แท็ก
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
นายสมัคร สุนทรเวช
สนทนาประสาสมัคร
โอลิมปิค 2008
นายกรัฐมนตรี
NBT
นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการจัดวิ่งคบเพลิงโอลิมปิค 2008 ในประเทศไทย เป็นที่เรียบร้อยเพราะถือเป็นหน้าตาของประเทศ และแยกการเมืองออกจากการกีฬา
รายการ “สนทนาประสาสมัคร”
โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT)
และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2551 เวลา 08.30-09.30 น.
------------------------------------------
การวิ่งคบเพลิงโอลิมปิคเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ 08.30 น.หลังพระเทศน์นะครับ สนทนาประสาสมัคร สมัครพบกับท่านเหมือนอย่างเคย คงจะต้องเริ่มต้นด้วยการขอบพระคุณทุกฝ่ายที่ได้ช่วยให้การวิ่งคบเพลิงโอลิมปิคเมื่อวานนี้เป็นไปโดยเรียบร้อย ขอบพระคุณท่านรองนายกรัฐมนตรี พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเลยครับ ไม่มีปัญหา นอกจากมีคนมาฉกแย่งคบเพลิง ฟังดูแล้วชอบกล เมื่อเช้าฟังคุณคริสโตเฟอร์ เบญจกุล พูดยังไม่ทราบเลยว่าตกลงมีคนมาเอาไปเก็บไว้ให้หรืออย่างไร จนป่านนี้ยังไม่รู้เรื่องกันเลยครับ แต่ว่าถ้าใครไปฉกฉวยทำอย่างนั้นอย่างนี้เลวจริง ๆ ผมเสียดายนิดหน่อยตรงที่ว่า การที่คนวิ่งคบเพลิง ใจผม ๆ คิดของผมเอง ผมคิดว่ามันจะต้องผ่านย่านธุรกิจ ต้องผ่านวัด วัง อะไรต่าง ๆ ควรจะเป็นนักวิ่งคบเพลิงวิ่ง และเวลาถ่ายออกมาแล้วควรจะผ่านแถววัดพระแก้ว มีวัดพระแก้วเป็น background ถ้าเผื่อถ่ายแต่ละเส้นแต่ละทาง เอามายืนเฉย ๆ เปลี่ยนตลอด ๆ คือนักวิ่งควรจะวิ่งอยู่ตรงกลาง แต่ทีนี้ไปแห่ห้อมล้อมกันเต็มหมด เหมือนกับว่ากลัวว่าใครทำอะไร ถ้าเห็นว่าไม่มีใครทำอะไรแล้ว ก็น่าจะปล่อยให้เขาวิ่งอยู่ตรงกลาง และก็ควรดูข้าง ๆ วิ่งเหยาะ ๆ ข้าง ๆ ถ่ายให้สวยงาม อย่างไรก็ตามแต่ก็เรียบร้อย วิ่งได้ 10.6 กิโลเมตร ครบถ้วน ก็เป็นหน้าเป็นตาของบ้านเมืองเรา แปลว่าเราแยกออก การเมืองคุณจะว่าก็ว่าไป อย่ามายุ่งกับเรื่องนี้ เรื่องนี้การกีฬาของเราแท้ ๆ
ยกเลิกประกาศใช้กฎอัยการศึก
อาทิตย์ที่ผ่านมาต้องเล่าให้ฟังหน่อยมีการประชุม เขาไปประชุมกันเรื่องเกี่ยวกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ เขานัดประชุมมานาน ผมก็เลื่อนไปเลื่อนมา เพราะวันประชุมมันติดพันกันรุรังพันเต ก็ได้พูดจากัน สำคัญที่สุดคือเขาได้เสนอว่าจะยกเลิกกฎอัยการศึก 179 อำเภอ ทั้งหมด 31 จังหวัด กำลังเสร็จสิ้นหมดแล้ว ที่จะมีอยู่ตรงไหนฉุกเฉิน ทางฝ่ายกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เขาจะขอมาโดยจะใช้กฎหมายความมั่นคง เขาไม่ได้ใช้ทั้งประเทศ เขาใช้บางจุดบางส่วนที่จำเป็นจะต้องใช้ ก็ใช้กฎหมายความมั่นคง นอกนั้นเขามาขอต่ออายุ ต้องประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นพิเศษ ผมไม่อยากอยู่ดี ๆ ผมประกาศ ให้ยุ่งยากประกาศใหม่นะครับ เสร็จสิ้นวันที่ 19 เมษายน ผมบอกว่าวันที่ 18 เมษายน ผมเรียกประชุมได้ วันที่ 18 เมษายนผมเลยเรียกประชุมให้ เสร็จแล้วก็ต่ออายุไปอีก 3 เดือน เป็นครั้งที่ 11 ทั้งหมดใช้มาแล้ว 30 เดือน ต่อใหม่อีก 3 เดือน ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่มาชี้แจง ก็ถามถึงความแตกต่าง แตกต่างกันเยอะครับ ไว้ให้ผมรายงานสภาเสียก่อน และท่านคงจะได้แลเห็นว่าแตกต่างกันอย่างไร สมัยก่อนนี้ไม่นานมานี้ครับมีความหนาแน่นอย่างไรถี่มากอย่างไร และหลังจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการหมดแล้ว ห่างลงไปอย่างไร และสามารถควบคุมได้อย่างไร เวลานี้เรียนได้ว่ามีความคืบหน้า ทางฝ้ายทหารก็จัดการ คือทหารไม่ได้ผลัดนี้ไปผลัดนี้กลับ ไม่ครับ อยู่เหลื่อมกัน 1 เดือนครับ อยู่สั่งเสียกันเสร็จเรียบร้อยถึงจะถอยกลับมา อยู่ 1 ปีมีความคุ้นเคย สถานการณ์ต้องพูดได้ว่าดีขึ้น และผมจะพูดให้ชัดเจนเลยว่าทำไมผมไม่ลงไป วันหนึ่งจำเป็นผมจะต้องลงไปดู แต่ว่ากำลังนี้ไม่ลงไป ไม่ก่อความยุ่งยาก รัฐมนตรีลงไปก็มารับ ลูกน้องยกไปยิ่งยุ่งยาก และเป็นจุดเหมือนกับยั่วกิเลสให้เขามาก่อกวนให้รุนแรงขึ้น อะไรทำนองนั้น ตอนนี้เขาเรียกว่าพอเอาอยู่ครับ สถานการณ์นะครับ
เยี่ยมค่ายทหารในกรุงเทพฯ
ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติแล้ว ยกเลิกกฎอัยการศึกไปแล้ว ผมพอมีเวลาเหลือ ก็วิธีการแบบผมครับ ไปเยี่ยมค่ายทหารในกรุงนี่ละครับ ต้องการจะมาเรียนท่านพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายที่ลูกท่านไปเกณฑ์ทหารมาวันที่ 1 เมษายนนี้ 1 พฤษภาคม เขาจะเอาเข้าผลัด 1 ผมก็ไปเจอพวกผลัด 2 เขาเข้ามาเมื่อเดือนพฤศจิกายน ก็ไปขอดูเขา ผมไปไม่บอกนะครับ คือว่าผมรู้จักผบ.พันก็แจ้งผบ.พันว่าผมขอไปดูหน่อย คือการต้องการแค่นั้น จะไปดูโรงฝึก ดูการฝึก ดูโรงนอนและดูโรงเลี้ยง 3 อย่าง ปรากฏว่าบอก ผบ.พันไปว่า 15 นาที บอกเสร็จ 15 นาทีผมก็ไปถึงสถานที่ ก็ไปดู ค่ายเรียบร้อยดี สะอาดสะอ้านดี ที่นอนเป็นตึกเพราะอยู่ในเมือง ถ้าเผื่อไปอยู่ต่างจังหวัดอาจจะเป็นเรือนไม้ ทหารยังต้องนอนกางมุ้งบอกว่าใส่มุ้งลวด มุ้งลวดใส่ได้ครับแต่กลายเป็นที่ขังยุง มุ้งดีกว่า เพราะไปชนบทยังต้องใช้มุ้งด้วย ก็ไปดูเหมือนกับไป ดูหน่อยว่าเขานอนอย่างไร กินอย่างไร และดูอาหาร ก็เรียบร้อยดีครับ มีแกงป่าหม้อหนึ่ง ผัดจืดหม้อหนึ่ง ก็ชิมดู ไม่น่าเชื่อ แกงป่าใส่น้ำตาลหวานหน่อย ผมก็ต้องติไปหน่อยว่าแกงป่าไม่ใส่น้ำตาลครับ แกงคั่วใส่ แกงส้มใส่ พะแนงใส่ แต่แกงเผ็ด แกงป่า ไม่ใส่ ก็บอกทางฝ่ายสูทไปแล้ว สุดแท้แต่จะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่ว่าผัดจืดเขาดีครับ ไม่มีหวาน มีแกงป่า มีผัดจืด ถ้าวันพุธมีขนม ก็อยู่กันเรียบร้อยดี เวลาที่เขาเห็นปัญหาของเขาก็ช่วยกันแก้ไขให้เขาหน่อย เขามีปัญหาเล็กน้อย ซึ่งเราพอจะแก้ไขได้ ผมจะจัดการสั่งแก้ไขให้
งานพวกนี้ที่มาเรียนก็คือว่าท่านพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายที่ท่านมีลูกเข้าไปฝึกทหาร สถิติหลัง ๆ นี้ไม่มีใครหนีกลับบ้านเลยครับ คือไปดูไปพบเขาอยู่ 3 เดือนแรก คือเขาทำให้รักกองทัพ ให้เข้าใจอะไรทั้งหมดเรียบร้อย แล้วถึงจะไปฝึกแยกเข้ากองร้อยต่าง ๆ ระบบเขาดีครับ และท่านจะเห็นเลยครับ ถามทหารบอกว่ากลับไปเยี่ยมบ้านไหม ไปแล้วครับได้ไปหนหนึ่ง ให้ไปตั้งหลายวัน และแต่งตัวไหม แต่งตัว แต่งเครื่องแบบไป พ่อแม่ลูกดีใจกันใหญ่แต่งเครื่องแบบทหารกลับไปเยี่ยมบ้าน แต่เราจะไม่เห็นทหารเดินเตร็ดเตร่ตามถนนหนทางอะไรต่าง ๆ ผมแจ้งไปเลยว่าพวกที่แต่งชุดลายพราง กองทัพเขากำลังดำเนินการ ใครมีผมให้ไปย้อมดำรู้แล้วรู้รอดไป ซื้อมาแล้วไปย้อมสีดำ ต่อไปลายพราง ทหารเขาเดือดร้อน ไปทำอะไรเสียหาย แล้วก็นึกว่าทหารไปทำ ไม่รู้เรื่องอะไรที่โรงเกลือ เอาชุดพรางมาขายกัน ถ้าเผื่อว่าพ่อเขาเสียชีวิต ลูกเขาจะแต่งตัวเล็ก ๆ แต่งตัวน่ารักไม่มีปัญหา แต่คนโต ๆ ไปซื้อมาใส่หาเรื่องแท้ ๆ ไปแล้วก็ได้คุย อยู่ที่นั่นค่อนชั่วโมงเท่านั้นครับ แม่ทัพนายกองมาหมดเลยครับ ท่านก็ดี เขาบอกตามระเบียบของเขาครับ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไปเยี่ยมค่าย เขารู้ทีหลังก็มา ท่านแม่ทัพภาค 1 ก็มา อยู่ในความดูแลของท่านครับ มากันหมดครับ ก็เรียบร้อยดี ขอบอกขอบใจกันระหว่างที่มาช่วยดูแล ผมต้องการไปดูเพื่อจะเอามาบอก วันหลังผมจะไปดูที่ต่างจังหวัดว่าแตกต่างกันอย่างไรกับในกรุง ใครที่ให้ไปฝึกทหารเขาไปดีนะครับ และเขากลับมาเขาก็จะดี เขาจะเป็นคนมีระเบียบวินัย และเขากินดีอยู่ดีครับ เรียบร้อย ผมก็ถามตามประสาผมที่ชอบดูหนังฝรั่งจ่ากองร้อยครับ จ่ากองร้อยต้องดุเดือดนะครับ เข้าไปส่วนมากเกลียดจ่ากองร้อย แต่ตอนจบต้องรักทุกคน เหมือนในหนัง วันทยหัถต์รายงาน เสียงดังฟังชัดเลย ไปแล้วก็กลับมาเล่าให้ฟังหน่อย
เร่งดำเนินการก่อสร้างรถไฟรางคู่
อาทิตย์หน้าจะประชุมเรื่องรถไฟรางคู่ จะประชุมกันให้ถี่ถ้วนลงมืออย่างไร ๆ ถ้าลงมือทำทันที ผมจะต้องปรึกษาหารือกับเขาหน่อย คือถ้าเขาเชื่อเรื่องรถไฟรางคู่ แล้วขยายอันใหญ่ ก็จะทำซีกหนึ่ง อีกซีกยังอยู่อย่างเก่า และต่อไปอีกซีกหนึ่ง ถ้าหากว่าการชักจูงของผมเชื่อ แต่ว่ากำลังนี้ไปประชุมหลายประเทศมา ต้องไปชักชวนต่างประเทศ คือกำลังนี้ที่ไปประชุมที่ สปป.ลาวมา เขาประชุมกัน 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง คือแม่โขงลากลงมา 4,000 กิโลเมตร จีน-จีน จีน-พม่า พม่า- ลาว ลาว-ไทย และกัมพูชา-กัมพูชา ขึ้นทางเวียดนาม คือหันหน้าลงทะเล 6 ประเทศในภูมิภาคนี้ รวมกันแล้วเวียดนาม 84 ล้านคน ไทย 63 ล้านคนบวกสปป.ลาว 7 ล้านคน เป็น 70 ล้านคน แล้วกัมพูชา 14 ล้านคน พม่า 53 ล้านคน ข้างบนมีจีนเขาเอามา 2 มณฑล มณฑลกวางสีมี 40 ล้านคน มณฑลยูนนานมี 50 ล้านคน รวมเป็น 90 ล้านคน ทั้งหมด 6 ประเทศเขาเรียกว่าอนุภูมิภาค ก็เอา 6 มารวมกัน 312 ล้านคน ใครจะคิดใครจะผลิตใครจะทำอะไร ทำถนนหนทางเชื่อมโยงกัน ได้ประโยชน์แน่นอน ก็เอามาเล่าให้ฟังหน่อยเท่านั้นครับว่าเรื่องรถไฟต้องประชุมกันอย่างดี คือทำเร็วลงมือทันที เขาจะให้เอารางอย่างเก่า แต่ว่าผมยังคิดว่าถ้าเร็วขึ้นปลอดภัยขึ้น ควรจะเป็นรางอย่างใหม่ จะรายงานให้ทราบในการประชุม ทุกอย่างเริ่มต้น อาทิตย์ถัดไปจะเรื่องน้ำ งานก็ต้องทำอย่างนี้ละครับ เป็นขั้นเป็นตอน
วิศวกรรมสถานฯ ทำแบบจำลองการไหลของน้ำ
และผมขอเรียนยืนยันว่าอย่างเรื่องน้ำ ก่อนที่เราจะลงมือมีคนมาช่วยนะครับ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย จะจัดประชุมประจำปี ขอแรงให้รัฐบาลร่วมมือ ผมบอกว่าอย่างนั้นร่วมมือกับผมหน่อย เขาจะทำหุ่นจำลอง ที่ผมพูดทั้งหมด จะทำเป็นหุ่นจำลองเลยเอาน้ำไหลจริงเลย น้ำมาได้อย่างไร ดู Elevation ทั้งโน้นสูงอย่างไรทางนี้ต่ำอย่างไร อ่างจะเก็บจะทำอย่างไร และท่อจะวางอย่างไร เขาจะทำให้ดู อย่างนี้ก็ช่วยกันร่วมมือกันครับ
ราคาข้าวเป็นไปตามอุปสงค์อุปทาน
ถัดไปต้องบอกว่า ช่วยบอกหน่อยวันนี้ต้องพูดเรื่องข้าวกับเรื่องปุ๋ย ข้าวไม่มีปัญหาหรอกครับ ตกลงเป็นอันว่าถูกต้องครับ เป็นเรื่องของ Supply Demand อุปสงค์อุปทาน แต่ถ้าราคาสูงเกินไป เขาก็ว่าเราปั่นราคา แต่อย่างไรก็ตามแต่ ราคานั้นสูงขึ้นไปอยู่ และเราได้ทำระบบแล้วว่าให้การซื้อขายเก็บทยอยกันมา ข้าวที่เก็บไว้ขายออกไป ทางนี้ก็ซื้อข้าวเก็บทยอย แต่ว่าเขาก็ยังอยากจะบอกว่า เขาอยากจะเก็บข้าวนาปีเป็นข้าวดีกว่า ก็สุดแท้แต่ แต่ว่าข้าวประมาณ 2 ล้านจะอยู่ในความปลอดภัย แน่นอนไม่มีปัญหา แต่ว่าท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์) ท่านฝากบอกมา คือท่านไปคำนวณตัวเลข ท่านฟังให้ดีนะครับ เราผลิตข้าวเปลือกเอาถ้วน ๆ 31 เราใช้ 30 ผลิตข้าวเปลือกได้ปีละ 30 ล้านตัน สีเป็นข้าวสารแล้วถือว่า 20 ล้านตันโดยประมาณ และกิน 9 ล้านตัน ขาย 9 ล้านตัน เหลือ 2 ล้านตันคือสำรองไว้ แต่จริง ๆ คุณมิ่งขวัญท่านเป็นคนถี่ถ้วน ท่านไปเอานักวิชาการมาประชุมกัน ที่กินข้าวความจริงไม่ใช่ครับ ความจริงกิน 6.6 ล้านตัน ถี่ถ้วน ประชากรเอาเฉลี่ยคนอ้วนคนผอมคนกลาง เชื่อไหมครับคนเรากินข้าวมื้อหนึ่งถ้ากินข้าวทุกมื้อ 100 กรัม คือขีดเดียว ท่านลองดูเอาข้าวสารไปใส่ ข้าวสาร 1 กิโลกรัมก็ 1,000 กรัม เอามา 1.10 กำมือเดียววาง 1 ขีด ลองดู นั่น 1 ขีด พอหุงมาแล้ว 1 จาน กินธรรมดาอย่างนั้นละครับ พูดง่าย ๆ ว่ากินมื้อจะ 1 แต่เรากินมื้อละ 100 กรัม 1 ขีด กิน 3 มื้อ 3 ขีด 3 ขีดนี่ละครับจะบอกให้ฟังว่า แต่ก่อนนี้ขีดละหกสลึง เดี๋ยวนี้ขีดละ 3 บาท
