก็ให้รัฐบาล ก็รับเงินไป สีเพื่อเข้าไปเก็บ ที่เห็นเป็นคลังสูงๆ นั่นแหละคือที่เขาสต็อกเก็บข้าวไว้ และเขาต้องเอาออกไปขาย สต็อก 2.2 แปลว่า เขาเอาเข้าเอาออกเท่ากัน ข้าวต้องเปลี่ยนแปลง ปี สองปี ก็เก่าแล้ว ยางก็ไม่มีแล้ว เขาขายหมด แต่เขาถือว่าสต็อก 2.2 มี แล้วของจริงก็มีอยู่ ถ้าไปเอาของที่มีอยู่มาใส่ถุงราคาถูก ขายเอาหน้า ระบบของมันก็คือว่า ข้าวต่างชาติเขาขาดแคลน เขาต้องการซื้อมาก พูดง่ายๆ เราจะต้องขายมากกว่า 9 ล้านตัน เอาอีก 2 ล้านตัน ไปขายก็ได้เงินเยอะ ขายราษฎรเอาถูก เราไม่เลือกใช้วิธีนั้น ข้าวมีวงจรของมันออก ทุก ๆ 4 เดือน ข้าวนาปรังมีจังหวะการออกมา เมื่อออกมาแล้ว เขาก็ขายกินธรรมดา ข้าวพันธุ์ดีก็ขายไป จะเข้าไปที่เก็บ จะรับจำนำ แต่ละโรงสีเขาก็สี สีเสร็จแล้วก็เอามาเข้าส่วนกลาง คือ ตัวเลข 2.2 ที่ว่ามีอยู่ วงจรของมันคือเวลานี้ข้าวตลาดโลกแพง ถ้าเราเอาของถูกมาขายเอาหน้า ชาวนาได้อะไรครับ ไม่ได้หรอกครับ เพราะของเก่าอยู่ในสต็อก แต่ว่าของเก่าจะต้องให้ขายออกไปต่างประเทศธรรมดา และของใหม่ชาวนาจะได้ลืมตาอ้าปากบ้าง เพราะราคามันแพง ข้าวปัจจุบันก็จะแพงขึ้น แพงขึ้นพอสมควรแก่เหตุ และต่อไปก็จะไม่แพง เพราะเราผลิตของเราได้ตลอด และเราก็ไม่ได้ขายออกไปจนหมด
ข้าวในประเทศเพียงพอต่อการบริโภค
ที่พูดให้ฟังวันนี้ ฟังแล้วความตื่นเต้น ทำข่าวเอิกเกริกกันนี้ เข้าไปใน Supermarket ที่ไหนๆ ก็ตั้งข้าวทุกยี่ห้อแข่งขันกันใส่ถุง ใส่ถัง วางกันเป็นตับ สูงท่วมหัว เขาเคยซื้อถุง 2 ถุง ซื้อ 5 กิโลกรัม เอากิน หมดแล้วซื้อใหม่ ดันซื้อทีหนึ่ง 10 ถุง เคยซื้อ 1 ซื้อ 5 เคยซื้อ 5 ซื้อ 2 ซื้อ 10 แม่ค้าขายข้าวแกง ด้วยความกลัว ซื้อข้าวทีละกระสอบไปตั้งไว้แล้วก็ขายข้าวแกง ซื้อข้าว 20 กระสอบไว้ในบ้าน คือขายข้าวแกงต้องการราคาถูก แล้วอย่างไร มันก็หมด คนเคยซื้อ 1 ก็ซื้อ 5 คนเคยซื้อ 2 ไปซื้อ 10 มีเท่าไรก็หมด แต่เขาก็ส่งเข้าไปได้ เพียงแค่ว่าทยอยส่ง ปกติมันต่ำไป เขาทยอยส่งมา อันนี้หมดไปเขาก็ส่งกันมาได้ เขาผลิตได้ เขาส่งได้ เพราะของมีขายอยู่ กำลังนี้ 2-3 วันนี้ มีข้าวเต็มหมดทุกบ้าน แล้วเป็นประโยชน์ เขาเก็บเอาไว้สิครับ ถูกดี ซื้อไว้กลัวจะแพง ไม่แพงขึ้นไปกว่านี้หรอกครับ แล้วแพงขึ้นไปเท่าไร พูดกันชัดๆ เลยแล้วกัน ข้าวเคย 1,200 - 1,300 บาท แล้วขึ้นไป 2,500 บาท ขึ้นไปเท่าตัว แต่โดยเฉลี่ย ข้าว 1 ถัง 15 กิโลกรัม แพงขึ้นไปประมาณ 45- 50 บาท ก็แปลว่าข้าว 1 ถุง