นายกฯ ประชุม คทช. ไฟเขียวแนวทางการใช้เส้นปรับการสำรวจแนวเขตปี พ.ศ. 2543 เพื่อใช้แก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐซ้อนทับกัน ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน เตรียมเสนอ ครม.พิจารณา
วันนี้ (10 มี.ค. 66) เวลา 09.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ครั้งที่ 2/2566 ร่วมกับพลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมสรุป ดังนี้
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาล คทช. และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พยายามดำเนินการแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้กับประชาชนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง แม้ปัญหามีความซับซ้อนหลายเรื่อง แต่ก็ขอให้ทุกคนช่วยกันทำอย่างเต็มที่ให้ดีที่สุด ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทำงานให้เร็วแต่ต้องไม่ผิดพลาด และร่วมกันเดินหน้าขับเคลื่อนการทำงานต่อเนื่อง ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ยังมีอยู่ ให้ประชาชนได้มีทำกินที่ถูกต้องในการสร้างอาชีพและรายได้ มุ่งให้ประชาชนอยู่รอด ปลอดภัย พอเพียง และยั่งยืน นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำ ทำให้ประชาชนมีความสุข
ที่ประชุม คทช. มีมติเห็นชอบแนวทางการใช้เส้นปรับการสำรวจแนวเขตปี พ.ศ. 2543 เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐซ้อนทับกันในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน โดยให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดปราจีนบุรี ร่วมกันตรวจสอบข้อมูลพื้นที่ที่ไม่ชัดเจนภายหลังจากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน และเร่งรัดดำเนินการสำรวจเพื่อจัดทำแนวกันชน (Buffer Zone) ที่ชัดเจน ส่วนการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม สำหรับการดำเนินงานในพื้นที่ที่กันออกจากเขตอุทยานแห่งชาติทับลานให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ และกรมป่าไม้ ส่งมอบพื้นที่ให้ ส.ป.ก. ดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ประชาชนอยู่อาศัยทำกินตามแนวทาง คทช. โดยให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และระเบียบ สำหรับพื้นที่ผนวกเพิ่มเป็นอุทยานประมาณ 110,000 ไร่ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ พิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป โดยให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ และมีส่วนร่วมในการดำเนินการและมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ ครม. ต่อไป
รวมทั้งที่ประชุมได้พิจารณาการแก้ไขปัญหาพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่กองทัพภาคที่ 3 ส่งคืนกรมป่าไม้ ท้องที่อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ดังนี้
1) เห็นชอบให้กรมป่าไม้ดำเนินการเพิกถอนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่กองทัพภาคที่ 3 ส่งคืนกรมป่าไม้ ท้องที่อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เนื้อที่ประมาณ 75,675 ไร่ ให้กรมธนารักษ์ไปดำเนินการตามกฎหมายที่ราชพัสดุและระเบียบที่เกี่ยวข้อง สำหรับพื้นที่ที่คงสภาพป่าไม้ เนื้อที่ประมาณ 12,688 ไร่ ให้กรมป่าไม้เร่งรัดดำเนินการเพื่อรักษาความสมบูรณ์ของสภาพพื้นที่ป่าไม้ รวมทั้งการสำรวจเพื่อจัดทำแนวกันชน (Buffer Zone) ที่ชัดเจนต่อไป
2) เห็นชอบการมอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์พิจารณาดำเนินการตามพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2562 ในการแต่งตั้งคณะกรรมการการเข้าทำประโยชน์ในที่ดินราชพัสดุที่รับมอบจากกรมป่าไม้ ในพื้นที่อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ พิจารณาจัดทำหลักเกณฑ์การเข้าทำประโยชน์ในที่ดินราชพัสดุที่รับมอบ ร่วมกับกรมป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ดำเนินการ โดยตรวจสอบและจำแนกกลุ่มราษฎร ประกอบด้วย ราษฎรรายเดิมที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ราษฎรที่อยู่มาก่อนและหลังมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 เพื่อใช้ข้อมูลดังกล่าวเป็นแนวทางในการกำหนดอัตราค่าเช่าพื้นที่ และจัดทำแผนการบริหารจัดการพื้นที่ที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการอนุรักษ์และรักษาความสมดุลทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดความโปร่งใสถูกต้อง เป็นธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ
3) เห็นชอบการดำเนินงานในพื้นที่ที่ตรวจยึดดำเนินคดีให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมและไม่ตัดสิทธิบุคคลในพื้นที่ที่ต้องการเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองที่ดินของรัฐตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่ คทช. กำหนด และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงการคลังดำเนินการต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th