ที่พูดตรงนี้ไม่ใช่มาชักชวนอะไรครับ มันเป็นส่วนย่อยที่ท่านทั้งหลายจะช่วยเสียสละตอนนี้หน่อยเพื่อชาวนา คือข้าวธรรมดากระสอบละ 1,100-1,200 บาท ข้าวสารนะครับ เดี๋ยวนี้ขาย 2,500 บาท แพงขึ้นมาเท่าตัว เมื่อเฉลี่ยลงมาแล้วก็ปรากฏว่า มื้อละ 1 ขีด วันละ 3 ขีดครับคนเรากินข้าว เพราะฉะนั้นมื้อละ 3 บาท แต่ก่อนกินมื้อละหกสลึง (1.50 บาท) ค่าข้าว เดี๋ยวนี้เป็น 3 บาท เท่านั้นละครับดูเหมือนตั้งเท่าตัว 100 เปอร์เซ็นต์ ถูกต้องครับ แต่ว่าเงิน 3 บาท จาก 1.50 บาท เป็น 3 บาท แล้วชาวนาจะได้ไปเท่าตัว คือชาวนาเคยขายข้าวได้เท่าไร ได้แพงขึ้น เคยขายข้าว 6,000, 7,000, 8,000 ประกัน เดี๋ยวนี้ขายได้ 15,000 ข้าวหอมมะลิขายเป็น 30,000 เพราะฉะนั้น เขาก็มีว่าเรื่องอย่างนี้ให้ผมช่วยบอกหน่อยว่าเรื่องการจะอดจะขาดไม่มีแน่นอน แต่อยากให้รู้ว่าการที่ท่านเสียสละหน่อย ตัวเลขทอนแล้วเล็กมาก กินข้าว 1 มื้อแต่ก่อนข้าวตักมาจานหนึ่ง 1.50 บาท เดี๋ยวนี้เป็น 3 บาทเท่านั้นละครับ ให้รู้ว่าเราเสียสละไม่มาก แต่ชาวนาจะได้ราคาแพงกว่าเดิมเท่าตัว เรื่องรายได้ผมเป็นคนนิยมไม่พูด แต่กำลังดำเนินการอยู่ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไรเพราะรายได้กับรายจ่ายห่างกันมาก ก็ให้เข้าใจตรงนี้
จับผู้ที่ทำปุ๋ยปลอมออกจำหน่าย
พอถึงข้าวแล้วก็เรื่องปุ๋ย วันนี้เขาจะขายปุ๋ยลดราคาต่าง ๆ แต่จริง ๆ แล้วเรากำลังเจรจากับประเทศที่ผลิตปุ๋ยเพื่อจะซื้อเข้ามาสั่งเข้ามา และจะไม่เอากำไรขายให้ชาวนา ราคายุติธรรม แต่ว่าเขาต้องไปตรวจ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายธีระชัย แสนแก้ว) ก็ไปตรวจ ส่งรายงานมา ความจริงท่านไม่ได้ส่งเองหรอกครับ ลูกน้องท่านส่งมาให้ รัฐมนตรีไปตรวจเอง ไปขอหมายศาลไปตรวจที่สระบุรี ชื่อบริษัท เอาละผมจะแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ จะไม่เอ่ยถึง เขาไปตรวจมีถุงอยู่แสนใบ พิมพ์หลายบริษัท อันนี้ยังไม่เรียกว่าทำปลอมหรอกครับ แต่ว่าไม่มีใบอนุญาต จะถูกต้องอย่างไรไม่ทราบได้ มีโน้นมีนี่มีอะไร เอาปุ๋ยมาผสมแล้วขาย ไม่ถูกต้องครับนี่ติดตาราง 5 ปี ไม่คุ้มค่าครับ รายนี้ยังไม่เรียกว่าปลอม แต่ว่าจัดการเอาอะไรมาผสมใส่ แล้วเอายี่ห้ออื่นเขา ปลอมยี่ห้อเขา อย่างนี้ไม่ถูกต้อง อย่างนี้กำลังตามดูอีก เพราะเรากำลังสนับสนุนปุ๋ยออแกนิกส์ ปุ๋ยอินทรีย์นี่ละครับ เพราะว่าข้อพิสูจน์อยู่แล้วว่าที่จังหวัดสุรินทร์ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ คือปุ๋ยอินทรีย์ใส่ไป 9-10 วันมันถึงจะเขียวขึ้นมา แต่ปุ๋ยเคมีใส่วันนี้พรุ่งนี้มันเขียว แต่ว่าออกมาเหมือนกันเลยครับ เขาบอกได้ผลเหมือนกัน แต่ราคาเพียง 1 ใน 3 ราคาไม่ถึงครึ่งของราคาปุ๋ยเคมีที่ใช้อยู่
อย่างไรก็ตามแต่ กำลังนี้เมื่อข้าวราคาดีก็ปลูกกันใหญ่ เดี๋ยวนี้เขามีข้าวเรียกว่า ข้าวไฮบริดจ์ผลิตออกมาได้มากขึ้น คือข้าวจะต้องนับ ท่านจะรู้ว่าผลิตอย่างไรเท่าไร ท่านต้องไปดูเวลาวันที่ จวนแล้วครับเดือนพฤษภาคม วันแรกนา จะต้องมี แต่ก่อนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ เดี๋ยวนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ จะมีพระราชทานรางวัล แล้วไปคอยเงี่ยหูฟังสิครับ คนนี้ปลูกข้าวได้เท่าไร ๆ 1 ไร่ได้เท่าไร เขามีการนับกัน เหมือนกับคนเขาคุยนินทาว่าไปกางมุ้งอยู่ข้างคันนา คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่เขาดูแล สำคัญที่สุดคือเมื่อสักครู่พูดจาไว้ว่า บอกกิน 9 ล้านตัน ความจริงกิน 6.6 ล้านตัน ทั่วประเทศเฉลี่ยแล้ว 6.6 ล้านตัน มาเหลือ 2.4 ล้านตัน มันไปไหม 2.4 ล้านตัน ไม่ใช่สำรอง นี่สำหรับอยู่ในที่กินข้าว เขาบอกว่าจะต้องเป็นข้าวเปลือกที่สีไม่หมดสำหรับเอาไว้ทำพันธุ์ เมื่อสักครู่อ่านหนังสือพิมพ์บอกว่าชาวนาขายข้าวดีไม่เก็บไว้ทำพันธุ์เลย รัฐบาลก็ผลิตพันธุ์อยู่ แต่ว่าถ้าข้าวของชาวนาดีเก็บไว้เอง ดีกว่าไปซื้อข้าวพันธุ์มาปลูกนะครับ อะไรก็ตามแต่เรื่องนี้ก็เป็นที่เข้าใจกันดี รัฐบาลโดยกรมการข้าวก็ออกพันธุ์ใหม่ เขาบอกต้องเปลี่ยนพันธุ์เสมอ ตัวเพลี้ยก็ดี ใบเหี่ยวใบแห้งโรคจะได้ไม่รังควาน ก็เรียบร้อยนะเรื่องข้าวเรื่องปุ๋ย เขาตามจับนะครับต่อไปนี้ใครทำอะไรมิดีมิร้าย รัฐมนตรีจับเองนะครับ ตราที่ทำไว้แสนใบลองคิดดูสิครับ แล้วปุ๋ยอะไรต่าง ๆ อยู่มากมาย สำคัญว่าจะทำเป็นทำสูตรตรงนั้นหรือเปล่าที่ทำขายชาวบ้าน ไม่ยุติธรรมนะครับ ต้องมีใบอนุญาตครับ
ได้รับการท้วงติงในการใช้คำว่า “กำลังนี้”
ทีนี้ถัดไปควรจะคุยถึงเรื่อง ก่อนจะคุยสารคดีที่ผมตั้งใจไว้ วันนี้อ่านหนังสือพิมพ์ถูกต่อว่าครับ สุภาพสตรี เข้าใจว่าเป็นอาจารย์อยู่มหาวิทยาลัยราชภัฏอยุธยา เขียนบทความลงหนังสือพิมพ์หาว่าผมใช้คำว่า “กำลังนี้” มากเกินไป กำลังนี้มากมายเลยครับ ผมอ่านดูและผมก็ไม่เคยคิดว่าผมพูดคำว่ากำลังนี้มากขนาดนั้น ท่านบอกกำลังแปลว่าอย่างนั้น และเอานี้มาใส่ พูดง่าย ๆเหมือนกับว่าผมกำหนดวลีใหม่ขึ้นมา ซึ่งเหมือนกับว่าไม่น่าจะถูกต้อง ต้องพูดว่าเดี๋ยวนี้ ขณะนี้ ตอนนี้ อย่างนี้ได้ ให้ใช้คำอย่างนี้ เหมือนอย่างนั้นนะครับ และผมก็ใช้ คนก็ไปตามอย่าง ก็กรุณาอย่าตามอย่าง ถ้าผิดนะครับ ผมก็ไม่ทราบ ผมนึกว่ากำลังนี้ เป็นภาษาคุยภาษาพูด ขณะนี้อาจจะเป็นราชการไปหน่อย ตอนนี้ ขณะนี้ เดี๋ยวนี้ ก็คงจะพูดได้ครับ แต่ว่ากำลังนี้ผมก็ไม่รู้มาจากไหน แต่คิดว่าโดยสัญชาตญาณของการสนทนา แต่เอาละครับเมื่อทักท้วงผมก็ยินดีที่จะไม่ใช้คำนี้ แต่จะหารือกับราชบัณฑิตยสถานว่าตกลงแปลว่าอย่างไร เขียนทักท้วงกัน และยังมีคนเขียนทักท้วงอยู่นะครับ บางคอลัมน์ยังเขียนทักท้วงอยู่
มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่ทำงานจะแก้แต่รัฐธรรมนูญ
ที่ผมค่อนข้างจะไม่ถึงกับเสียใจ แต่มันรำคาญใจ คือกลายเป็นว่าเวลานี้รัฐบาลนี้ไม่ทำอะไร จะตั้งหน้าตั้งตาจะแก้รัฐธรรมนูญ คนอ่านจะมีวิจารณญาณอย่างไรไม่ทราบ แต่คนเขียนเขามีความตั้งใจเลย จะตำหนิการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แน่นอนและพูดเป็นทำนองว่า รัฐบาลไม่ทำอะไรเอาแต่แก้รัฐธรรมนูญ อย่างที่ผมอ่านให้ฟังเมื่อก่อนนี้ เห็นไหมราษฎรจะต้องกินปลายข้าว แต่ว่ารัฐมนตรีหน้าโง่กำลังจะแก้รัฐธรรมนูญ ผมจะบอกให้ฟังนะครับท่านทั้งหลายที่เป็นคนเขียนคอลัมน์ ถ้าท่านมีความคิดสักนิดเดียว งานฝ่ายบริหารเขาเรียกคณะรัฐมนตรี แล้วฝ่ายนิติบัญญัติอยู่สภา งานนี้สภาเขาเป็นคนดำเนินการ สมาชิกสภาดำเนินการ ซึ่งไม่ใช่ฝ่ายบริหาร และฝ่ายบริหารเองจะเอื้อเฟื้อเล็กน้อย เช่นจะนัดหัวหน้าพรรคอีก 5 พรรคมาคุยให้ลงตัวอะไรเป็นอะไรอย่างไร แล้วทำไมเวลาที่พูดจากัน ไหนพูดตรงนี้ก็เอาให้ชัดเจนเลยว่า การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องมีเหตุ อยู่ดี ๆ จะคิดแก้หรือ ก็ไม่ใช่ คือคนเรามันประหลาดตรงนี้ครับว่า เมื่อไม่นานมานี้วันที่ 19 กันยายน 2549 เขามีการยึดอำนาจในบ้านเมืองนี้ และคนที่ยึดอำนาจเขาฉีกรัฐธรรมนูญ 2540 ทิ้งทั้งฉบับ และเขาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมา 39 มาตรา ไม่มีใครว่าเลยครับ ทนอยู่กันได้ นักวิชาการ นักอะไร คนเขียนคอลัมน์หนังสือพิมพ์ ผมจะใช้สำนวนแบบผม เดี๋ยวก็ต้องว่าผมอีกว่าพูดจาหยาบคาย ผมไม่ใช้หรอกครับ แต่จะอธิบายให้ฟังหน่อยว่าคำที่อยากจะใช้จริง ๆ คือว่าตอนนั้นไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ไม่มาทักไม่มาท้วง ไม่มาแสดงความคิดเห็นเลย ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งทั้งฉบับ จะแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ อ้างบอกว่าลงพระปรมาภิไธย และคนที่พูดไม่คิดหรือครับ ว่าที่ฉีกทิ้งไปก็ลงพระปรมาภิไธย ทำไมฉีกไปได้ เรื่องนี้คิดแล้วคืออยู่ดี ๆ วันนี้คณะรัฐมนตรีไม่บริหารบ้านเมือง คิดแต่แก้รัฐธรรมนูญอย่างเดียว ไม่ใช่หรอกครับ เขามีคนจะทำคนจะแก้
ที่ผมย้อนไปเรียงตามแถวให้ฟังคือว่า อธิบายให้ฟังเสียเลยเรื่องรัฐธรรมนูญ ผมตั้งหัวข้อมาว่า “รัฐธรรมนูญกินไม่ได้ ทาไม่ได้ แต่ว่าเป็นหัวใจของการปกครอง แล้วก็เพราะมีคนมาผูก จึงต้องมีคนจะแก้” เท่านั้นละครับ ลำดับความถ้าไม่ลืมกันไป ถามสิครับว่าถ้าสมมติไม่มีการปฏิวัติ มีคนคิดแก้รัฐธรรมนูญไหมครับ มีคนคิดแก้รัฐธรรมนูญ เพราะเขาบอกว่ารัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ทำให้รัฐบาลแข็งแรงเกินไป แล้วย้อนดูสมัยนั้นรัฐธรรมนูญทำให้รัฐบาลแข็งแรง ก็เพราะว่ารัฐบาลล้มลุกคลุกคลานมาเกือบ 60 กว่าปี มีปฏิวัติเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 ปฏิวัติเสร็จแล้วก็วานคนมาเป็นนายกรัฐมนตรี 2 หน มีการเถียงกันรัฐธรรมนูญ 211 สุดท้ายก็แก้ 211 เพื่อจะหาหนทาง พอแก้ 211 เสร็จเรียบร้อยก็พูดจากันว่าจะต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นประโยชน์ ทำให้รัฐบาลแข็งแรง คือพูดง่าย ๆ ว่าเมื่อรัฐบาลไม่แข็งแรง บ้านเมืองก็เป็นอย่างที่เราเป็น ถ้ารัฐบาลแข็งแรง มีไหมรัฐบาลแข็งแรง มีครับ
พูดให้ฟังชัดเจนเลยที่ประเทศมาเลเซียนั้นเขาได้เอกราชจากอังกฤษ เขาได้เอกราชมาแล้วเกิน 50 ปีแล้ว เกินครึ่งศตวรรษ เมื่อเวลาที่เขาได้มา อังกฤษเขาอบรมไว้ เมืองขึ้นเขานะครับ ได้เอกราช เขาก็ให้มีการเลือกตั้ง เขาเคยเลือกตั้งไหม ไม่เคยครับ เคยมีรัฐบาลเองไหม ไม่เคยครับ รัฐบาลอังกฤษปกครอง เขาให้เอกราชปกครอง คนที่ตั้งพรรคการเมืองชื่อตนกู อับดุลเลาะห์มาน แม่เป็นไทย ตั้งเป็นหัวหน้าพรรคอัมโน UMNO ตัวย่อ (The United Malays National Organisation) ตั้งเสร็จเรียบร้อยก็ลงแข่งขันเลือกตั้ง เลือกมาเสร็จปรากฏว่าพรรคอัมโนได้เสียข้างมาก แต่ไม่มากพอในสภา มีพรรคอีก 10 พรรค มารวมกันเป็น 11 พรรค เป็นอัมโนบวก10 และก็บริหารบ้านเมืองประเทศมาเลเซีย เรียบร้อยครับ บริหารมา 5 ปี 5 ปีถึงเลือกตั้งที พอจะเลือกตั้งใหม่ ประชาชนไม่เคยมีรัฐบาล มีรัฐบาลมา 5 ปีเขาบอกว่ารัฐบาลชุดนี้ดีมากเลย เพราะฉะนั้น ตนกู อับดุลเลาะห์มาน ท่านก็เก่ง ท่านบอกถ้าหากว่ารัฐบาลนี้ดี จะเลือกรัฐบาลนี้กลับมาอีก ท่านจะตีตรา NF คือ National Front แนวร่วมแห่งชาติ พรรคจะตีตรา NF และถ้าเห็น NF เลือกเลยจะได้รัฐบาลเก่า ก็โดยวิธีนี้ละครับ มาเลเซียก็ได้รัฐบาลแล้วรัฐบาลเล่า ท่านตนกู อับดุลเลาะห์มาน อยู่หนหนึ่งอยู่หนสองหนสาม เสร็จแล้วท่านตนกู อับดุลราซัค ท่านก็มาอยู่หนหนึ่งหนสองหนสาม เสร็จแล้วท่านฮุซเซน อน ได้อยู่หนเดียวครับไปผ่าตัดหัวใจ ท่านเลยต้องถอยออกไป ก็ได้มหาเธร์ โมฮัมหมัด เป็นแขกขาว ท่านก็ดีเป็นหมอผ่าตัด วางเครื่องมือและเข้ามาบริหารการเมือง เป็นหัวหน้าพรรคอัมโน และบริหารมาดี อยู่นานเท่าไรครับ 22 ปี แปลว่าเท่าไร 4 รอบครึ่ง รอบละ5 ปี นายกรัฐมนตรีบริหาร 22 ปี ยังมีเก่งกว่าหน่อยนะครับ 23 ปีท่านนายกรัฐมนตรีฮุนเซ็น มีเก่งกว่าอีกท่าน ลี กวน ยู 31 ปี เก่งกว่าลี กวน ยู มีไหมครับ มีครับ ซูฮาร์โต 32 ปี ทำไมถึงต้องจำตัวเลขพวกนี้ได้ เขาดังครับ และเราต้องจำของพวกนี้ ไม่ต้องมีใครมาสอนผมหรอกครับ ผมเอามาวางเรียง ๆ ให้ฟังได้ แปลว่าเขามีตัวอย่างอย่างไร เราก็ศึกษามา