แพงอยู่ 15 บาท เคยขาย 105 บาท ก็ขาย 120 บาท ถ้าให้เข้าตามระบบ ชาวนาที่ปลูกข้าวก็จะได้ราคาดีบ้าง ถ้าไปงัดเอาของเก่าออกมาใส่ถุงข้าว แล้วเอาหน้า ผมขาย 70 — 80 บาท อย่างนี้ละก็ รัฐบาลได้หน้า แต่ราษฎร คนปลูกข้าวไม่ได้เงินเลย ก็เลือกเอาไว้ว่าให้หมุนเวียน ปล่อยธรรมชาติ แปลว่าข้าวมันแพง ให้แพงไปหน่อย เก็บของใหม่ราคาชาวนาจะได้แพงตามไปด้วย วงจรมันเป็นอย่างนี้
ที่ผมพูดอย่างนี้ แปลว่า ไม่มีวันหมด และเขาไม่ปล่อยให้ส่งออกไปจนหมด คนไทยไม่มีข้าวจะกิน ความตื่นเต้น เสนอข่าวกันเอิกเกริก จะเป็นจะตาย เรื่องอะไรกัน บ้านผม ไม่ละครับ ผมซื้อข้าวทีหนึ่ง เดี๋ยวนี้เขาขาย 50 กิโลกรัม ก็มี 4 เจ้าเท่านั้น ผมก็ซื้อทั้งนั้น ผมซื้อ 49 กิโลกรัม แล้วผมก็กินจนหมด นี่ผมก็ไม่ซื้อ ไม่ตุนเลย เพื่อให้รู้ว่าไม่ต้องตุน ไม่ต้องซื้อ เพราะราคาแพงขึ้นนิดหนึ่ง แต่มีขายเพราะเป็นของคู่บ้านคู่เมือง พันธุ์ข้าวก็เหมือนกันจะลักขโมยอะไรกัน ตำรวจตามจับแล้วกัน เขาประชุมกัน เขารายงานว่า พันธุ์ข้าวต่างๆ นั้น ผลิตออกมาทันพอที่ราษฎรจะไปปลูก ไม่มีหรอกครับที่จะไม่มีพันธุ์ข้าวปลูก ไม่มีเลย ราชการงานเมืองเรื่องนี้เขาทำของเขาเรียบร้อย เขาผลิตของเขาเลย ตรงนั้น 5,000 ตัน ตรงนี้ 6,000 ตัน สำหรับเป็นพันธุ์ข้าวปลูก อย่าลืมว่าเราผลิตข้าวปีละ 30 ล้านตัน ข้าวเปลือก สีออกแล้วได้ 20 ล้านตัน ขายไปต่างประเทศ 9 ล้านตัน เรากิน 9 ล้านตัน เหลือ 2 ล้านตัน ก็คือเก็บสต็อกไว้อย่างที่มี พอเกิดเหตุไปตรวจพบเหลือ 2.2 ล้านตัน ข้าวก็เป็นข้าวสีไว้แล้ว แต่ต้องเอาออกมาขาย แล้วอันใหม่ก็เก็บเข้าไปก็เป็นวงจร ระบบของเราดี และเวลานี้เพลี้ยกระโดดไม่ได้ทำลายทั้งบ้านทั้งเมือง นำของเก่าไปปลูกย่ำๆ ก็โดนกันเป็นแถบ แต่ว่าชาติบ้านเมืองนั้น เจ้านายของเราทรงเอาใจใส่ มีพระราชหฤทัยที่เป็นห่วงราษฎร ผมก็มาอ่านให้ฟังตรงนี้ เขาประชุมกันเมื่อวานนี้ ทั้งหมดนั้นท่านกรุณา ท่านไปซื้อไปเก็บไว้ให้เต็มบ้านท่าน ถึงจะรกก็มาตั้งเต็ม บ้านท่านรถไม่มีที่ ซึ่งจริง ๆ แล้วเขาก็ยังมีมาขาย แพงนิดหนึ่งก็ไม่มีปัญหา พอจ่ายได้ ไม่ได้ส่งเสริมอะไร แต่ระบบให้เข้าวงจรอย่างนี้ ชาวไร่ ชาวนาจะได้ราคาแพงขึ้นบ้าง
อธิบายข้อเท็จจริงต่าง ๆ ของบ้านเมืองให้ฟัง
