นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ.อุดรธานี เปิดการอบรมสัมมนา ?บทบาทท้องถิ่นไทยกับการกระจายอำนาจเพื่อการไปต่ออย่างยั่งยืน? ย้ำท้องถิ่นไม่ใช่รากหญ้า แต่เป็นฐานรากสำคัญของประเทศ
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (2 มีนาคม 2566) เวลา 10.00 น. ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดการอบรมสัมมนา ?บทบาทท้องถิ่นไทยกับการกระจายอำนาจเพื่อการไปต่ออย่างยั่งยืน? เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้รับทราบเกี่ยวกับบทบาทของท้องถิ่น ทิศทางการกระจายอำนาจ รวมถึงเพื่อเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการให้บริการประชาชน โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ผู้บริหาร ที่ปรึกษา สมาชิกสภาท้องถิ่น ข้าราชการและพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กว่า 5,000 คนจากทั่วประเทศ เข้าร่วม
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญ และขอขอบคุณผู้บริหาร อบต. ทั่วประเทศทุกท่านที่ดูแลพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี ทำหน้าที่สะท้อนปัญหาระดับพื้นที่ได้อย่างชัดเจน นำไปสู่การแก้ไขได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ และโครงการต่าง ๆ ไปสู่ท้องถิ่นให้บรรลุผลสำเร็จ สร้างประโยชน์สุขให้ทุกชุมชนทั่วประเทศตลอดมา ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งเดินหน้ากระจายความเจริญในทุกมิติ ทุกภูมิภาค ทั่วประเทศอย่างทั่วถึง ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อเป็นการวางรากฐานให้ประเทศไทยและท้องถิ่นไทยสามารถสร้างโอกาสให้แก่พื้นที่ตนเองได้อย่างยั่งยืน
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงศักยภาพและโอกาสของพื้นที่ต่าง ๆ ได้ผลักดันการขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ท้องถิ่นไทยทุกแห่งมีเศรษฐกิจในระดับพื้นที่เข้มแข็งและมีสังคมที่น่าอยู่ ทั้งการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษและพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจทั่วประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจใหม่และยกระดับรายได้ของพี่น้องในพื้นที่ ส่งเสริมให้ประชาชนในท้องถิ่นมีคุณภาพชีวิตที่ดี สะดวกสบาย สามารถเข้าถึงบริการของภาครัฐได้อย่างรวดเร็ว และเท่าเทียม
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาท้องถิ่นไทยมาโดยตลอด โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมให้ท้องถิ่นสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมุ่งเน้นการขับเคลื่อนการบูรณาการทำงานร่วมกัน ระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น และยังรวมถึงภาคเอกชน ที่เป็นภาคีสาคัญของภาครัฐเสมอมา พร้อมชื่นชมชาวท้องถิ่น ผู้บริหาร อบต. ทุกแห่งทั่วประเทศ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน ที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาความเจริญในระดับพื้นที่ ผลักดันการดำเนินงานของภาครัฐให้เกิดผลสัมฤทธิ์ รวมทั้งขอฝากให้ผู้นำท้องถิ่นช่วยกันแก้ไขปัญหาค่าฝุ่น PM 2.5 และหวังให้ผู้บริหารส่วนท้องถิ่นนำความรู้ที่ได้รับ และจากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงานระหว่างกัน นำมาปรับใช้ในการบริหารจัดการตามบริบทพื้นที่ของตนเอง นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน องค์กรท้องถิ่นและประเทศชาติต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th