มาเลเซียนั้นรัฐบาลเรียงแถวกันมาเลย ท่านตนกู อับดุลเลาะห์มาน ตนกู อับดุลราซัค ฮุสเซ็น ออน มหาเธร์ โมฮัมหมัด เสร็จแล้วมาถึงท่านปัจจุบัน ท่านอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี ท่านเป็นอย่างไรครับ วันที่ 23 เมษายนนี้ผมจะไปเยี่ยมท่าน ท่านบาดาวี ทีแรกท่านนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด เลือกเองเลย อันวาร์ อิบราฮิม เลือกเสร็จปรากฏว่าลูกน้องอันวาร์ปากไม่ดี บอกกันอัมโนทั้งนั้น อันวาร์จะลงแข่งด้วย พั๊วเดียวเท่านั้นครับ ผมเคยคุยให้ฟัง ผมเคยนั่ง ผมไปส่งท่านมหาเธร์ที่สนามบิน เครื่องบินช้าชั่วโมงครึ่ง ถามโน่นถามนี่ ถามเรื่องรถโปรตอนซาก้าเป็นอย่างไร ถามเรื่องตึกแฝดเป็นอย่างไร ถามท่านนายกรัฐมนตรีครับอยากทราบเวลาอัมโนประชุม มีแคนดิเดทมาแข่งขันกันไหม ตอนนั้นผมเป็นรองนายกรัฐมนตรี ท่านบอกการเมืองของเราถ้าหากว่าคนที่ 1 ไม่ขยับเบอร์ 2 จะไม่โผล่หัวขึ้นมาให้เห็น แต่ผมอ่าน Asia Week ลูกน้องอันวาร์บอกว่าเที่ยวหน้าประชุมอัมโน อันวาร์จะเข้าแข่ง พั๊วเดียวกลับไปเท่านั้น หมัดซ้ายหมัดขวาเลย ล่อเข้า 2 คดี 15 ปี เห็นไหมครับ เลือกเองเลยนะครับ เลือกมาเป็นรัฐมนตรีคลัง เลือกเป็นรองนายกรัฐมนตรี จะเป็นทายาท ไม่ดีนะครับ เปลี่ยนเลย ท่านก็เลือกคนนี้นุ่มนวลครับ บาดาวี ปรากฏว่าท่านเลือกบาดาวีมา ก็ดีครับ ท่านลงจากเก้าอี้ ท่านน้ำตานองหน้าเลย แล้วก็มอบให้ท่านบาดาวี ท่านอยู่ 5 ปี เผลอประเดี๋ยวเดียว 5 ปีเลือกตั้งใหม่ ธรรมเนียมอะไรก็ไม่ทราบ เขาบอกว่า ต้องได้ 2 ใน 3 คือทำอะไรต่ออะไรได้ทำนองนั้น บาดาวีเลือกมาชนะนะครับ แต่ขาดไป 8 แต้ม ขาด 8 ที่นั่ง ถึงได้ 2 ใน 3 เรียกร้อง กว่าจะตั้งรัฐบาลได้เสร็จ จะเรียกร้องให้ลาออก ดูสิครับ ชนะเลือกตั้งเกินครึ่ง แต่ไม่ได้ 2 ใน 3 ขาด 8 ที่นั่ง ผมจะต้องเลื่อนไปเยี่ยมท่านเพราะเรื่องนี้ท่านตั้งรัฐบาลไม่เสร็จ
เอาเขามาพูดทำไมครับ มาพูดเพื่อจะบอกให้รู้ว่า รัฐบาลที่เขาสืบเนื่องกันมาเป็นขั้นเป็นตอนนั้นเขาแข็งแรงอย่างนี้นะครับ อินโดนีเซียเป็นอย่างไร เขาปฏิวัติเสร็จ ยึดอำนาจเสร็จ คุณซูการ์โนอยู่ 17 ปี ซูฮาร์โตอยู่ 32 ปี เขาอยู่กันมาอย่างนั้นครับ แต่ว่าของเราไม่ใช่เผด็จการดุเดือดเลือดพล่านอย่างนั้น แต่ว่ารัฐธรรมนูญนั้นเขียนเอาไว้รัฐบาลไม่แข็งแรง เขาจึงได้คิดอ่านกัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ถัดมาอีก 6 ปีจึงได้ตกลงกันเรียบร้อย ก็ตกลงตั้งเรียกว่า ส.ส.ร. ที่ร่างกันมา แล้วมีธงเขียวธงเหลือง และให้รับ ไป ๆ มาพอใช้ได้ครับ ผมไม่พอใจ แต่เขาบอกพอใช้ได้ดี ก็เอาตามใจ ก็ได้รัฐธรรมนูญปี 2540 พอจะใช้ปรากฏว่าพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ท่านลาออก 1 ปีท่านลาออก คุณชวน หลีกภัย ท่านเข้ามาอยู่ 3 ปี ยังไม่ใช้รัฐธรรมนูญต้องมีเลือกตั้งใหม่ครับ ปี 2544 จึงได้เลือกตั้ง นั่นละครับถึงได้ใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 ใช้ปี 2544-2548 ปี 2548 ใช้ได้อีกปีเดียว ใช้รอบแรก 4 ปี รอบหลัง 1 ปี ดีเกินไป ดีตรงไหน รัฐบาลแข็งแรง แข็งแรงตรงไหน จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีต้องมีเสียง 1 ใน 4 เซ็นชื่อ ก็บังเอิญเลือกตั้ง 500 ที่นั่ง รัฐบาลได้ 377 ฝ่ายค้านได้ 123 ขาดไป 2 ที่นั่ง 2 นั่งอภิปรายรัฐมนตรีไม่ได้ ผมจะบอกให้ฟังนะครับถ้าหากว่าทางฝ่ายค้านวันนั้นได้สัก 130 ก็ไม่มีเรื่องหรอกครับ เขาก็มีรูหายใจ แต่ว่าเขาอภิปรายรัฐมนตรีได้ ถ้าสมมติว่าฝ่ายค้านได้ 201 ฝ่ายรัฐบาลมี 299 ก็ยิ่งสนุกใหญ่ครับ ถ้าประชาธิปัตย์มี 201 ไทยรักไทยมี 299 ก็ไม่มีปฏิวัติ แต่ว่าผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างนั้นไป อยู่ที่รัฐธรรมนูญหรือเปล่า เขาว่าอยู่ที่รัฐธรรมนูญ เขาทำอย่างไร เขาได้อำนาจรัฐอย่างนี้เขาไม่ถูกอภิปราย เขาก็บริหาร 5 ปีบวก 1 ดีเกินไปไหม คิดโน่นคิดนี่ ผมบอกว่าถ้าไม่มีนายกฯ ชื่อทักษิณ ชินวัตร มาตั้งพรรคการเมือง รัฐธรรมนูญปี 2540 ยังใช้อยู่ครับ ประชาธิปัตย์ได้เสียงข้างมากก็บริหารไป ก็บริหารแบบประชาธิปัตย์ บริหารไปครับ ใครจะขึ้นมาใหม่ก็เป็นอย่างนั้น ยาจกทั้งนั้นนี่ครับ ขึ้นมานักการเมืองต้องเป็นยาจกทั้งนั้น มีอันจะกินก็ไม่ มีอันจะกินต้องเป็นบางคนอยู่ในพรรคแต่ไม่ได้เป็นหัวหน้านะครับ หัวหน้าต้องยาจก อย่างนี้ครับ นี่หัวหน้าเศรษฐีก็มีเหตุสิครับ หัวหน้าเศรษฐีก็อาจจะคิดแบบเศรษฐีอาจจะทำอะไรต่าง ๆ
ชี้แจงตอบโต้เรื่องต่าง ๆ ในรายการสนทนาฯ เป็นสิทธิในระบอบประชาธิปไตย
ผมต้องพูดถึงตรงนี้เพราะเหตุที่เขม่นกันมา เพราะบริหารมา 4 ปีเรียบร้อยดี นโยบายต่าง ๆ ก็เป็นไปได้ พอขึ้นรอบสองก็ใช้นโยบาย เขาก็ได้มาอีกรอบหนึ่ง 1 ปีเท่านั้นก็เกิดเรื่อง แล้วก็ดึงกระชากกันลง เพราะอะไรครับ เพราะว่าที่มานั่งคุยทุก ๆ วันเสาร์ ไม่คุยแบบผมคุย คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้จะทำโน่นทำนี่ เขาเย้ว ๆ เขาด่าทอว่ากล่าว ไม่เลย ดี ประชาธิปไตย ผมว่าไม่ดีหรอกครับ เพราะอย่างนั้นครับ พั๊วเดียวเท่านั้นเดินทางอยู่พั๊วเดียวไปเลย มามีเหตุ แต่อย่างนี้เวลานี้ใครจะทำอะไรอย่างไรผมก็พูดผมก็ตอบโต้ ประชาธิปไตยนี่ครับ ด่าอยู่ข้างเดียวได้อย่างไร คนบางคนคนนี้ก็ห้าม อย่าไปพูดหนังสือพิมพ์ แล้วหนังสือพิมพ์เขียนทุกวันด่าทุกวันว่าทุกวัน ทุกวันนี้ก็ยังเขียนอยู่ คือยังกระทบกระแทกแดกดันอยู่ แล้วทำอย่างไรครับ ผมก็บอกว่าผมก็พยายามอยากจะเป็นคนดีกับเขา เป็นคนดีต้องไม่ตอแยหนังสือพิมพ์ ปล่อยหนังสือพิมพ์ด่าข้างเดียวโขกข้างเดียว แล้วเป็นอย่างไรนายกฯ ทักษิณฯ เป็นอย่างไร พั๊วเดียวเด็ดทิ้งเลย นั่นเพราะไม่ชี้แจงไม่โต้แย้งไม่หักล้าง ไม่ทำตามกฎหมายบางสิ่งบางอย่าง เปิดไปชี้ไป ๆ ด่าเอา ๆ ด่าอยู่ 7 เดือนคิดสิครับ แล้วเขาทำถูกต้อง แล้วคนที่ด่าเขา 7 เดือนทำอย่างไร มาขอโทษขอโพยเขาไหม ไม่ แล้วนี่ทำกันอย่างนี้ด่ากันไปด่ากันมา ด่ากันมาด่ากันไป ผมถึงได้บอกว่าตั้งว่า สนทนาประสาสมัคร เพื่อจะได้มีโอกาสพูดจาชี้แจงอธิบายเรื่องนั้นเรื่องนี้ ไม่ให้จืดชืดเหมือนกับวิชาการ จะทำโน่นจะทำนี่ พูดไปเดี๋ยวก็โดนด่า ถ้าไม่พูดอะไรเลยบอกมีแต่คุยโม้ โผล่เข้ามาจะคุยโม้ทำโน่นทำนี่ ผมเลยต้องเลือกสลับเอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มานั่งมาคุย
รัฐธรรมนูญปี 2540 ถูกฉีกทิ้งเพราะรัฐบาลแข็งแรงเกินไป
เมื่อคุยมาถึงตรงนี้แล้วทำอย่างไร ดีเกินไปเก่งเกินไป ถูกต้องครับ แล้วก็เลยปฏิวัติ เพราะเขากลัวว่าจะอยู่ตลอด ยึดอำนาจ 20 ปี คนโน้นชอบพูด คนนี้ชอบเชียร์ คนนั้นอย่างนั้นไป มีคนที่คิดตื้น ๆ มีครับ ไป ๆ มา ๆ ก็ยึดอำนาจ แล้วเป็นอย่างไร อย่างที่แลเห็น ยึดอำนาจเขาฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับทิ้ง ที่ว่าดีกันนี่ละครับ เพราะอะไร เพราะแข็งแรงเกินไป รัฐบาลแข็งแรงเกินไป ผมย้ำครับ ถ้ารัฐบาลที่แล้วได้ 130 125 เขาจะเอารัฐมนตรีคนไหนเมื่อไร เขาก็ยื่นได้ทันที ก็ไม่มีเรื่องครับ รัฐบาลได้ 299 ฝ่ายค้านมี 201 ก็สู้กันดี 299 กับ 201 อย่างนี้ถ้าจะด่านายกฯ วันไหนก็ยื่นเลยครับ เอานายกฯ มาขึงพืดกลางสภา ด่าทอกัน ทำได้ แต่รัฐธรรมนูญฉบับที่แล้ว แต่รัฐธรรมนูญฉบับที่แล้วเขาก็เขียนไว้อย่างนี้ นายกฯ ต้อง 200 ส.ส. ต้อง 125 ก็เลือกตั้งมาแล้วฝ่ายค้านได้ 123 มันยั่วกิเลสไหมครับ ยั่วกิเลส ไป ๆ มา ๆ ก็เป็นอย่างที่ว่า ไป ๆ มา ๆ ก็ฉีกทิ้ง พอฉีกทิ้งเขาบอกเลยครับ เขาพูดเลย ท่านทั้งหลายผมไม่ได้มามุสา มดเท็จ ท่านไปนั่งอ่านในหอสมุด ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน ปี 2549 เรื่อยไปนั่งเปิดดู ต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ใส่โน่นใส่นี่ ทั้งหมดที่ร่างมานี้เอาตัวนายกรัฐมนตรีคนเก่าเป็นความเกลียดชัง จับใส่ไป ๆ ตอนออกกฎหมายลูกยังพูดเลยครับ บอกเลยจะต้องทำอย่างนั้น ทำตรงนี้ ไอ้นอมินีระวังให้ดี จะดูจะเขียนกฎหมาย ทำมาทีหลังทั้งนั้น
อย่างกรณีผม เดี๋ยวหนังสือพิมพ์บอกชอบพูดเรื่องส่วนตัว มันเกี่ยวพันครับ วันที่เดือนเมษายนผมโดนคดี คดีหมิ่นประมาท ไปกล่าวหาว่าเขาทำอย่างนั้นแล้วได้รถยนต์ไปคันหนึ่ง เท่านั้นละครับ ก็โดนติดตาราง ตั้งไป 4 กระทง กระทงละ 6 เดือนก็ 2 ปี แล้วไม่รอลงอาญา ถ้าเป็นแต่ก่อนนี้รัฐธรรมนูญเก่า ก็รอจนกระทั่งถึงศาลฎีกาตัดสิน รัฐธรรมนูญใหม่เดี๋ยวนี้เติมเข้ามาทำไม ถ้าหากว่ากำลังดำรงตำแหน่งแล้วถูกตัดสิน โดนเลยครับ อย่างผมนี้ถ้าคราวหน้าพอศาลอุทธรณ์ตัดสินพั๊วลงมา ถ้าศาลอุทธรณ์ยืนว่าผมต้องไม่รอลงอาญา เท่านั้นละครับผมก็พ้นจากตำแหน่ง เขาเขียนขึ้นมาใหม่ครับ แต่ก่อนต้องรอศาลฎีกา เดี๋ยวนี้ไม่ครับ ก็เพราะอย่างนี้ละครับ เขียนตรงนี้ขึ้นมา ๆ
ยืนยันการแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ช่วยเรื่องยุบพรรคการเมือง
ผมจะบอกให้ฟังครับว่าถ้าไม่พูดรายละเอียดให้ฟัง ทำไมอยากแก้ ๆ พูดให้ฟังให้ชัด ๆ ตรงนี้เลยว่าแก้รัฐธรรมนูญแล้วไม่ได้ช่วยเรื่องยุบพรรคเลยครับ ไม่ได้ช่วย 309 เลยครับ เพราะจะต้องไปตีความอีกว่าเอามาใช้ย้อนหลังได้หรือไม่ ต้องถือว่าไม่ได้ตอนนี้ แต่ว่าแก้ทำไมครับ แก้เพราะเห็นว่าเรื่องนี้ ผมพูดตั้งแต่แรกว่าเอาละ 3 เดือนจะไปค่อยแก้รัฐธรรมนูญ ก็ถ้าไม่มีเรื่องอย่างนี้ละครับ ถ้าบรรดาคนที่ดูอะไรต่าง ๆ เขาก็พอสมควรแก่เหตุตรงนั้นพั๊ว ๆ ไม่มีเรื่องยุบพรรคออกมา ก็ไม่มีใครต้องยึดมาแก้ เขาคิดกันเรื่องนี้ ก็เลยคิดกันว่าเพราะรัฐบาลนี้จะอยู่ไม่ได้ยืด เพราะจะต้องถูกยุบพรรคลงไป โอกาสจะต้องคิดแก้รัฐธรรมนูญจึงต้องคิดว่าต้องทำเพราะมี 316 โดนเข้าไป 3 พรรค 316 ก็อยู่ไม่ได้ครับ เพราะฉะนั้นจึงต้องแก้รัฐธรรมนูญ มันมีเหตุครับ สมัครบอกว่าอีก 3 เดือนไป ถูกต้องครับ ก็ลองสิครับถ้าไม่มาแตะต้องเรื่องยุบพรรค ก็นั่งใช้กันไปเถอะครับอีก 3 เดือนค่อยแก้ แก้แล้วก็เลือกตั้งกันใหม่
ย้ำแก้รัฐธรรมนูญเพื่อคนในวันข้างหน้า