ผมขอเรียนว่า เรื่องงานของนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่จะต้องทำอย่างที่ผมพูดวันนี้ ตื่นเต้น เอิกเกริกไป นายกรัฐมนตรีจะต้องรู้ข้อเท็จจริง และอธิบายให้ประชาชนฟัง แล้วต้องรับผิดชอบในสิ่งที่พูด ต้องอธิบายความให้ฟังได้ ตลอดเวลาที่ใครต่อใครอยากให้นายกรัฐมนตรี คุยแต่เรื่องงาน ไม่ต้องไปห่วงใยคนอื่น ผมถึงได้ขึ้นต้นบอกว่าถ้ารายการนี้จะเอาแบบนั้น มาถึงก็บอกบัดนี้กระทรวงนี้ทำอย่างนี้ อย่างนั้นก็ต้องเปลี่ยนชื่อเป็นรายงานการปฏิบัติงานของนายกรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ ทำอย่างนั้นละครับ แล้วใครที่ไหนจะมาดู ผมไม่ได้ต้องการจะให้คนมาติดตามดู ไม่ใช่ แต่ว่าบ้านเมืองมีปัญหาต่างๆ ถ้ามานั่งฟังกันอยู่ 1 ชั่วโมง ก็จะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร อย่างไร แค่ไหน อย่างน้อยที่สุดวันนี้ ผู้คนในบ้านเมืองเราจะรู้ว่า วันมหาจักรีบรมราชวงศ์ เป็นเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งอยู่คู่บ้านคู่เมืองนี้ และก็เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์นี่ละครับ ที่ทำให้คนไทยมีใจรวมอยู่ที่ศูนย์เดียวกัน เพราะเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งทรงมีพระคุณอันประเสริฐ ฉะนั้นในยามที่เป็นวาระซึ่งครบ 226 ปี เราก็ต้องนำมาเอ่ยถึงตามจังหวะ และนี่ละครับเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีว่ามีจังหวะสำคัญ
เมื่อคราวที่แล้วผมก็เล่าเรื่องงานของภูฟ้า โครงการของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วันข้างหน้าพระราชวงศ์ผ่านตรงไหนมา ผมก็ต้องหยิบมาพูดคุย ต้องการให้เราเห็นว่า บ้านเมืองของเรามีสิ่งที่คนอื่น ชาติอื่นเขาไม่มี แน่นอนครับใน 192 ประเทศในโลก ในสหประชาชาตินั้น หรือ 25 บัดนี้ก็เหลือ 24 ด้วยซ้ำไป ฉะนั้น เรื่องพรรค์อย่างนี้ เพราะเรามี มีแต่ว่าไม่มาก คิดเป็นเศษส่วนอย่างน้อย 192 นั้น จำนวนไม่มาก แต่ของเราแข็งแรง ของเรามีความผูกพัน ประเทศอื่นก็มี แต่ราษฎรเขากับสถาบันเขาอาจจะไม่ผูกพันกันแน่นหนา เขามีก็เรื่องของเขา เขาทำอย่างนั้น แต่ของเรามีก็ควรจะเป็นเรื่องของเรา เพราะฉะนั้น เมื่อเราเป็นอย่างนี้แล้ว เราก็จะต้องได้นึกถึงสถาบันที่ทำให้บ้านเมืองเราอยู่มั่นคงมาจนถึงบัดนี้ได้ เวลาตามสมควร
ชี้แจงกรณีโหรอ้างชื่อนายกฯ ไปพัวพันกับทหาร
