วันนี้ (31 มีนาคม 2566) เวลา 16.00 น. ณ ห้องประชุมวิโรจน์ อิ่มพิทักษ์ อาคารศูนย์เรียนรวม 4 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานการแถลงข่าว "โครงการโคล้านครอบครัว" โดยมี นายเกียรติศักดิ์ ทองสุระวิโรจน์ รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากองทุนหมู่บ้านและเสริมสร้างศักยภาพชุมชน รศ.ดร.รังสรรค์ พาลพ่าย สาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพสำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี คุณประสาท บุญญานันท์ เจ้าของบังอรฟาร์ม ประธานกลุ่มวิสาหกิจวากิวโคราช อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ตัวแทนเกษตรกรผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงโค อาจารย์นายสัตวแพทย์ ดร.ธนพล หนองบัว รองคณบดีฝ่ายนวัตกรรมวิจัย และบริการวิชาการ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และ นายธนูศร ปัญญาสาร ประธานเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จังหวัดนครพนม ร่วมด้วย . โครงการ "โคล้านครอบครัว" จัดขึ้นโดยสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ดำเนินโครงการในวงเงินงบประมาณ 5,000 ล้านบาท ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จำนวน 79,610 กองทุน มีกำหนดระยะเวลา 4 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกกองทุนที่เข้าร่วมโครงการสามารถกู้ยืมเงินทุนสำหรับเลี้ยงโค กระบือ แพะ แกะ ไม่เกิน 50,000 บาท/ครอบครัว จะมีประชรวมทั้งสิ้นจำนวน 100,000 ครัวเรือน . รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความเป็นห่วงประชาชนที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะภาคการเกษตร ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าประสบปัญหาจากการเพาะปลูก ผลผลิตทางการเกษตรไม่เป็นไปดังคาดหวัง ประกอบกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เกษตรกร ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ มีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก ขาดรายได้ และบางรายประสบปัญหาหนี้สิน ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยและสั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งแก้ปัญหาความยากจนโดยด่วน ในฐานะที่ตนกำกับดูแล สทบ. จึงได้สั่งการให้หน่วยงานศึกษาข้อมูล และริเริ่มดำเนินโครงการที่ทำให้ประชาชนหลุดพ้นจากความยากจนได้อย่างยั่งยืน จนกระทั่งเกิดเป็นโครงการ "โคล้านครอบครัว" . สำหรับการแถลงข่าวในวันนี้ เป็นการประกาศความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่พร้อมเดินหน้าทำโครงการสู่ความสำเร็จให้เกษตรกรมีรายได้อย่างยั่งยืน มั่นคง ซึ่งได้มีนักวิชาการร่วมเสวนาภายใต้หัวข้อ "ชี้ช่องรวยด้วยโครงการโคล้านครอบครัว" โดยวิทยากรถ่ายทอดความรู้ตั้งแต่ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ มีการให้ความรู้กระบวนการเลี้ยงโคอย่างมีคุณภาพ การเตรียมความพร้อมในการเลี้ยงเพื่อให้สามารถทำกำไรสูงสุด รวมถึงประสบการณ์จากประธานเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่ประสบความสำเร็จจากการเลี้ยงโค และ เชฟชุมพล วิทยากรรับเชิญ ที่ถ่ายทอดแนวคิดการนำเนื้อโคไปประกอบอาหาร เพิ่มมูลค่าวัตถุดิบ และความเป็นไปได้ของตลาดโคเนื้อไทยในเวทีโลก เป็นต้น . "สมาชิกกองทุนหมู่บ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งเป็นกลุ่มคนจำนวนมากของประเทศ และยังเป็นกลุ่มที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจหลักของประเทศ ผมได้เสนอแนวคิด "เงินบาทแรกของแผ่นดิน" ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่เกิดจากน้ำ จากดินที่อยู่ให้ภาคการเกษตร ที่จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าได้ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรรม จากการศึกษา ค้นคว้า และทดลองเป็นระยะเวลานาน พบว่าการทำปศุสัตว์ เช่น การเลี้ยงโค จะเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้เกษตรกรทวีคูณ ผมจึงนำแนวคิดนี้มาทำโครงการช่วยเหลือประชาชน โดยผ่านการดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) ผมค้นพบว่าการเลี้ยงวัวเลี้ยงไม่ยาก วัวกินแต่หญ้า เริ่มแรกสมาชิกจะได้รับการสนับสนุนวัว 2 ตัว เมื่อผ่านระยะเวลา 1 ปี จะได้ผลผลิตเพิ่มเป็น 4 ตัว และปีต่อๆ ไปจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นทวีคูณ จากการสนับสนุนเงินทุนตั้งต้น 50,000 บาทแรก ผมมั่นใจว่าไม่เกิน 3 ปี จะสามารถคืนเงินทุนได้ทั้งหมด และปีต่อๆ ไปถือเป็นกำไรให้พี่น้องประชาชน ภายใน 6 ปี ประชาชนจะสามารถจับเงินล้านได้ไม่ยาก ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นรายได้ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน และเป็นหนทางสู่ความร่ำรวยได้ในอนาคต" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
ที่มา: http://www.thaigov.go.th