ผมพูดไม่เห็นเสียหายตรงไหน ผมพูดความตรงไปตรงมา ก็มีเหตุไหมที่ทำให้ต้องคิด เพราะอะไร มีเหตุว่าจะต้องยุบพรรค เมื่อยุบพรรคแล้วเขาก็คิดกัน เขาไม่ได้คิดถึงตัวเองหรอกครับ เขาคิดถึงยุบพรรคแล้วก็ต้องยุบสภา อยู่ไม่ได้หรอกครับ ก็ต้องเลือกตั้งใหม่ เพราะฉะนั้นตรงนี้เรามี 316 บวกกับวุฒิสมาชิกที่เขาเห็นดีเห็นงามด้วย ก็แก้รัฐธรรมนูญนี้ได้แน่ ก็จะต้องแก้เสีย แก้เรื่องอะไรครับ ผมไม่ชอบไปพูด 237 ที่พูดกันนั้น เพื่อตัวเอง ใจผมจะบอกว่า 237 ต้องแก้เพื่อคนวันข้างหน้าจะไม่ถูกยุบพรรคสุ่มสี่สุ่มห้า ทำผิดเป็นส่วนบุคคล ก็วรรคสองไม่มีสิครับ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ใส่ลงมา ใส่ลงมาเพื่ออะไร เพื่อต้องการจะฆ่าพรรคการเมืองที่จะเกิดขึ้นมาใหม่เอาให้ตาย เอาให้ตายต้องอย่างไรก็ต้องเล่นงานคนที่เป็นกรรมการ
ศาลฎีกาพิจารณาคดียุบพรรคการเมือง
เรื่องนี้ผมบอกเลยผมหวังพึ่งศาลฎีกา ขึ้นไปบนนั้นถูกต้องแล้วครับ กกต. ท่านพิจารณาปั๊บอย่างสองพรรรคนั้นโดน พั๊วไปเลยครับ แต่ครั้งนี้ขึ้นไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ศาลฎีกานี่ละครับจะดู ต่อไปนี้จะตรวจสอบหมด จะสอบหมดในรายละเอียดทั้งหมด เรื่องเป็นอย่างไรจะได้เห็นเลย หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเขียนบทนำว่านายสมัครมาอ้างอิงจะต้อง ดูขึ้นศาลสิครับ มีพยาน 10 คน 9 คนเขาบอกเขาถูกหลอกมา คนที่ปรากฏว่าคนเดียวเท่านั้นละครับ ที่ไปเก็บกักไว้นี้ คนเดียวให้การ ทางนี้ก็เชื่อคนเดียว อีก 9 คนไม่เชื่อไม่ฟัง ไม่รับคำให้การ ได้อย่างไรครับ นี่โชคดีนะครับว่าได้ขึ้นศาลฎีกา แล้วพิจารณากันในศาลเลยครับ นำสืบได้หมดเลยครับ ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง 6 เดือนใครทำอะไร ใครย้ายใครไปดักหน้าอย่างไร แล้วจะต้องต้อนคนนี้ให้เข้ากรงได้อย่างไร เขียนกฎหมายเปิดช่องไว้เลย เขียนรัฐธรรมนูญเปิดช่องไว้ครับ แล้วไปต้อน ทั้งขวากทั้งหนามครับ ทางนี้ต้อนเอาเข้ามาเลย ก็อยู่ดี ๆ คน 10 คนซื้อตั๋วนั่งเครื่องบินเข้ามา มาขอรับเงินเขา 20,000 ใครทำใครจัดละครับ ก็ล่อหลอกกันมาทั้งนั้น เอาคน 10 คนเข้ามา คนหนึ่งเป็นคนจัด 9 คนเป็นคนถูกหลอกเข้ามา จะให้การยังไม่ฟัง ดีมากที่ขึ้นศาลฎีกา ผมก็หวังพึ่ง เขาจะตรวจสอบกันเพราะฉะนั้นไม่ต้องไปคิดว่าแก้รัฐธรรมนูญ ความหวังของผมอยู่ที่ศาลฎีกาครับ ถ้าศาลฎีกาพิจารณาเห็นอย่างนั้น คณะกรรมการชุดนี้ก็จะบริหารงานต่อไป แต่ถ้าท่านเกิดเห็นเหมือนกับข้างล่างก็ยกไป นั่นละคือความที่ว่าทำไมถึงต้องแก้รัฐธรรมนูญ มีเวลาตรงนี้แก้เสียให้เสร็จครับ แก้แล้วเสร็จจะไปก็สุดแท้แต่ หมดเรียบร้อยยุบพรรค 3 พรรคไปก็เลือกตั้งกันใหม่ ก็ใครคนที่มาจะได้ไม่ต้องมาเจอรัฐธรรมนูญที่ใช้ไม่ได้อย่างนี้
ปรับเปลี่ยนการเลือกตั้งจากเขตละคนไปใช้แบบเดิมทำให้เกิดความวุ่นวาย
อะไรคือที่เราอยากแก้ครับ ท่านทั้งหลายเป็นคนลงคะแนนท่านก็ต้องเห็น แต่ก่อนนี้บ้านเราตอนผมเด็ก ๆ กรุงเทพฯ เลือกตั้ง 5 คน แล้วก็เลือกตั้ง 7 คน เลือกตั้ง 9 คน เมื่อปี 2512 เลือกตั้ง 15 คน คน ๆ เดียวลงได้ 15 คนครับ ปี 2512 ครับคน ๆ เดียวลงคะแนนได้ 15 คน ต่อมาจึงได้จัดการแก้ไขว่าให้มี เขาเรียกว่าพวงเล็ก 15 คนนั้นพวงใหญ่ พวงเล็กคืออย่างไร พวงเล็กคือว่าอย่างกรุงเทพฯ มีกี่คน ผ่าเป็น 12 เขต เขตละ 3 คน ส.ส. 36 คนก็เขตละ 3 คน ถ้าเผื่อจังหวัดนี้มี 5 คนก็ 3 กับ 2 จังหวัดนี้มี 4 คนก็ 2 กับ 2 คือเขาต้องมี 3 มี 2 มี 1 ครับ ทั้งหมดนี้ 3 หรือ 2 หรือ 1 แต่ต่อมาเมื่อปี 2540 ก็ทันสมัยในโลกนี้ อังกฤษ 613 ที่นั่งก็เขตละคนคนละเขต สิงคโปร์ 82 เขตก็ 82 คน คนละเขตเขตละคนคนเขต เขายังเขตละคนคนละเขต ปรับตรงนั้นเติมตรงนี้ก็ยังอยู่กัน ของเราก็ทำ 400 เขตทั่วประเทศมี 400 เขต มีเลือกตั้งบัญชีรายชื่ออีก 100 เป็น 500 คน ก็เรียบร้อยดีเลือกมา 2 หน ผู้คนก็เข้าใจ คนนี้ดูเขตนี้ ๆ ใครจะมาใครจะเปลี่ยนใหม่ก็อยู่ในเขตเดียว แล้วเปลี่ยนทำไม เปลี่ยนเป็นย้อนกลับไปใช้เขตพวงเล็ก มี 157 เขต แทนที่จะมี 400 เขต 157 เขต มี 3 มี 2 มี 1 ปั่นป่วนไหม วุ่นวายไหม ทั้งปั่นป่วนวุ่นวาย ทะเลาะเบาะแว้งกันเพราะเปลี่ยนกลับมา
การลดจำนวน ส.ส. และการเลือกตั้ง ส.ว.
นี่อย่างไรครับเจตนาอย่างนี้ มีใครตำหนิคนที่ร่างรัฐธรรมนูญอย่างนี้ไหมครับ ตกลงกว่าจะพูดกันได้ว่าวุฒิสมาชิกใช้อำนาจมาก 200 คน ควรจะเถียงกันอย่างเดียวถ้าอยากจะแก้ไข ว่าจะให้สังกัดพรรคหรือไม่สังกัดพรรค เท่านั้น ปรากฏว่าทำให้มันเขย่งเสียอย่างนั้น ทำอย่างไร เลือกตั้ง 76 จังหวัด จังหวัดละคน ระนองมีคน 100,000 คนก็เลือกได้ 1 คน กรุงเทพฯ มีคน 6,000,000 คนก็เลือกได้ 1 คน เลือกได้ 76 คน แล้วแต่งตั้งเอาพวกมาอีก 74 คนรวมกันเป็น 150 คน น่าเกลียดไหม มีน่าเกลียดกว่านี้อีกครับแต่ไม่ผ่าน 100 คน เขาเอา 400 แก้เป็น 320 ให้น้อยลง เพราะอะไร ก็เพราะว่าภูมิภาคนิยมเขามีอยู่ ยึดตรงนั้นได้ เขาก็ต้องยืนยันว่าถ้าเขาแก้สำเร็จ ทางใต้ก็โอเค 54 เขตเลือกตั้งเหมือนเดิม ที่ลดไปอีก 80 ก็มาลดแถว ๆ ภาคอื่น นี่ไม่ผ่านตรงนี้ ไม่อย่างนั้นก็ 320 ตรงนี้ 80 ทำไม เดี๋ยวนี้มี 480 ไม่ใช่ 500 ทำ 80 ไว้เพื่อจะให้มาเข้ากับ 320 ที่จะลดจำนวนลงมา เห็นชัด ๆ ครับเรื่องอย่างนี้ แล้วเหลือ 80 เป็น 480 แล้วทำอย่างไร ผ่าเป็น 8 ท่อน ประชากรประเทศไทยมี 63 ล้านคน 8 x 8 = 64 เอาประมาณ 8 ล้านแบ่งเขต แบ่งเขตแล้วทำอย่างไร ทางใต้ได้กวาดหมด ที่ทำเพื่อเหตุ มีแบ่งเขต ๆ ละ 10 ๆ 8 เขต 80 คน อยู่ดี ๆ ทั่วประเทศ 100 คน ปรากฏว่าทางโน้นก็จะกวาดไปไม่ได้ จะได้ส่วนข้างล่าง ส่วนข้างบนก็ยืนได้มาก ก็ต้องแก้ที่เอี้ยเซี๊ยะ
เปรียบรัฐธรรมนูญปี 2550 เหมือนรถยนต์ที่ยางบวม - คัตซีเขย่ง
ถามสิครับอย่างนี้ที่คนได้ประโยชน์นั้นทำอย่างไร มีคนได้ประโยชน์มีคนเสียประโยชน์ทำเสียหาย เรื่องต่าง ๆ อย่างนี้อธิบายให้เห็นได้ชัดเจน คนที่พูดจาถึงรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ชัดเจนที่สุดชื่อวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ เป็นรัฐมนตรีร่วมคณะรัฐบาลผล อยู่พรรคชาติไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คุณวีระศักดิ์ฯ นี่ละครับใช้ถ้อยคำที่ผมฟังแล้ว เขาอ่านรัฐธรรมนูญตลอดหมดเลย แล้วเขาบอกเลยรัฐธรรมนูญฉบับนี้เหมือนกับรถยนต์ที่ยางบวม แต่ว่าออกวิ่งได้แต่ไปไม่ไกล ต้องเปลี่ยนยาง แน่นอนรถยนต์เหมือนกับรถยนต์ที่รางบวม หนึ่งนะครับ สอง เกจ์หน้าปัดมัว อ่านไม่เห็นครับ อ่านไม่เห็นเลยว่าอะไรเป็นอะไร จะวิ่งเร็วเท่าไร เกจ์หน้าปัดมัว ถัดไปบอกว่ามันเขย่ง แช็ตซีเขย่ง เขาเรียกคัตซีมันคือตัวเหล็กสองท่อน เหมือนตัวเอส ตัวเอสที่มีหลายขีดคือรถยนต์จะต้องมีตัวนี้ก่อน 2 ท่อนแล้วก็ขีด ๆ ยึดกัน ถ้าตัวยาวเขาจะมีแช็ตซีสั้นแช็ตซียาว อย่างรถบัสต้องแช็ตซียาว 12 เมตร คนไทยเรียกคัตซี ฝรั่งเรียก chassis รถเมล์ยาว 12 เมตร รถเก๋งยาว 3 เมตร สุดแล้วแต่ จะยาวจะขึ้นจะลง ซ้ายขวาต้องเท่ากัน คุณวีระศักดิ์ฯ บอกรัฐธรรมนูญฉบับนี้เหมือนกับคัตซีเขย่ง คืออย่างไร ก็ข้างนี้ 76 เลือกตั้ง ข้างนี้แต่งตั้งมา 74 เห็นไหมครับ ท่านเปรียบเทียบดีไหม ถัดไปคือข้อเสียที่ท่านบอก ไม่มีฟิวส์บ๊อกซ์ ฟิวส์บ๊อกซ์คืออะไร รถยนต์ทั้งหมดเดินด้วยสายไฟตลอดทั้งหมด ถ้ามีผิดปกติที่ฟิวส์บ๊อกซ์ขึ้นมาปั๊บฟิวส์ตรงนั้นขาด มีฟิวส์ 12 ตัวก็มี 12 จุด ถ้าเกิดสปาร์คตัวนี้ปั๊บ ฟิวส์ตัวนี้ก็จะรู้ว่าตัวไหนเสีย ก็จะตามไปไล่ ถ้ารถยนต์มีฟิวส์บ๊อกซ์ขาดปั๊บรถไม่วิ่ง แต่เปิดดูปั๊บฟิวส์ตัวนี้ขาด รู้เลยว่าตรงนี้ ๆ
ย้ำมีสาเหตุชัดที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เห็นไหมครับว่าคนที่เขาเรียนหนังสือ เขาวิเคราะห์นั้นเขาใช้ข้อมูลดีมากครับ ผมเอามาให้ท่านทั้งหลายฟังไว้ เขาบอกรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 นี้เหมือนรถยนต์ต้องเรียกว่าที่พิกลพิการ หนึ่งคือยางบวม วิ่งไปได้สัก 50 กิโลเมตรต้องเปลี่ยนครับ ถ้าไม่เปลี่ยนก็แตก แปลว่าต้องเปลี่ยนต้องแก้ไข เห็นไหมครับแช็ตซีเขย่ง วิ่งกระโดกกระเดก ๆ ข้างหนึ่ง 74 ข้างหนึ่ง 76 นี่ชัดเจนต้องแก้ไข หน้าปัดมัว หลายมาตราเขียนไว้ ตีความอย่างโน้นตีความอย่างนี้ หน้าปัดไม่ชัดเจน เสร็จเรียบร้อยแล้วไม่มีฟิวส์บ๊อกซ์ แปลว่ามีฟิวส์บ๊อกซ์ตรงนี้ขาดตรงนี้ต้องตัด ตรงนี้ต้องเสริม ต้องตัดตรงนี้ ยกตัวอย่างเหมือนกับคนที่จะไปทำซื้อเสียง ไปซื้อเสียงเข้ามา ถ้าไปซื้อเสียงเข้ามาก็พิสูจน์ว่าพรรครู้ไหม พรรคลงมติบอกมอบเงินไปให้กี่สิบล้าน ให้ไปซื้อเสียง อย่างนี้ยุบมันทั้งพรรค แต่ถ้าพิสูจน์ได้ว่าไปทำส่วนตัว อย่างนี้ก็เฉพาะส่วนบุคคลไป ใครจะว่าอะไร รัฐธรรมนูญปี 2540 ทำอย่างนี้ครับ รัฐธรรมนูญปี 2540 ไม่มีวรรคสอง แต่รัฐธรรมนูญปี 2550 มีวรรคสอง เพื่ออะไรครับ เพื่อจะบอกว่าต้องการจะจับจ้องพรรคการเมืองนี้ พรรคนี้มาเกิดเป็นพรรคนี้ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็คอยจ้องเลย ถ้าต้อนเอากรรมการเข้าไปได้คนหนึ่งก็เสร็จ ก็นี่อย่างไรละครับคนที่ถูกต้อนนี้อยู่จังหวัดเชียงราย เขาจะได้ขึ้นให้การศาลฎีกา จะได้รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไรอย่างไร
เพราะฉะนั้นที่พูดให้ฟังทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ 237 หรือ 309 ผมย้ำเลยในส่วนตัวผมบอก ที่ผมบอกว่าผมไม่อยากแก้ 309 ทางโน้นเขาอยากแก้ ก็เพราะผมไม่ได้ไปประชุมกับเขา ผมทำงานอยู่ทำเนียบฯ ประชุมถึง 18.40 น. เขาประชุมกันตั้งแต่บ่าย แล้วเขาก็มีมติแก้ 309 ผมก็พูดแบบของผม ผมตัดสินใจเร็ว ผมก็บอกผมไม่เห็นด้วยกับการแก้ 309 แล้วอย่างไร เมื่อเสียงข้างมาก 232 แล้วผมเสียงเดียว พูดจาดูแคลนผมอีก ก็ไม่ได้ประชุมร่วมกัน รัฐมนตรีฯ นพดลฯ (นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ) เขากลับจากต่างประเทศเขาบอกเขาก็ไม่เห็นด้วย คือคิดธรรมดา แต่เขาคิดกันว่าจะได้ประโยชน์ในการต่อสู้คดี เขาคิดไป แต่พอพูดปั๊บโดนด่าทันที เห็นไหม 237 โดนด่าทันที แต่ผมต้องพูดอย่างนี้เพื่อจะบอกว่าผมไม่ต้องการ 237 ผมไม่ต้อง 309 อดีตนายกฯ ทักษิณฯ จะสู้คดีก็สู้กันไป คดีความผมก็มีในนั้นผมก็สู้ของผมไป และข้อสำคัญที่สุดคือว่า พรรคทั้ง 3 พรรคต้องโดนยุบ ต้องคิดอย่างนั้นครับ แก้มาสำเร็จเรียบร้อยก็ไม่ได้ โดนตีความทันทีครับ ย้อนหน้าย้อนหลังไม่ได้ โดนตีความทันที เพราะฉะนั้นไม่ได้หวังเรื่องนี้เลย แต่ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ที่ทำไมถึงคิดแก้รัฐธรรมนูญ เพราะรู้ว่ามันไปไม่ไกล มันไปไม่รอด เมื่อรู้อย่างนั้นแล้วเรามี 316 ต้องแก้เสีย เพื่อวันข้างหน้า เพื่อใครจะมาก็แล้วแต่ในวันข้างหน้า เขาจะได้ใช้รัฐธรรมนูญที่ดีพอสมควร เรื่องอย่างนี้ถ้าไม่ใช้โอกาสอย่างนี้พูดจะไปพูดที่ไหน มีคนตำหนิว่าผมชอบใช้สถานีเป็นนั่น ไม่หรอกครับ พูดจาต้องเป็นอย่างนั้นบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เขายกป้ายเหลือ 5 นาทีผมคิดว่าควรจะตอบคำถามหน่อย
ตอบคำถามประชาชน