ฉะนั้น ในเวลาที่มีเรื่องโน้นเรื่องนี้อะไรต่าง ๆ เราก็จับแยกออกจากกันได้ เช่น ข่าวเอิกเกริกในหน้าหนังสือพิมพ์ วันนี้วันนั้น ก็ว่าไปเถอะ ปัญหาก็คือ อย่างวันนี้ สมัครออกรายการต้องนั่น ไม่ละครับ คนอื่นพูดเยอะแล้ว คนที่เขามาแถลงอะไรต่างๆ ควรจะต้องมีความคิด มีความคิด เอาชื่อคนไปเกี่ยวพัน พัวพัน เอาชื่อนายกรัฐมนตรีไปพัวพันกับทหาร ว่าจะทำการปฏิวัติตัวเอง ทำคนโน้นคนนี้ ทำนายคนนั้นจะเป็นนายกรัฐมนตรี คนนี้ ผมว่าคนเป็นหมอดูควรจะคิดบ้างนะครับ ว่าที่พูดไปนั้นรุกล้ำกล้ำเกินไปบ้างหรือเปล่า ไปเที่ยวกล่าวอย่างโน้นอย่างนี้อย่างนั้น ผมว่าผมเสียหายนะ นี่ทำลายกันมานะเนี่ย ผมเสียหายแต่ผมจะยกประโยชน์ให้ก่อน นั่งคิดดูตัวเองซะก่อนหน่อยว่าที่พูดมานะเป็นอย่างไร ต้องการอะไร เป้าหมายเป็นอะไร หน้าที่หมอดูเขาต้องทำกันอย่างนี้หรือ แล้วหมอดูคนอื่นทำไมเขาหุบปากอยู่เฉยๆ ทำไมหมอดูคนนี้ต้องมาเคลื่อนไหว ทำไมถึงต้องกำหนด ต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมต้องออกข่าวทำพิธีต่อชะตาอย่างโน้นอย่างนี้ เป็นอย่างไร คนบอกว่าไม่ไปแล้ว มีคนไม่ไป ชวนคนโน้นคนนี้ไปทำพิธี วันพรุ่งนี้ วันที่ 7 เมษายน เขาจะทำพิธี เขาบอกด้วยแล้วถ้าใครไม่ไปก็ระวังไว้ด้วย หมอดูประหลาดไหม หมอดูรายนี้ประหลาดจริงๆ นะครับ ทีแรกก็บอกฟันธงไปโน้นเลย หมอฟันธง ไม่ใช่หมอลักษณ์นะ ยืนยันคนนี้เลย คนนี้แหละครับ นายคนนี้แหละครับ บอกเลย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกรัฐมนตรี แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ นายสมัคร ไม่มีทางเลย แล้วเป็นอย่างไร วันนี้ หมอพวกนี้มาพูดจาวันนี้เป็นอย่างไร ตกลงเป็นอย่างไรที่ทายไว้ แล้วมาทายใหม่ต้องการอะไรไม่เข้าท่า หนังสือพิมพ์ก็ประโคมกันเอิกเกริกเหลือเกิน เก่งกาจเหลือเกินคนนี้ แล้วทำไมทายไม่ถูกละครับ ออกข่าวเรื่องสำคัญต่างๆ เลย ทำไมทายไม่ถูกละ แล้วคราวนี้จะทำอย่างไร แล้วเขาต้องการอะไรที่ต้องมาแถลงอย่างนี้ ทำไมเอาคนอื่นไปพัวพัน เอา ผบ.ทบ. (พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก) เขาไปพัวพัน เอาชื่อผมไปพัวพัน ผบ.ทบ. ไปบอกเขาว่าเขาจะเป็นนายกรัฐมนตรีวันข้างหน้า พูดเอิกเกริกขนาดนี้ต้องการอะไร ต้องการอะไรกันครับ ต้องการให้บ้านเมืองเป็นอย่างไร
สื่อสารมวลชนทั้งหลายก็ประโคมกันเอิกเกริก ยกย่องสรรเสริญกัน ก็ทายผิดชัดๆ ยังยกย่องสรรเสริญกันอีกได้อย่างไร หมอคนนี้แหละครับที่ทายเอิกเกริกอยู่ ทายผิดชัดๆ เลย หมอไม่อายด้วย นี่มาทำอีกแล้ว แต่เอาชื่อผมไปเกี่ยวข้องไปพัวพัน หาว่าผมไปคบกับทหาร เตรียมทำการปฏิวัติ ได้อย่างไรครับ คนอย่างผมไปทำปฏิวัติได้อย่างไรครับ หมอจะเป็นโหรคณะปฏิวัติก็เป็นไปเถอะ แต่ว่าทำมาพูดจาพัวพัน ไม่ได้นะครับ ทำหน้าตาซื่อ ๆ เสี้ยวๆ ให้สัมภาษณ์อย่างโน้นอย่างนี้ มันทำไมล่ะ คิดอะไรขึ้นมา หรือใครเขาวานให้ทำอะไรอย่างไร หรือรับจ้างใครเขาทำกันมา เก่งขนาดไหนละครับ แล้วเก่งแล้วทำไมทายผิด ผมถามอย่างนี้แหละ เอาชื่อผมไปพัวพันกับ ผบ.