คำถาม เจริญพรโยมนายกฯ ช่วยเสริมพุทธศาสนาทั้งพิธีกรรมและการปฏิบัติ
นายกรัฐมนตรี ครับ รับครับ
คำถาม ขอถามคุณสมัครฯ ว่า ผมออกชื่อท่านนะครับ เรื่องที่คุณชวนฯ (นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี) ว่ากระทบกระทั่งตั้งหลายประเด็นไม่เห็นตอบชี้แจง หรือว่าเป็นจริงอย่างที่เขาว่า ความจริงเป็นอย่างไรช่วยชี้แจงหน่อย
นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้ผมก็พยายามหลีกเลี่ยงครับ ที่คุณชวนฯ ท่านกล่าวหาว่าเป็นทำนองว่าผมมาเป็นนายกรัฐมนตรี เหมือนกับทักก็ไม่ดูไม่อะไรต่าง ๆ คือเป็นคนมีความบกพร่อง ผมเป็นคนมีความบกพร่องทางกฎหมาย คือเป็นคดีความ เป็นคดีโดนคดีและศาลตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา เอาคนอย่างนี้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ผมก็ไม่ทราบจะทำอย่างไรสิครับ เพราะคดีความขนาดนี้ โดนขนาดนี้ ผมก็หวังใจว่าข้างหน้าท่านจะไม่เล่นงานผม เท่านั้นเอง ถึงศาลอุทธรณ์ท่านก็ว่าให้รอลงอาญา ผมก็ทำงานต่อไปได้ ทีนี้ผมก็พูดไม่ได้อะไรต่าง ๆ แต่ว่าคุณชวนฯ ท่านพูดจาเป็นทำนองเหมือนกับว่าผมเป็นคนมีคดีติดตัว แล้วยังมาทำการเมือง ผมก็บอกว่าผมโชคไม่ดีเหมือนกับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองบางคน นั่นน้องชายเขาฉ้อราษฎร์ ทำยุ่งกับเงินธนาคารเขาหลายร้อยล้านครับ ต้องหนีคดีไป 20 ปี บัดนี้คดีหมดแล้วกลับมาเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่มีใครว่าอะไรนี่ครับ ไม่มีใครกระทบกระทั่งเลย ว่าน้องชายคนเป็นหัวหน้าพรรคคนนั้นเป็นคนฉ้อราษฎร์ ไม่มีละครับ ของผมนี่จะบังหลวงหรือไม่ ผมก็ต่อสู้ของผมอยู่ ผมแน่ใจว่าผมไม่บังหลวง คดีความรถดับเพลิงก็ดี อะไรก็ดี ขุดมาก็ว่ากัน ถ้าผมไม่มารับตำแหน่งนี้คดีความก็ไม่เกิด ที่ผมมารับตำแหน่งนี้คดีความก็เกิด ผมก็ท้าทายดูให้ตรวจสอบผมอย่างนี้ แต่ว่าคนที่น้องชายฉ้อราษฎร์นั้นถามสิว่าสื่อสารมวลชนได้จับไปขยำขยี้ไปว่ากล่าวไหม ไม่ มีความกริ่งเกรงใจ เกรงใจคุณพี่ชายกัน แล้วน้องชายก็หลบหนีไปจนกระทั่ง อย่างนี้ผมยังไม่เอามาพูดเลย แต่นี่ผมมาพูดให้เห็นก็เพราะว่า ผมไม่ได้ออกชื่อนะ หัวหน้าพรรคการเมืองในอดีตบางคน น้องชายไปฉ้อราษฎร์เขา อย่างนี้ แล้วคนในพรรคท่านแต่ก่อนนี้ก็มีคดีความ คดีหมิ่นประมาทเหมือนกันเลย แล้วยังมาให้เลือกตั้งอยู่อย่างไร ให้เลือกตั้งอยู่ได้อย่างไรครับ คดีความนี้ถ้าเป็นคดีความประเภทที่เขาเรียกว่าคดีลหุโทษ หรือคดีหมิ่นประมาท ในทางการเมืองเขาได้รับยกเว้นไว้ครับ ยกเว้นไว้เลย ในทางการเมืองได้รับยกเว้น คดีหมิ่นประมาทคดีลหุโทษ เอามาเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่บัดนี้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้กันไว้ เอาจนได้ละครับ หมายความว่าถ้าดำรงตำแหน่งอยู่มีคดีพาดมาปั๊บโดนเลยทันที แต่ก่อนไม่มีครับ แต่เดี๋ยวนี้มี
เห็นไหมครับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อต้องการจะจัดการเล่นงานกับใคร ก็ร่างไปบอกไปนี่จะจัดการอย่างนั้น ๆ คนร่างพูดจาชัดเจนเลยครับ บอกเลยจะต้องอย่างนั้น จะคอยดู จะทำกฎหมายอย่างนั้น ก็ทำไปสิครับ ตอนจะมาล่อหลอกให้ลงประชามติก็พูดกันลงประชามติ 14 ล้าน ๆ ทำไมชอบพูดซีกเดียว แล้วที่เขาไม่เห็นด้วย 10 ล้านนี่ว่าอย่างไรครับ 41 ต่อ 58 นะครับ 14 ล้านพูดว่าคนลงมติ 14 ล้าน แล้วคนที่เขาคัดค้าน 10 ล้านทำไมไม่พูดถึง ประหลาดนะครับวันนี้ต้องพูด ซีกเดียว มีหลายอันหลาย ๆ ข่าวในหนังสือพิมพ์ผมไม่อยากเดี๋ยวว่านินทาหนังสือพิมพ์ พูดซีกเดียวครับ ผมไปต่างจังหวัด รายงานข่าวโทรทัศน์ ผมไปพิษณุโลกหมูราคากิโลกรัมละ 100 บาท ถามแต่ก่อนขายเท่าไร แต่ก่อนขาย 70 บาท เดี๋ยวนี้ขาย 100 บาท ไปสุโขทัยก็ 100 บาท หมู 100 บาทถูกกว่ากรุงเทพฯ ตั้ง 20 - 30 บาท ไม่ลงข่าวว่าหมูถูกราคา 100 บาท ไม่พูด แต่บอกนายสมัครบอกน้ำพืชแพงขวดละ 50 บาท เห็นไหมละครับว่าความคิดอ่านของคนเสนอข่าวนี้ ของถูกก็มีจะเอื้อเฟื้อพูดถึงไม่พูด จะพูดแต่ข้างแพงข้างเดียว นี่ละครับแบบนี้ละครับ
เพราะฉะนั้นก็ตอบได้สองคำถามเท่านั้นเขายกป้ายหมดเวลาแล้ว ต้องขออภัยครับ เรื่องไม่จำเป็นไม่อยากพูดหรอกครับ แต่ว่าคนพูดไม่ค่อยคิดครับ น้องตัวเองอย่างนั้นฉ้อราษฎร์ชัด ๆ เลยนั่นละครับไม่เป็นไร แต่ผมนี่ผมไม่ได้บังหลวงนะครับ และผมก็ไม่ได้ฉ้อราษฎร์ แต่ว่าบังเอิญกฎหมายเขียนมาจะล่อผม ก็เอาสิครับ ไม่เป็นไรหรอกครับท่านกระทบผมได้ ผมก็กระทบของผมบ้าง ผมไม่ได้ออกชื่อ ใครไม่ได้กินปูนอย่าร้อนท้องก็แล้วกัน เวลาหมดแล้วครับ วันอาทิตย์หน้า 08.30 น. พบกันใหม่ วันนี้ลาก่อนครับ สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
รายการ “สนทนาประสาสมัคร”
โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT)
และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2551 เวลา 08.30-09.30 น.
------------------------------------------
การวิ่งคบเพลิงโอลิมปิคเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ 08.30 น.หลังพระเทศน์นะครับ สนทนาประสาสมัคร สมัครพบกับท่านเหมือนอย่างเคย คงจะต้องเริ่มต้นด้วยการขอบพระคุณทุกฝ่ายที่ได้ช่วยให้การวิ่งคบเพลิงโอลิมปิคเมื่อวานนี้เป็นไปโดยเรียบร้อย ขอบพระคุณท่านรองนายกรัฐมนตรี พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเลยครับ ไม่มีปัญหา นอกจากมีคนมาฉกแย่งคบเพลิง ฟังดูแล้วชอบกล เมื่อเช้าฟังคุณคริสโตเฟอร์ เบญจกุล พูดยังไม่ทราบเลยว่าตกลงมีคนมาเอาไปเก็บไว้ให้หรืออย่างไร จนป่านนี้ยังไม่รู้เรื่องกันเลยครับ แต่ว่าถ้าใครไปฉกฉวยทำอย่างนั้นอย่างนี้เลวจริง ๆ ผมเสียดายนิดหน่อยตรงที่ว่า การที่คนวิ่งคบเพลิง ใจผม ๆ คิดของผมเอง ผมคิดว่ามันจะต้องผ่านย่านธุรกิจ ต้องผ่านวัด วัง อะไรต่าง ๆ ควรจะเป็นนักวิ่งคบเพลิงวิ่ง และเวลาถ่ายออกมาแล้วควรจะผ่านแถววัดพระแก้ว มีวัดพระแก้วเป็น background ถ้าเผื่อถ่ายแต่ละเส้นแต่ละทาง เอามายืนเฉย ๆ เปลี่ยนตลอด ๆ คือนักวิ่งควรจะวิ่งอยู่ตรงกลาง แต่ทีนี้ไปแห่ห้อมล้อมกันเต็มหมด เหมือนกับว่ากลัวว่าใครทำอะไร ถ้าเห็นว่าไม่มีใครทำอะไรแล้ว ก็น่าจะปล่อยให้เขาวิ่งอยู่ตรงกลาง และก็ควรดูข้าง ๆ วิ่งเหยาะ ๆ ข้าง ๆ ถ่ายให้สวยงาม อย่างไรก็ตามแต่ก็เรียบร้อย วิ่งได้ 10.6 กิโลเมตร ครบถ้วน ก็เป็นหน้าเป็นตาของบ้านเมืองเรา แปลว่าเราแยกออก การเมืองคุณจะว่าก็ว่าไป อย่ามายุ่งกับเรื่องนี้ เรื่องนี้การกีฬาของเราแท้ ๆ
ยกเลิกประกาศใช้กฎอัยการศึก
อาทิตย์ที่ผ่านมาต้องเล่าให้ฟังหน่อยมีการประชุม เขาไปประชุมกันเรื่องเกี่ยวกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ เขานัดประชุมมานาน ผมก็เลื่อนไปเลื่อนมา เพราะวันประชุมมันติดพันกันรุรังพันเต ก็ได้พูดจากัน สำคัญที่สุดคือเขาได้เสนอว่าจะยกเลิกกฎอัยการศึก 179 อำเภอ ทั้งหมด 31 จังหวัด กำลังเสร็จสิ้นหมดแล้ว ที่จะมีอยู่ตรงไหนฉุกเฉิน ทางฝ่ายกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เขาจะขอมาโดยจะใช้กฎหมายความมั่นคง เขาไม่ได้ใช้ทั้งประเทศ เขาใช้บางจุดบางส่วนที่จำเป็นจะต้องใช้ ก็ใช้กฎหมายความมั่นคง นอกนั้นเขามาขอต่ออายุ ต้องประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นพิเศษ ผมไม่อยากอยู่ดี ๆ ผมประกาศ ให้ยุ่งยากประกาศใหม่นะครับ เสร็จสิ้นวันที่ 19 เมษายน ผมบอกว่าวันที่ 18 เมษายน ผมเรียกประชุมได้ วันที่ 18 เมษายนผมเลยเรียกประชุมให้ เสร็จแล้วก็ต่ออายุไปอีก 3 เดือน เป็นครั้งที่ 11 ทั้งหมดใช้มาแล้ว 30 เดือน ต่อใหม่อีก 3 เดือน ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่มาชี้แจง ก็ถามถึงความแตกต่าง แตกต่างกันเยอะครับ ไว้ให้ผมรายงานสภาเสียก่อน และท่านคงจะได้แลเห็นว่าแตกต่างกันอย่างไร สมัยก่อนนี้ไม่นานมานี้ครับมีความหนาแน่นอย่างไรถี่มากอย่างไร และหลังจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการหมดแล้ว ห่างลงไปอย่างไร และสามารถควบคุมได้อย่างไร เวลานี้เรียนได้ว่ามีความคืบหน้า ทางฝ้ายทหารก็จัดการ คือทหารไม่ได้ผลัดนี้ไปผลัดนี้กลับ ไม่ครับ อยู่เหลื่อมกัน 1 เดือนครับ อยู่สั่งเสียกันเสร็จเรียบร้อยถึงจะถอยกลับมา อยู่ 1 ปีมีความคุ้นเคย สถานการณ์ต้องพูดได้ว่าดีขึ้น และผมจะพูดให้ชัดเจนเลยว่าทำไมผมไม่ลงไป วันหนึ่งจำเป็นผมจะต้องลงไปดู แต่ว่ากำลังนี้ไม่ลงไป ไม่ก่อความยุ่งยาก รัฐมนตรีลงไปก็มารับ ลูกน้องยกไปยิ่งยุ่งยาก และเป็นจุดเหมือนกับยั่วกิเลสให้เขามาก่อกวนให้รุนแรงขึ้น อะไรทำนองนั้น ตอนนี้เขาเรียกว่าพอเอาอยู่ครับ สถานการณ์นะครับ
เยี่ยมค่ายทหารในกรุงเทพฯ
ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติแล้ว ยกเลิกกฎอัยการศึกไปแล้ว ผมพอมีเวลาเหลือ ก็วิธีการแบบผมครับ ไปเยี่ยมค่ายทหารในกรุงนี่ละครับ ต้องการจะมาเรียนท่านพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายที่ลูกท่านไปเกณฑ์ทหารมาวันที่ 1 เมษายนนี้ 1 พฤษภาคม เขาจะเอาเข้าผลัด 1 ผมก็ไปเจอพวกผลัด 2 เขาเข้ามาเมื่อเดือนพฤศจิกายน ก็ไปขอดูเขา ผมไปไม่บอกนะครับ คือว่าผมรู้จักผบ.พันก็แจ้งผบ.พันว่าผมขอไปดูหน่อย คือการต้องการแค่นั้น จะไปดูโรงฝึก ดูการฝึก ดูโรงนอนและดูโรงเลี้ยง 3 อย่าง ปรากฏว่าบอก ผบ.พันไปว่า 15 นาที บอกเสร็จ 15 นาทีผมก็ไปถึงสถานที่ ก็ไปดู ค่ายเรียบร้อยดี สะอาดสะอ้านดี ที่นอนเป็นตึกเพราะอยู่ในเมือง ถ้าเผื่อไปอยู่ต่างจังหวัดอาจจะเป็นเรือนไม้ ทหารยังต้องนอนกางมุ้งบอกว่าใส่มุ้งลวด มุ้งลวดใส่ได้ครับแต่กลายเป็นที่ขังยุง มุ้งดีกว่า เพราะไปชนบทยังต้องใช้มุ้งด้วย ก็ไปดูเหมือนกับไป ดูหน่อยว่าเขานอนอย่างไร กินอย่างไร และดูอาหาร ก็เรียบร้อยดีครับ มีแกงป่าหม้อหนึ่ง ผัดจืดหม้อหนึ่ง ก็ชิมดู ไม่น่าเชื่อ แกงป่าใส่น้ำตาลหวานหน่อย ผมก็ต้องติไปหน่อยว่าแกงป่าไม่ใส่น้ำตาลครับ แกงคั่วใส่ แกงส้มใส่ พะแนงใส่ แต่แกงเผ็ด แกงป่า ไม่ใส่ ก็บอกทางฝ่ายสูทไปแล้ว สุดแท้แต่จะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่ว่าผัดจืดเขาดีครับ ไม่มีหวาน มีแกงป่า มีผัดจืด ถ้าวันพุธมีขนม ก็อยู่กันเรียบร้อยดี เวลาที่เขาเห็นปัญหาของเขาก็ช่วยกันแก้ไขให้เขาหน่อย เขามีปัญหาเล็กน้อย ซึ่งเราพอจะแก้ไขได้ ผมจะจัดการสั่งแก้ไขให้
งานพวกนี้ที่มาเรียนก็คือว่าท่านพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายที่ท่านมีลูกเข้าไปฝึกทหาร สถิติหลัง ๆ นี้ไม่มีใครหนีกลับบ้านเลยครับ คือไปดูไปพบเขาอยู่ 3 เดือนแรก คือเขาทำให้รักกองทัพ ให้เข้าใจอะไรทั้งหมดเรียบร้อย แล้วถึงจะไปฝึกแยกเข้ากองร้อยต่าง ๆ ระบบเขาดีครับ และท่านจะเห็นเลยครับ ถามทหารบอกว่ากลับไปเยี่ยมบ้านไหม ไปแล้วครับได้ไปหนหนึ่ง ให้ไปตั้งหลายวัน และแต่งตัวไหม แต่งตัว แต่งเครื่องแบบไป พ่อแม่ลูกดีใจกันใหญ่แต่งเครื่องแบบทหารกลับไปเยี่ยมบ้าน แต่เราจะไม่เห็นทหารเดินเตร็ดเตร่ตามถนนหนทางอะไรต่าง ๆ ผมแจ้งไปเลยว่าพวกที่แต่งชุดลายพราง กองทัพเขากำลังดำเนินการ ใครมีผมให้ไปย้อมดำรู้แล้วรู้รอดไป ซื้อมาแล้วไปย้อมสีดำ ต่อไปลายพราง ทหารเขาเดือดร้อน ไปทำอะไรเสียหาย แล้วก็นึกว่าทหารไปทำ ไม่รู้เรื่องอะไรที่โรงเกลือ เอาชุดพรางมาขายกัน ถ้าเผื่อว่าพ่อเขาเสียชีวิต ลูกเขาจะแต่งตัวเล็ก ๆ แต่งตัวน่ารักไม่มีปัญหา แต่คนโต ๆ ไปซื้อมาใส่หาเรื่องแท้ ๆ ไปแล้วก็ได้คุย อยู่ที่นั่นค่อนชั่วโมงเท่านั้นครับ แม่ทัพนายกองมาหมดเลยครับ ท่านก็ดี เขาบอกตามระเบียบของเขาครับ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไปเยี่ยมค่าย เขารู้ทีหลังก็มา ท่านแม่ทัพภาค 1 ก็มา อยู่ในความดูแลของท่านครับ มากันหมดครับ ก็เรียบร้อยดี ขอบอกขอบใจกันระหว่างที่มาช่วยดูแล ผมต้องการไปดูเพื่อจะเอามาบอก วันหลังผมจะไปดูที่ต่างจังหวัดว่าแตกต่างกันอย่างไรกับในกรุง ใครที่ให้ไปฝึกทหารเขาไปดีนะครับ และเขากลับมาเขาก็จะดี เขาจะเป็นคนมีระเบียบวินัย และเขากินดีอยู่ดีครับ เรียบร้อย ผมก็ถามตามประสาผมที่ชอบดูหนังฝรั่งจ่ากองร้อยครับ จ่ากองร้อยต้องดุเดือดนะครับ เข้าไปส่วนมากเกลียดจ่ากองร้อย แต่ตอนจบต้องรักทุกคน เหมือนในหนัง วันทยหัถต์รายงาน เสียงดังฟังชัดเลย ไปแล้วก็กลับมาเล่าให้ฟังหน่อย
เร่งดำเนินการก่อสร้างรถไฟรางคู่
อาทิตย์หน้าจะประชุมเรื่องรถไฟรางคู่ จะประชุมกันให้ถี่ถ้วนลงมืออย่างไร ๆ ถ้าลงมือทำทันที ผมจะต้องปรึกษาหารือกับเขาหน่อย คือถ้าเขาเชื่อเรื่องรถไฟรางคู่ แล้วขยายอันใหญ่ ก็จะทำซีกหนึ่ง อีกซีกยังอยู่อย่างเก่า และต่อไปอีกซีกหนึ่ง ถ้าหากว่าการชักจูงของผมเชื่อ แต่ว่ากำลังนี้ไปประชุมหลายประเทศมา ต้องไปชักชวนต่างประเทศ คือกำลังนี้ที่ไปประชุมที่ สปป.ลาวมา เขาประชุมกัน 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง คือแม่โขงลากลงมา 4,000 กิโลเมตร จีน-จีน จีน-พม่า พม่า- ลาว ลาว-ไทย และกัมพูชา-กัมพูชา ขึ้นทางเวียดนาม คือหันหน้าลงทะเล 6 ประเทศในภูมิภาคนี้ รวมกันแล้วเวียดนาม 84 ล้านคน ไทย 63 ล้านคนบวกสปป.ลาว 7 ล้านคน เป็น 70 ล้านคน แล้วกัมพูชา 14 ล้านคน พม่า 53 ล้านคน ข้างบนมีจีนเขาเอามา 2 มณฑล มณฑลกวางสีมี 40 ล้านคน มณฑลยูนนานมี 50 ล้านคน รวมเป็น 90 ล้านคน ทั้งหมด 6 ประเทศเขาเรียกว่าอนุภูมิภาค ก็เอา 6 มารวมกัน 312 ล้านคน ใครจะคิดใครจะผลิตใครจะทำอะไร ทำถนนหนทางเชื่อมโยงกัน ได้ประโยชน์แน่นอน ก็เอามาเล่าให้ฟังหน่อยเท่านั้นครับว่าเรื่องรถไฟต้องประชุมกันอย่างดี คือทำเร็วลงมือทันที เขาจะให้เอารางอย่างเก่า แต่ว่าผมยังคิดว่าถ้าเร็วขึ้นปลอดภัยขึ้น ควรจะเป็นรางอย่างใหม่ จะรายงานให้ทราบในการประชุม ทุกอย่างเริ่มต้น อาทิตย์ถัดไปจะเรื่องน้ำ งานก็ต้องทำอย่างนี้ละครับ เป็นขั้นเป็นตอน
วิศวกรรมสถานฯ ทำแบบจำลองการไหลของน้ำ
และผมขอเรียนยืนยันว่าอย่างเรื่องน้ำ ก่อนที่เราจะลงมือมีคนมาช่วยนะครับ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย จะจัดประชุมประจำปี ขอแรงให้รัฐบาลร่วมมือ ผมบอกว่าอย่างนั้นร่วมมือกับผมหน่อย เขาจะทำหุ่นจำลอง ที่ผมพูดทั้งหมด จะทำเป็นหุ่นจำลองเลยเอาน้ำไหลจริงเลย น้ำมาได้อย่างไร ดู Elevation ทั้งโน้นสูงอย่างไรทางนี้ต่ำอย่างไร อ่างจะเก็บจะทำอย่างไร และท่อจะวางอย่างไร เขาจะทำให้ดู อย่างนี้ก็ช่วยกันร่วมมือกันครับ
ราคาข้าวเป็นไปตามอุปสงค์อุปทาน
ถัดไปต้องบอกว่า ช่วยบอกหน่อยวันนี้ต้องพูดเรื่องข้าวกับเรื่องปุ๋ย ข้าวไม่มีปัญหาหรอกครับ ตกลงเป็นอันว่าถูกต้องครับ เป็นเรื่องของ Supply Demand อุปสงค์อุปทาน แต่ถ้าราคาสูงเกินไป เขาก็ว่าเราปั่นราคา แต่อย่างไรก็ตามแต่ ราคานั้นสูงขึ้นไปอยู่ และเราได้ทำระบบแล้วว่าให้การซื้อขายเก็บทยอยกันมา ข้าวที่เก็บไว้ขายออกไป ทางนี้ก็ซื้อข้าวเก็บทยอย แต่ว่าเขาก็ยังอยากจะบอกว่า เขาอยากจะเก็บข้าวนาปีเป็นข้าวดีกว่า ก็สุดแท้แต่ แต่ว่าข้าวประมาณ 2 ล้านจะอยู่ในความปลอดภัย แน่นอนไม่มีปัญหา แต่ว่าท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์) ท่านฝากบอกมา คือท่านไปคำนวณตัวเลข ท่านฟังให้ดีนะครับ เราผลิตข้าวเปลือกเอาถ้วน ๆ 31 เราใช้ 30 ผลิตข้าวเปลือกได้ปีละ 30 ล้านตัน สีเป็นข้าวสารแล้วถือว่า 20 ล้านตันโดยประมาณ และกิน 9 ล้านตัน ขาย 9 ล้านตัน เหลือ 2 ล้านตันคือสำรองไว้ แต่จริง ๆ คุณมิ่งขวัญท่านเป็นคนถี่ถ้วน ท่านไปเอานักวิชาการมาประชุมกัน ที่กินข้าวความจริงไม่ใช่ครับ ความจริงกิน 6.6 ล้านตัน ถี่ถ้วน ประชากรเอาเฉลี่ยคนอ้วนคนผอมคนกลาง เชื่อไหมครับคนเรากินข้าวมื้อหนึ่งถ้ากินข้าวทุกมื้อ 100 กรัม คือขีดเดียว ท่านลองดูเอาข้าวสารไปใส่ ข้าวสาร 1 กิโลกรัมก็ 1,000 กรัม เอามา 1.10 กำมือเดียววาง 1 ขีด ลองดู นั่น 1 ขีด พอหุงมาแล้ว 1 จาน กินธรรมดาอย่างนั้นละครับ พูดง่าย ๆ ว่ากินมื้อจะ 1 แต่เรากินมื้อละ 100 กรัม 1 ขีด กิน 3 มื้อ 3 ขีด 3 ขีดนี่ละครับจะบอกให้ฟังว่า แต่ก่อนนี้ขีดละหกสลึง เดี๋ยวนี้ขีดละ 3 บาท
ที่พูดตรงนี้ไม่ใช่มาชักชวนอะไรครับ มันเป็นส่วนย่อยที่ท่านทั้งหลายจะช่วยเสียสละตอนนี้หน่อยเพื่อชาวนา คือข้าวธรรมดากระสอบละ 1,100-1,200 บาท ข้าวสารนะครับ เดี๋ยวนี้ขาย 2,500 บาท แพงขึ้นมาเท่าตัว เมื่อเฉลี่ยลงมาแล้วก็ปรากฏว่า มื้อละ 1 ขีด วันละ 3 ขีดครับคนเรากินข้าว เพราะฉะนั้นมื้อละ 3 บาท แต่ก่อนกินมื้อละหกสลึง (1.50 บาท) ค่าข้าว เดี๋ยวนี้เป็น 3 บาท เท่านั้นละครับดูเหมือนตั้งเท่าตัว 100 เปอร์เซ็นต์ ถูกต้องครับ แต่ว่าเงิน 3 บาท จาก 1.50 บาท เป็น 3 บาท แล้วชาวนาจะได้ไปเท่าตัว คือชาวนาเคยขายข้าวได้เท่าไร ได้แพงขึ้น เคยขายข้าว 6,000, 7,000, 8,000 ประกัน เดี๋ยวนี้ขายได้ 15,000 ข้าวหอมมะลิขายเป็น 30,000 เพราะฉะนั้น เขาก็มีว่าเรื่องอย่างนี้ให้ผมช่วยบอกหน่อยว่าเรื่องการจะอดจะขาดไม่มีแน่นอน แต่อยากให้รู้ว่าการที่ท่านเสียสละหน่อย ตัวเลขทอนแล้วเล็กมาก กินข้าว 1 มื้อแต่ก่อนข้าวตักมาจานหนึ่ง 1.50 บาท เดี๋ยวนี้เป็น 3 บาทเท่านั้นละครับ ให้รู้ว่าเราเสียสละไม่มาก แต่ชาวนาจะได้ราคาแพงกว่าเดิมเท่าตัว เรื่องรายได้ผมเป็นคนนิยมไม่พูด แต่กำลังดำเนินการอยู่ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไรเพราะรายได้กับรายจ่ายห่างกันมาก ก็ให้เข้าใจตรงนี้
จับผู้ที่ทำปุ๋ยปลอมออกจำหน่าย
พอถึงข้าวแล้วก็เรื่องปุ๋ย วันนี้เขาจะขายปุ๋ยลดราคาต่าง ๆ แต่จริง ๆ แล้วเรากำลังเจรจากับประเทศที่ผลิตปุ๋ยเพื่อจะซื้อเข้ามาสั่งเข้ามา และจะไม่เอากำไรขายให้ชาวนา ราคายุติธรรม แต่ว่าเขาต้องไปตรวจ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายธีระชัย แสนแก้ว) ก็ไปตรวจ ส่งรายงานมา ความจริงท่านไม่ได้ส่งเองหรอกครับ ลูกน้องท่านส่งมาให้ รัฐมนตรีไปตรวจเอง ไปขอหมายศาลไปตรวจที่สระบุรี ชื่อบริษัท เอาละผมจะแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ จะไม่เอ่ยถึง เขาไปตรวจมีถุงอยู่แสนใบ พิมพ์หลายบริษัท อันนี้ยังไม่เรียกว่าทำปลอมหรอกครับ แต่ว่าไม่มีใบอนุญาต จะถูกต้องอย่างไรไม่ทราบได้ มีโน้นมีนี่มีอะไร เอาปุ๋ยมาผสมแล้วขาย ไม่ถูกต้องครับนี่ติดตาราง 5 ปี ไม่คุ้มค่าครับ รายนี้ยังไม่เรียกว่าปลอม แต่ว่าจัดการเอาอะไรมาผสมใส่ แล้วเอายี่ห้ออื่นเขา ปลอมยี่ห้อเขา อย่างนี้ไม่ถูกต้อง อย่างนี้กำลังตามดูอีก เพราะเรากำลังสนับสนุนปุ๋ยออแกนิกส์ ปุ๋ยอินทรีย์นี่ละครับ เพราะว่าข้อพิสูจน์อยู่แล้วว่าที่จังหวัดสุรินทร์ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ คือปุ๋ยอินทรีย์ใส่ไป 9-10 วันมันถึงจะเขียวขึ้นมา แต่ปุ๋ยเคมีใส่วันนี้พรุ่งนี้มันเขียว แต่ว่าออกมาเหมือนกันเลยครับ เขาบอกได้ผลเหมือนกัน แต่ราคาเพียง 1 ใน 3 ราคาไม่ถึงครึ่งของราคาปุ๋ยเคมีที่ใช้อยู่
อย่างไรก็ตามแต่ กำลังนี้เมื่อข้าวราคาดีก็ปลูกกันใหญ่ เดี๋ยวนี้เขามีข้าวเรียกว่า ข้าวไฮบริดจ์ผลิตออกมาได้มากขึ้น คือข้าวจะต้องนับ ท่านจะรู้ว่าผลิตอย่างไรเท่าไร ท่านต้องไปดูเวลาวันที่ จวนแล้วครับเดือนพฤษภาคม วันแรกนา จะต้องมี แต่ก่อนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ เดี๋ยวนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ จะมีพระราชทานรางวัล แล้วไปคอยเงี่ยหูฟังสิครับ คนนี้ปลูกข้าวได้เท่าไร ๆ 1 ไร่ได้เท่าไร เขามีการนับกัน เหมือนกับคนเขาคุยนินทาว่าไปกางมุ้งอยู่ข้างคันนา คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่เขาดูแล สำคัญที่สุดคือเมื่อสักครู่พูดจาไว้ว่า บอกกิน 9 ล้านตัน ความจริงกิน 6.6 ล้านตัน ทั่วประเทศเฉลี่ยแล้ว 6.6 ล้านตัน มาเหลือ 2.4 ล้านตัน มันไปไหม 2.4 ล้านตัน ไม่ใช่สำรอง นี่สำหรับอยู่ในที่กินข้าว เขาบอกว่าจะต้องเป็นข้าวเปลือกที่สีไม่หมดสำหรับเอาไว้ทำพันธุ์ เมื่อสักครู่อ่านหนังสือพิมพ์บอกว่าชาวนาขายข้าวดีไม่เก็บไว้ทำพันธุ์เลย รัฐบาลก็ผลิตพันธุ์อยู่ แต่ว่าถ้าข้าวของชาวนาดีเก็บไว้เอง ดีกว่าไปซื้อข้าวพันธุ์มาปลูกนะครับ อะไรก็ตามแต่เรื่องนี้ก็เป็นที่เข้าใจกันดี รัฐบาลโดยกรมการข้าวก็ออกพันธุ์ใหม่ เขาบอกต้องเปลี่ยนพันธุ์เสมอ ตัวเพลี้ยก็ดี ใบเหี่ยวใบแห้งโรคจะได้ไม่รังควาน ก็เรียบร้อยนะเรื่องข้าวเรื่องปุ๋ย เขาตามจับนะครับต่อไปนี้ใครทำอะไรมิดีมิร้าย รัฐมนตรีจับเองนะครับ ตราที่ทำไว้แสนใบลองคิดดูสิครับ แล้วปุ๋ยอะไรต่าง ๆ อยู่มากมาย สำคัญว่าจะทำเป็นทำสูตรตรงนั้นหรือเปล่าที่ทำขายชาวบ้าน ไม่ยุติธรรมนะครับ ต้องมีใบอนุญาตครับ
ได้รับการท้วงติงในการใช้คำว่า “กำลังนี้”
ทีนี้ถัดไปควรจะคุยถึงเรื่อง ก่อนจะคุยสารคดีที่ผมตั้งใจไว้ วันนี้อ่านหนังสือพิมพ์ถูกต่อว่าครับ สุภาพสตรี เข้าใจว่าเป็นอาจารย์อยู่มหาวิทยาลัยราชภัฏอยุธยา เขียนบทความลงหนังสือพิมพ์หาว่าผมใช้คำว่า “กำลังนี้” มากเกินไป กำลังนี้มากมายเลยครับ ผมอ่านดูและผมก็ไม่เคยคิดว่าผมพูดคำว่ากำลังนี้มากขนาดนั้น ท่านบอกกำลังแปลว่าอย่างนั้น และเอานี้มาใส่ พูดง่าย ๆเหมือนกับว่าผมกำหนดวลีใหม่ขึ้นมา ซึ่งเหมือนกับว่าไม่น่าจะถูกต้อง ต้องพูดว่าเดี๋ยวนี้ ขณะนี้ ตอนนี้ อย่างนี้ได้ ให้ใช้คำอย่างนี้ เหมือนอย่างนั้นนะครับ และผมก็ใช้ คนก็ไปตามอย่าง ก็กรุณาอย่าตามอย่าง ถ้าผิดนะครับ ผมก็ไม่ทราบ ผมนึกว่ากำลังนี้ เป็นภาษาคุยภาษาพูด ขณะนี้อาจจะเป็นราชการไปหน่อย ตอนนี้ ขณะนี้ เดี๋ยวนี้ ก็คงจะพูดได้ครับ แต่ว่ากำลังนี้ผมก็ไม่รู้มาจากไหน แต่คิดว่าโดยสัญชาตญาณของการสนทนา แต่เอาละครับเมื่อทักท้วงผมก็ยินดีที่จะไม่ใช้คำนี้ แต่จะหารือกับราชบัณฑิตยสถานว่าตกลงแปลว่าอย่างไร เขียนทักท้วงกัน และยังมีคนเขียนทักท้วงอยู่นะครับ บางคอลัมน์ยังเขียนทักท้วงอยู่
มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่ทำงานจะแก้แต่รัฐธรรมนูญ