ทบ. เขา มันเรื่องอะไรกันครับ มันต้องการทำอะไร ต้องการให้เกิดความเสียหายอย่างไร ผมไปทำอะไรให้ ตอนนั้นบอกผมไม่ได้เป็น อภิสิทธิ์ (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร) เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วตอนนี้ทำไม ไหนลองตอบสิว่าคราวที่แล้วทำไมทายอย่างนั้น เพราะอะไร อายไหม อย่างนี้อายไหม ลงข่าวกันเอิกเกริกใหญ่ มีการเชิญชวนให้ไปทำพิธี แล้วบอกเลย ผบ.ทบ. ถ้าไม่ไปแล้วก็ระวังใช่ไหมครับ ไหนบอกว่าเขาไม่ทำพิธีแล้วทำไมบอกว่าเขาจะเป็นนายกรัฐมนตรีวันข้างหน้า ท่านทายอะไรกันอย่างไรกันแน่ ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่ถ้าไม่พูดเลยมันจะไม่สมกับรายการพูดจาประสาสมัคร พูดจาประสาสมัครต้องพูดอย่างนี้ ต้องแสดงความคิดเห็นอย่างนี้ ต้องเอากันให้ชัดเจนครับ ยังไม่ถึงว่า 5 เสื่อมนั่นนะครับ 5 เสื่อมนี้ก็ไม่ค่อยรู้ตัวเองนะครับ ว่าตัวเองเสื่อมกันขนาดไหน นั่นก็เสื่อมนี่ก็เสื่อม นั่งว่าคนโน้นว่าคนนี้ เจ้าคนนี้ที่บ้านไม่มีกระจก ไม่ได้ดูตัวเอง ดูสิว่าหน้าตามันเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ไม่ได้เป็นการช่วยบ้านเมืองอะไรเท่าไรหรอกครับ อวดศักดามาแสดงเท่านั้นเอง
ผมว่าเวลาวันนี้ถวายเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินหมดแล้ว ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ อยากจะบอกท่านผู้ชมว่า อย่าวิตกทุกข์ร้อน อย่าคิดว่าผมจะต้องไปเที่ยวอาละวาดฟาดฟันกับใคร ถ้าหากว่าหมอดูมาทำนายเอาชื่อผมไปพาดพิงกับ ผบ.ทบ. แล้วผมไม่พูดถึง ผมก็เต็มที ผมต้องพูดถึง และผมจะบอกท่านพี่น้องทั้งหลายว่า บ้านเมืองนี้มันเข้าที่เข้าทางกำลังดำเนินการบริหารอยู่ และผมก็จะทำหน้าที่ต่อไป เอาเก่งจริงลองช่วยทายสิครับว่า วันอาทิตย์หน้าผมจะมาออกอากาศได้หรือเปล่า ลองทายดูสิครับ เอาให้ถึงสิ้นเดือนนี้ ถ้าผมอยู่เกินว่าอย่างไร อยู่เกินหมอไปแขวนคอตายไหม ถ้าทำไม่ได้ ทำนายทำไมครับ เกินเหตุ เกินหน้าที่ของหมอ บอกไว้รู้ไว้เท่านั้นแหละครับ วันนี้เวลาหมด วันอาทิตย์หน้าพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--