ที่ผมค่อนข้างจะไม่ถึงกับเสียใจ แต่มันรำคาญใจ คือกลายเป็นว่าเวลานี้รัฐบาลนี้ไม่ทำอะไร จะตั้งหน้าตั้งตาจะแก้รัฐธรรมนูญ คนอ่านจะมีวิจารณญาณอย่างไรไม่ทราบ แต่คนเขียนเขามีความตั้งใจเลย จะตำหนิการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แน่นอนและพูดเป็นทำนองว่า รัฐบาลไม่ทำอะไรเอาแต่แก้รัฐธรรมนูญ อย่างที่ผมอ่านให้ฟังเมื่อก่อนนี้ เห็นไหมราษฎรจะต้องกินปลายข้าว แต่ว่ารัฐมนตรีหน้าโง่กำลังจะแก้รัฐธรรมนูญ ผมจะบอกให้ฟังนะครับท่านทั้งหลายที่เป็นคนเขียนคอลัมน์ ถ้าท่านมีความคิดสักนิดเดียว งานฝ่ายบริหารเขาเรียกคณะรัฐมนตรี แล้วฝ่ายนิติบัญญัติอยู่สภา งานนี้สภาเขาเป็นคนดำเนินการ สมาชิกสภาดำเนินการ ซึ่งไม่ใช่ฝ่ายบริหาร และฝ่ายบริหารเองจะเอื้อเฟื้อเล็กน้อย เช่นจะนัดหัวหน้าพรรคอีก 5 พรรคมาคุยให้ลงตัวอะไรเป็นอะไรอย่างไร แล้วทำไมเวลาที่พูดจากัน ไหนพูดตรงนี้ก็เอาให้ชัดเจนเลยว่า การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องมีเหตุ อยู่ดี ๆ จะคิดแก้หรือ ก็ไม่ใช่ คือคนเรามันประหลาดตรงนี้ครับว่า เมื่อไม่นานมานี้วันที่ 19 กันยายน 2549 เขามีการยึดอำนาจในบ้านเมืองนี้ และคนที่ยึดอำนาจเขาฉีกรัฐธรรมนูญ 2540 ทิ้งทั้งฉบับ และเขาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมา 39 มาตรา ไม่มีใครว่าเลยครับ ทนอยู่กันได้ นักวิชาการ นักอะไร คนเขียนคอลัมน์หนังสือพิมพ์ ผมจะใช้สำนวนแบบผม เดี๋ยวก็ต้องว่าผมอีกว่าพูดจาหยาบคาย ผมไม่ใช้หรอกครับ แต่จะอธิบายให้ฟังหน่อยว่าคำที่อยากจะใช้จริง ๆ คือว่าตอนนั้นไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ไม่มาทักไม่มาท้วง ไม่มาแสดงความคิดเห็นเลย ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งทั้งฉบับ จะแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ อ้างบอกว่าลงพระปรมาภิไธย และคนที่พูดไม่คิดหรือครับ ว่าที่ฉีกทิ้งไปก็ลงพระปรมาภิไธย ทำไมฉีกไปได้ เรื่องนี้คิดแล้วคืออยู่ดี ๆ วันนี้คณะรัฐมนตรีไม่บริหารบ้านเมือง คิดแต่แก้รัฐธรรมนูญอย่างเดียว ไม่ใช่หรอกครับ เขามีคนจะทำคนจะแก้
ที่ผมย้อนไปเรียงตามแถวให้ฟังคือว่า อธิบายให้ฟังเสียเลยเรื่องรัฐธรรมนูญ ผมตั้งหัวข้อมาว่า “รัฐธรรมนูญกินไม่ได้ ทาไม่ได้ แต่ว่าเป็นหัวใจของการปกครอง แล้วก็เพราะมีคนมาผูก จึงต้องมีคนจะแก้” เท่านั้นละครับ ลำดับความถ้าไม่ลืมกันไป ถามสิครับว่าถ้าสมมติไม่มีการปฏิวัติ มีคนคิดแก้รัฐธรรมนูญไหมครับ มีคนคิดแก้รัฐธรรมนูญ เพราะเขาบอกว่ารัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ทำให้รัฐบาลแข็งแรงเกินไป แล้วย้อนดูสมัยนั้นรัฐธรรมนูญทำให้รัฐบาลแข็งแรง ก็เพราะว่ารัฐบาลล้มลุกคลุกคลานมาเกือบ 60 กว่าปี มีปฏิวัติเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 ปฏิวัติเสร็จแล้วก็วานคนมาเป็นนายกรัฐมนตรี 2 หน มีการเถียงกันรัฐธรรมนูญ 211 สุดท้ายก็แก้ 211 เพื่อจะหาหนทาง พอแก้ 211 เสร็จเรียบร้อยก็พูดจากันว่าจะต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นประโยชน์ ทำให้รัฐบาลแข็งแรง คือพูดง่าย ๆ ว่าเมื่อรัฐบาลไม่แข็งแรง บ้านเมืองก็เป็นอย่างที่เราเป็น ถ้ารัฐบาลแข็งแรง มีไหมรัฐบาลแข็งแรง มีครับ
พูดให้ฟังชัดเจนเลยที่ประเทศมาเลเซียนั้นเขาได้เอกราชจากอังกฤษ เขาได้เอกราชมาแล้วเกิน 50 ปีแล้ว เกินครึ่งศตวรรษ เมื่อเวลาที่เขาได้มา อังกฤษเขาอบรมไว้ เมืองขึ้นเขานะครับ ได้เอกราช เขาก็ให้มีการเลือกตั้ง เขาเคยเลือกตั้งไหม ไม่เคยครับ เคยมีรัฐบาลเองไหม ไม่เคยครับ รัฐบาลอังกฤษปกครอง เขาให้เอกราชปกครอง คนที่ตั้งพรรคการเมืองชื่อตนกู อับดุลเลาะห์มาน แม่เป็นไทย ตั้งเป็นหัวหน้าพรรคอัมโน UMNO ตัวย่อ (The United Malays National Organisation) ตั้งเสร็จเรียบร้อยก็ลงแข่งขันเลือกตั้ง เลือกมาเสร็จปรากฏว่าพรรคอัมโนได้เสียข้างมาก แต่ไม่มากพอในสภา มีพรรคอีก 10 พรรค มารวมกันเป็น 11 พรรค เป็นอัมโนบวก10 และก็บริหารบ้านเมืองประเทศมาเลเซีย เรียบร้อยครับ บริหารมา 5 ปี 5 ปีถึงเลือกตั้งที พอจะเลือกตั้งใหม่ ประชาชนไม่เคยมีรัฐบาล มีรัฐบาลมา 5 ปีเขาบอกว่ารัฐบาลชุดนี้ดีมากเลย เพราะฉะนั้น ตนกู อับดุลเลาะห์มาน ท่านก็เก่ง ท่านบอกถ้าหากว่ารัฐบาลนี้ดี จะเลือกรัฐบาลนี้กลับมาอีก ท่านจะตีตรา NF คือ National Front แนวร่วมแห่งชาติ พรรคจะตีตรา NF และถ้าเห็น NF เลือกเลยจะได้รัฐบาลเก่า ก็โดยวิธีนี้ละครับ มาเลเซียก็ได้รัฐบาลแล้วรัฐบาลเล่า ท่านตนกู อับดุลเลาะห์มาน อยู่หนหนึ่งอยู่หนสองหนสาม เสร็จแล้วท่านตนกู อับดุลราซัค ท่านก็มาอยู่หนหนึ่งหนสองหนสาม เสร็จแล้วท่านฮุซเซน อน ได้อยู่หนเดียวครับไปผ่าตัดหัวใจ ท่านเลยต้องถอยออกไป ก็ได้มหาเธร์ โมฮัมหมัด เป็นแขกขาว ท่านก็ดีเป็นหมอผ่าตัด วางเครื่องมือและเข้ามาบริหารการเมือง เป็นหัวหน้าพรรคอัมโน และบริหารมาดี อยู่นานเท่าไรครับ 22 ปี แปลว่าเท่าไร 4 รอบครึ่ง รอบละ5 ปี นายกรัฐมนตรีบริหาร 22 ปี ยังมีเก่งกว่าหน่อยนะครับ 23 ปีท่านนายกรัฐมนตรีฮุนเซ็น มีเก่งกว่าอีกท่าน ลี กวน ยู 31 ปี เก่งกว่าลี กวน ยู มีไหมครับ มีครับ ซูฮาร์โต 32 ปี ทำไมถึงต้องจำตัวเลขพวกนี้ได้ เขาดังครับ และเราต้องจำของพวกนี้ ไม่ต้องมีใครมาสอนผมหรอกครับ ผมเอามาวางเรียง ๆ ให้ฟังได้ แปลว่าเขามีตัวอย่างอย่างไร เราก็ศึกษามา
มาเลเซียนั้นรัฐบาลเรียงแถวกันมาเลย ท่านตนกู อับดุลเลาะห์มาน ตนกู อับดุลราซัค ฮุสเซ็น ออน มหาเธร์ โมฮัมหมัด เสร็จแล้วมาถึงท่านปัจจุบัน ท่านอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี ท่านเป็นอย่างไรครับ วันที่ 23 เมษายนนี้ผมจะไปเยี่ยมท่าน ท่านบาดาวี ทีแรกท่านนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด เลือกเองเลย อันวาร์ อิบราฮิม เลือกเสร็จปรากฏว่าลูกน้องอันวาร์ปากไม่ดี บอกกันอัมโนทั้งนั้น อันวาร์จะลงแข่งด้วย พั๊วเดียวเท่านั้นครับ ผมเคยคุยให้ฟัง ผมเคยนั่ง ผมไปส่งท่านมหาเธร์ที่สนามบิน เครื่องบินช้าชั่วโมงครึ่ง ถามโน่นถามนี่ ถามเรื่องรถโปรตอนซาก้าเป็นอย่างไร ถามเรื่องตึกแฝดเป็นอย่างไร ถามท่านนายกรัฐมนตรีครับอยากทราบเวลาอัมโนประชุม มีแคนดิเดทมาแข่งขันกันไหม ตอนนั้นผมเป็นรองนายกรัฐมนตรี ท่านบอกการเมืองของเราถ้าหากว่าคนที่ 1 ไม่ขยับเบอร์ 2 จะไม่โผล่หัวขึ้นมาให้เห็น แต่ผมอ่าน Asia Week ลูกน้องอันวาร์บอกว่าเที่ยวหน้าประชุมอัมโน อันวาร์จะเข้าแข่ง พั๊วเดียวกลับไปเท่านั้น หมัดซ้ายหมัดขวาเลย ล่อเข้า 2 คดี 15 ปี เห็นไหมครับ เลือกเองเลยนะครับ เลือกมาเป็นรัฐมนตรีคลัง เลือกเป็นรองนายกรัฐมนตรี จะเป็นทายาท ไม่ดีนะครับ เปลี่ยนเลย ท่านก็เลือกคนนี้นุ่มนวลครับ บาดาวี ปรากฏว่าท่านเลือกบาดาวีมา ก็ดีครับ ท่านลงจากเก้าอี้ ท่านน้ำตานองหน้าเลย แล้วก็มอบให้ท่านบาดาวี ท่านอยู่ 5 ปี เผลอประเดี๋ยวเดียว 5 ปีเลือกตั้งใหม่ ธรรมเนียมอะไรก็ไม่ทราบ เขาบอกว่า ต้องได้ 2 ใน 3 คือทำอะไรต่ออะไรได้ทำนองนั้น บาดาวีเลือกมาชนะนะครับ แต่ขาดไป 8 แต้ม ขาด 8 ที่นั่ง ถึงได้ 2 ใน 3 เรียกร้อง กว่าจะตั้งรัฐบาลได้เสร็จ จะเรียกร้องให้ลาออก ดูสิครับ ชนะเลือกตั้งเกินครึ่ง แต่ไม่ได้ 2 ใน 3 ขาด 8 ที่นั่ง ผมจะต้องเลื่อนไปเยี่ยมท่านเพราะเรื่องนี้ท่านตั้งรัฐบาลไม่เสร็จ
เอาเขามาพูดทำไมครับ มาพูดเพื่อจะบอกให้รู้ว่า รัฐบาลที่เขาสืบเนื่องกันมาเป็นขั้นเป็นตอนนั้นเขาแข็งแรงอย่างนี้นะครับ อินโดนีเซียเป็นอย่างไร เขาปฏิวัติเสร็จ ยึดอำนาจเสร็จ คุณซูการ์โนอยู่ 17 ปี ซูฮาร์โตอยู่ 32 ปี เขาอยู่กันมาอย่างนั้นครับ แต่ว่าของเราไม่ใช่เผด็จการดุเดือดเลือดพล่านอย่างนั้น แต่ว่ารัฐธรรมนูญนั้นเขียนเอาไว้รัฐบาลไม่แข็งแรง เขาจึงได้คิดอ่านกัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ถัดมาอีก 6 ปีจึงได้ตกลงกันเรียบร้อย ก็ตกลงตั้งเรียกว่า ส.ส.ร. ที่ร่างกันมา แล้วมีธงเขียวธงเหลือง และให้รับ ไป ๆ มาพอใช้ได้ครับ ผมไม่พอใจ แต่เขาบอกพอใช้ได้ดี ก็เอาตามใจ ก็ได้รัฐธรรมนูญปี 2540 พอจะใช้ปรากฏว่าพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ท่านลาออก 1 ปีท่านลาออก คุณชวน หลีกภัย ท่านเข้ามาอยู่ 3 ปี ยังไม่ใช้รัฐธรรมนูญต้องมีเลือกตั้งใหม่ครับ ปี 2544 จึงได้เลือกตั้ง นั่นละครับถึงได้ใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 ใช้ปี 2544-2548 ปี 2548 ใช้ได้อีกปีเดียว ใช้รอบแรก 4 ปี รอบหลัง 1 ปี ดีเกินไป ดีตรงไหน รัฐบาลแข็งแรง แข็งแรงตรงไหน จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีต้องมีเสียง 1 ใน 4 เซ็นชื่อ ก็บังเอิญเลือกตั้ง 500 ที่นั่ง รัฐบาลได้ 377 ฝ่ายค้านได้ 123 ขาดไป 2 ที่นั่ง 2 นั่งอภิปรายรัฐมนตรีไม่ได้ ผมจะบอกให้ฟังนะครับถ้าหากว่าทางฝ่ายค้านวันนั้นได้สัก 130 ก็ไม่มีเรื่องหรอกครับ เขาก็มีรูหายใจ แต่ว่าเขาอภิปรายรัฐมนตรีได้ ถ้าสมมติว่าฝ่ายค้านได้ 201 ฝ่ายรัฐบาลมี 299 ก็ยิ่งสนุกใหญ่ครับ ถ้าประชาธิปัตย์มี 201 ไทยรักไทยมี 299 ก็ไม่มีปฏิวัติ แต่ว่าผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างนั้นไป อยู่ที่รัฐธรรมนูญหรือเปล่า เขาว่าอยู่ที่รัฐธรรมนูญ เขาทำอย่างไร เขาได้อำนาจรัฐอย่างนี้เขาไม่ถูกอภิปราย เขาก็บริหาร 5 ปีบวก 1 ดีเกินไปไหม คิดโน่นคิดนี่ ผมบอกว่าถ้าไม่มีนายกฯ ชื่อทักษิณ ชินวัตร มาตั้งพรรคการเมือง รัฐธรรมนูญปี 2540 ยังใช้อยู่ครับ ประชาธิปัตย์ได้เสียงข้างมากก็บริหารไป ก็บริหารแบบประชาธิปัตย์ บริหารไปครับ ใครจะขึ้นมาใหม่ก็เป็นอย่างนั้น ยาจกทั้งนั้นนี่ครับ ขึ้นมานักการเมืองต้องเป็นยาจกทั้งนั้น มีอันจะกินก็ไม่ มีอันจะกินต้องเป็นบางคนอยู่ในพรรคแต่ไม่ได้เป็นหัวหน้านะครับ หัวหน้าต้องยาจก อย่างนี้ครับ นี่หัวหน้าเศรษฐีก็มีเหตุสิครับ หัวหน้าเศรษฐีก็อาจจะคิดแบบเศรษฐีอาจจะทำอะไรต่าง ๆ
ชี้แจงตอบโต้เรื่องต่าง ๆ ในรายการสนทนาฯ เป็นสิทธิในระบอบประชาธิปไตย
ผมต้องพูดถึงตรงนี้เพราะเหตุที่เขม่นกันมา เพราะบริหารมา 4 ปีเรียบร้อยดี นโยบายต่าง ๆ ก็เป็นไปได้ พอขึ้นรอบสองก็ใช้นโยบาย เขาก็ได้มาอีกรอบหนึ่ง 1 ปีเท่านั้นก็เกิดเรื่อง แล้วก็ดึงกระชากกันลง เพราะอะไรครับ เพราะว่าที่มานั่งคุยทุก ๆ วันเสาร์ ไม่คุยแบบผมคุย คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้จะทำโน่นทำนี่ เขาเย้ว ๆ เขาด่าทอว่ากล่าว ไม่เลย ดี ประชาธิปไตย ผมว่าไม่ดีหรอกครับ เพราะอย่างนั้นครับ พั๊วเดียวเท่านั้นเดินทางอยู่พั๊วเดียวไปเลย มามีเหตุ แต่อย่างนี้เวลานี้ใครจะทำอะไรอย่างไรผมก็พูดผมก็ตอบโต้ ประชาธิปไตยนี่ครับ ด่าอยู่ข้างเดียวได้อย่างไร คนบางคนคนนี้ก็ห้าม อย่าไปพูดหนังสือพิมพ์ แล้วหนังสือพิมพ์เขียนทุกวันด่าทุกวันว่าทุกวัน ทุกวันนี้ก็ยังเขียนอยู่ คือยังกระทบกระแทกแดกดันอยู่ แล้วทำอย่างไรครับ ผมก็บอกว่าผมก็พยายามอยากจะเป็นคนดีกับเขา เป็นคนดีต้องไม่ตอแยหนังสือพิมพ์ ปล่อยหนังสือพิมพ์ด่าข้างเดียวโขกข้างเดียว แล้วเป็นอย่างไรนายกฯ ทักษิณฯ เป็นอย่างไร พั๊วเดียวเด็ดทิ้งเลย นั่นเพราะไม่ชี้แจงไม่โต้แย้งไม่หักล้าง ไม่ทำตามกฎหมายบางสิ่งบางอย่าง เปิดไปชี้ไป ๆ ด่าเอา ๆ ด่าอยู่ 7 เดือนคิดสิครับ แล้วเขาทำถูกต้อง แล้วคนที่ด่าเขา 7 เดือนทำอย่างไร มาขอโทษขอโพยเขาไหม ไม่ แล้วนี่ทำกันอย่างนี้ด่ากันไปด่ากันมา ด่ากันมาด่ากันไป ผมถึงได้บอกว่าตั้งว่า สนทนาประสาสมัคร เพื่อจะได้มีโอกาสพูดจาชี้แจงอธิบายเรื่องนั้นเรื่องนี้ ไม่ให้จืดชืดเหมือนกับวิชาการ จะทำโน่นจะทำนี่ พูดไปเดี๋ยวก็โดนด่า ถ้าไม่พูดอะไรเลยบอกมีแต่คุยโม้ โผล่เข้ามาจะคุยโม้ทำโน่นทำนี่ ผมเลยต้องเลือกสลับเอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มานั่งมาคุย
รัฐธรรมนูญปี 2540 ถูกฉีกทิ้งเพราะรัฐบาลแข็งแรงเกินไป
เมื่อคุยมาถึงตรงนี้แล้วทำอย่างไร ดีเกินไปเก่งเกินไป ถูกต้องครับ แล้วก็เลยปฏิวัติ เพราะเขากลัวว่าจะอยู่ตลอด ยึดอำนาจ 20 ปี คนโน้นชอบพูด คนนี้ชอบเชียร์ คนนั้นอย่างนั้นไป มีคนที่คิดตื้น ๆ มีครับ ไป ๆ มา ๆ ก็ยึดอำนาจ แล้วเป็นอย่างไร อย่างที่แลเห็น ยึดอำนาจเขาฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับทิ้ง ที่ว่าดีกันนี่ละครับ เพราะอะไร เพราะแข็งแรงเกินไป รัฐบาลแข็งแรงเกินไป ผมย้ำครับ ถ้ารัฐบาลที่แล้วได้ 130 125 เขาจะเอารัฐมนตรีคนไหนเมื่อไร เขาก็ยื่นได้ทันที ก็ไม่มีเรื่องครับ รัฐบาลได้ 299 ฝ่ายค้านมี 201 ก็สู้กันดี 299 กับ 201 อย่างนี้ถ้าจะด่านายกฯ วันไหนก็ยื่นเลยครับ เอานายกฯ มาขึงพืดกลางสภา ด่าทอกัน ทำได้ แต่รัฐธรรมนูญฉบับที่แล้ว แต่รัฐธรรมนูญฉบับที่แล้วเขาก็เขียนไว้อย่างนี้ นายกฯ ต้อง 200 ส.ส. ต้อง 125 ก็เลือกตั้งมาแล้วฝ่ายค้านได้ 123 มันยั่วกิเลสไหมครับ ยั่วกิเลส ไป ๆ มา ๆ ก็เป็นอย่างที่ว่า ไป ๆ มา ๆ ก็ฉีกทิ้ง พอฉีกทิ้งเขาบอกเลยครับ เขาพูดเลย ท่านทั้งหลายผมไม่ได้มามุสา มดเท็จ ท่านไปนั่งอ่านในหอสมุด ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน ปี 2549 เรื่อยไปนั่งเปิดดู ต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ใส่โน่นใส่นี่ ทั้งหมดที่ร่างมานี้เอาตัวนายกรัฐมนตรีคนเก่าเป็นความเกลียดชัง จับใส่ไป ๆ ตอนออกกฎหมายลูกยังพูดเลยครับ บอกเลยจะต้องทำอย่างนั้น ทำตรงนี้ ไอ้นอมินีระวังให้ดี จะดูจะเขียนกฎหมาย ทำมาทีหลังทั้งนั้น
อย่างกรณีผม เดี๋ยวหนังสือพิมพ์บอกชอบพูดเรื่องส่วนตัว มันเกี่ยวพันครับ วันที่เดือนเมษายนผมโดนคดี คดีหมิ่นประมาท ไปกล่าวหาว่าเขาทำอย่างนั้นแล้วได้รถยนต์ไปคันหนึ่ง เท่านั้นละครับ ก็โดนติดตาราง ตั้งไป 4 กระทง กระทงละ 6 เดือนก็ 2 ปี แล้วไม่รอลงอาญา ถ้าเป็นแต่ก่อนนี้รัฐธรรมนูญเก่า ก็รอจนกระทั่งถึงศาลฎีกาตัดสิน รัฐธรรมนูญใหม่เดี๋ยวนี้เติมเข้ามาทำไม ถ้าหากว่ากำลังดำรงตำแหน่งแล้วถูกตัดสิน โดนเลยครับ อย่างผมนี้ถ้าคราวหน้าพอศาลอุทธรณ์ตัดสินพั๊วลงมา ถ้าศาลอุทธรณ์ยืนว่าผมต้องไม่รอลงอาญา เท่านั้นละครับผมก็พ้นจากตำแหน่ง เขาเขียนขึ้นมาใหม่ครับ แต่ก่อนต้องรอศาลฎีกา เดี๋ยวนี้ไม่ครับ ก็เพราะอย่างนี้ละครับ เขียนตรงนี้ขึ้นมา ๆ
ยืนยันการแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ช่วยเรื่องยุบพรรคการเมือง
ผมจะบอกให้ฟังครับว่าถ้าไม่พูดรายละเอียดให้ฟัง ทำไมอยากแก้ ๆ พูดให้ฟังให้ชัด ๆ ตรงนี้เลยว่าแก้รัฐธรรมนูญแล้วไม่ได้ช่วยเรื่องยุบพรรคเลยครับ ไม่ได้ช่วย 309 เลยครับ เพราะจะต้องไปตีความอีกว่าเอามาใช้ย้อนหลังได้หรือไม่ ต้องถือว่าไม่ได้ตอนนี้ แต่ว่าแก้ทำไมครับ แก้เพราะเห็นว่าเรื่องนี้ ผมพูดตั้งแต่แรกว่าเอาละ 3 เดือนจะไปค่อยแก้รัฐธรรมนูญ ก็ถ้าไม่มีเรื่องอย่างนี้ละครับ ถ้าบรรดาคนที่ดูอะไรต่าง ๆ เขาก็พอสมควรแก่เหตุตรงนั้นพั๊ว ๆ ไม่มีเรื่องยุบพรรคออกมา ก็ไม่มีใครต้องยึดมาแก้ เขาคิดกันเรื่องนี้ ก็เลยคิดกันว่าเพราะรัฐบาลนี้จะอยู่ไม่ได้ยืด เพราะจะต้องถูกยุบพรรคลงไป โอกาสจะต้องคิดแก้รัฐธรรมนูญจึงต้องคิดว่าต้องทำเพราะมี 316 โดนเข้าไป 3 พรรค 316 ก็อยู่ไม่ได้ครับ เพราะฉะนั้นจึงต้องแก้รัฐธรรมนูญ มันมีเหตุครับ สมัครบอกว่าอีก 3 เดือนไป ถูกต้องครับ ก็ลองสิครับถ้าไม่มาแตะต้องเรื่องยุบพรรค ก็นั่งใช้กันไปเถอะครับอีก 3 เดือนค่อยแก้ แก้แล้วก็เลือกตั้งกันใหม่
ย้ำแก้รัฐธรรมนูญเพื่อคนในวันข้างหน้า
ผมพูดไม่เห็นเสียหายตรงไหน ผมพูดความตรงไปตรงมา ก็มีเหตุไหมที่ทำให้ต้องคิด เพราะอะไร มีเหตุว่าจะต้องยุบพรรค เมื่อยุบพรรคแล้วเขาก็คิดกัน เขาไม่ได้คิดถึงตัวเองหรอกครับ เขาคิดถึงยุบพรรคแล้วก็ต้องยุบสภา อยู่ไม่ได้หรอกครับ ก็ต้องเลือกตั้งใหม่ เพราะฉะนั้นตรงนี้เรามี 316 บวกกับวุฒิสมาชิกที่เขาเห็นดีเห็นงามด้วย ก็แก้รัฐธรรมนูญนี้ได้แน่ ก็จะต้องแก้เสีย แก้เรื่องอะไรครับ ผมไม่ชอบไปพูด 237 ที่พูดกันนั้น เพื่อตัวเอง ใจผมจะบอกว่า 237 ต้องแก้เพื่อคนวันข้างหน้าจะไม่ถูกยุบพรรคสุ่มสี่สุ่มห้า ทำผิดเป็นส่วนบุคคล ก็วรรคสองไม่มีสิครับ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ใส่ลงมา ใส่ลงมาเพื่ออะไร เพื่อต้องการจะฆ่าพรรคการเมืองที่จะเกิดขึ้นมาใหม่เอาให้ตาย เอาให้ตายต้องอย่างไรก็ต้องเล่นงานคนที่เป็นกรรมการ
ศาลฎีกาพิจารณาคดียุบพรรคการเมือง
เรื่องนี้ผมบอกเลยผมหวังพึ่งศาลฎีกา ขึ้นไปบนนั้นถูกต้องแล้วครับ กกต. ท่านพิจารณาปั๊บอย่างสองพรรรคนั้นโดน พั๊วไปเลยครับ แต่ครั้งนี้ขึ้นไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ศาลฎีกานี่ละครับจะดู ต่อไปนี้จะตรวจสอบหมด จะสอบหมดในรายละเอียดทั้งหมด เรื่องเป็นอย่างไรจะได้เห็นเลย หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเขียนบทนำว่านายสมัครมาอ้างอิงจะต้อง ดูขึ้นศาลสิครับ มีพยาน 10 คน 9 คนเขาบอกเขาถูกหลอกมา คนที่ปรากฏว่าคนเดียวเท่านั้นละครับ ที่ไปเก็บกักไว้นี้ คนเดียวให้การ ทางนี้ก็เชื่อคนเดียว อีก 9 คนไม่เชื่อไม่ฟัง ไม่รับคำให้การ ได้อย่างไรครับ นี่โชคดีนะครับว่าได้ขึ้นศาลฎีกา แล้วพิจารณากันในศาลเลยครับ นำสืบได้หมดเลยครับ ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง 6 เดือนใครทำอะไร ใครย้ายใครไปดักหน้าอย่างไร แล้วจะต้องต้อนคนนี้ให้เข้ากรงได้อย่างไร เขียนกฎหมายเปิดช่องไว้เลย เขียนรัฐธรรมนูญเปิดช่องไว้ครับ แล้วไปต้อน ทั้งขวากทั้งหนามครับ ทางนี้ต้อนเอาเข้ามาเลย ก็อยู่ดี ๆ คน 10 คนซื้อตั๋วนั่งเครื่องบินเข้ามา มาขอรับเงินเขา 20,000 ใครทำใครจัดละครับ ก็ล่อหลอกกันมาทั้งนั้น เอาคน 10 คนเข้ามา คนหนึ่งเป็นคนจัด 9 คนเป็นคนถูกหลอกเข้ามา จะให้การยังไม่ฟัง ดีมากที่ขึ้นศาลฎีกา ผมก็หวังพึ่ง เขาจะตรวจสอบกันเพราะฉะนั้นไม่ต้องไปคิดว่าแก้รัฐธรรมนูญ ความหวังของผมอยู่ที่ศาลฎีกาครับ ถ้าศาลฎีกาพิจารณาเห็นอย่างนั้น คณะกรรมการชุดนี้ก็จะบริหารงานต่อไป แต่ถ้าท่านเกิดเห็นเหมือนกับข้างล่างก็ยกไป นั่นละคือความที่ว่าทำไมถึงต้องแก้รัฐธรรมนูญ มีเวลาตรงนี้แก้เสียให้เสร็จครับ แก้แล้วเสร็จจะไปก็สุดแท้แต่ หมดเรียบร้อยยุบพรรค 3 พรรคไปก็เลือกตั้งกันใหม่ ก็ใครคนที่มาจะได้ไม่ต้องมาเจอรัฐธรรมนูญที่ใช้ไม่ได้อย่างนี้
ปรับเปลี่ยนการเลือกตั้งจากเขตละคนไปใช้แบบเดิมทำให้เกิดความวุ่นวาย
อะไรคือที่เราอยากแก้ครับ ท่านทั้งหลายเป็นคนลงคะแนนท่านก็ต้องเห็น แต่ก่อนนี้บ้านเราตอนผมเด็ก ๆ กรุงเทพฯ เลือกตั้ง 5 คน แล้วก็เลือกตั้ง 7 คน เลือกตั้ง 9 คน เมื่อปี 2512 เลือกตั้ง 15 คน คน ๆ เดียวลงได้ 15 คนครับ ปี 2512 ครับคน ๆ เดียวลงคะแนนได้ 15 คน ต่อมาจึงได้จัดการแก้ไขว่าให้มี เขาเรียกว่าพวงเล็ก 15 คนนั้นพวงใหญ่ พวงเล็กคืออย่างไร พวงเล็กคือว่าอย่างกรุงเทพฯ มีกี่คน ผ่าเป็น 12 เขต เขตละ 3 คน ส.ส. 36 คนก็เขตละ 3 คน ถ้าเผื่อจังหวัดนี้มี 5 คนก็ 3 กับ 2 จังหวัดนี้มี 4 คนก็ 2 กับ 2 คือเขาต้องมี 3 มี 2 มี 1 ครับ ทั้งหมดนี้ 3 หรือ 2 หรือ 1 แต่ต่อมาเมื่อปี 2540 ก็ทันสมัยในโลกนี้ อังกฤษ 613 ที่นั่งก็เขตละคนคนละเขต สิงคโปร์ 82 เขตก็ 82 คน คนละเขตเขตละคนคนเขต เขายังเขตละคนคนละเขต ปรับตรงนั้นเติมตรงนี้ก็ยังอยู่กัน ของเราก็ทำ 400 เขตทั่วประเทศมี 400 เขต มีเลือกตั้งบัญชีรายชื่ออีก 100 เป็น 500 คน ก็เรียบร้อยดีเลือกมา 2 หน ผู้คนก็เข้าใจ คนนี้ดูเขตนี้ ๆ ใครจะมาใครจะเปลี่ยนใหม่ก็อยู่ในเขตเดียว แล้วเปลี่ยนทำไม เปลี่ยนเป็นย้อนกลับไปใช้เขตพวงเล็ก มี 157 เขต แทนที่จะมี 400 เขต 157 เขต มี 3 มี 2 มี 1 ปั่นป่วนไหม วุ่นวายไหม ทั้งปั่นป่วนวุ่นวาย ทะเลาะเบาะแว้งกันเพราะเปลี่ยนกลับมา
การลดจำนวน ส.ส. และการเลือกตั้ง ส.ว.
นี่อย่างไรครับเจตนาอย่างนี้ มีใครตำหนิคนที่ร่างรัฐธรรมนูญอย่างนี้ไหมครับ ตกลงกว่าจะพูดกันได้ว่าวุฒิสมาชิกใช้อำนาจมาก 200 คน ควรจะเถียงกันอย่างเดียวถ้าอยากจะแก้ไข ว่าจะให้สังกัดพรรคหรือไม่สังกัดพรรค เท่านั้น ปรากฏว่าทำให้มันเขย่งเสียอย่างนั้น ทำอย่างไร เลือกตั้ง 76 จังหวัด จังหวัดละคน ระนองมีคน 100,000 คนก็เลือกได้ 1 คน กรุงเทพฯ มีคน 6,000,000 คนก็เลือกได้ 1 คน เลือกได้ 76 คน แล้วแต่งตั้งเอาพวกมาอีก 74 คนรวมกันเป็น 150 คน น่าเกลียดไหม มีน่าเกลียดกว่านี้อีกครับแต่ไม่ผ่าน 100 คน เขาเอา 400 แก้เป็น 320 ให้น้อยลง เพราะอะไร ก็เพราะว่าภูมิภาคนิยมเขามีอยู่ ยึดตรงนั้นได้ เขาก็ต้องยืนยันว่าถ้าเขาแก้สำเร็จ ทางใต้ก็โอเค 54 เขตเลือกตั้งเหมือนเดิม ที่ลดไปอีก 80 ก็มาลดแถว ๆ ภาคอื่น นี่ไม่ผ่านตรงนี้ ไม่อย่างนั้นก็ 320 ตรงนี้ 80 ทำไม เดี๋ยวนี้มี 480 ไม่ใช่ 500 ทำ 80 ไว้เพื่อจะให้มาเข้ากับ 320 ที่จะลดจำนวนลงมา เห็นชัด ๆ ครับเรื่องอย่างนี้ แล้วเหลือ 80 เป็น 480 แล้วทำอย่างไร ผ่าเป็น 8 ท่อน ประชากรประเทศไทยมี 63 ล้านคน 8 x 8 = 64 เอาประมาณ 8 ล้านแบ่งเขต แบ่งเขตแล้วทำอย่างไร ทางใต้ได้กวาดหมด ที่ทำเพื่อเหตุ มีแบ่งเขต ๆ ละ 10 ๆ 8 เขต 80 คน อยู่ดี ๆ ทั่วประเทศ 100 คน ปรากฏว่าทางโน้นก็จะกวาดไปไม่ได้ จะได้ส่วนข้างล่าง ส่วนข้างบนก็ยืนได้มาก ก็ต้องแก้ที่เอี้ยเซี๊ยะ
เปรียบรัฐธรรมนูญปี 2550 เหมือนรถยนต์ที่ยางบวม - คัตซีเขย่ง
ถามสิครับอย่างนี้ที่คนได้ประโยชน์นั้นทำอย่างไร มีคนได้ประโยชน์มีคนเสียประโยชน์ทำเสียหาย เรื่องต่าง ๆ อย่างนี้อธิบายให้เห็นได้ชัดเจน คนที่พูดจาถึงรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ชัดเจนที่สุดชื่อวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ เป็นรัฐมนตรีร่วมคณะรัฐบาลผล อยู่พรรคชาติไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คุณวีระศักดิ์ฯ นี่ละครับใช้ถ้อยคำที่ผมฟังแล้ว เขาอ่านรัฐธรรมนูญตลอดหมดเลย แล้วเขาบอกเลยรัฐธรรมนูญฉบับนี้เหมือนกับรถยนต์ที่ยางบวม แต่ว่าออกวิ่งได้แต่ไปไม่ไกล ต้องเปลี่ยนยาง แน่นอนรถยนต์เหมือนกับรถยนต์ที่รางบวม หนึ่งนะครับ สอง เกจ์หน้าปัดมัว อ่านไม่เห็นครับ อ่านไม่เห็นเลยว่าอะไรเป็นอะไร จะวิ่งเร็วเท่าไร เกจ์หน้าปัดมัว ถัดไปบอกว่ามันเขย่ง แช็ตซีเขย่ง เขาเรียกคัตซีมันคือตัวเหล็กสองท่อน เหมือนตัวเอส ตัวเอสที่มีหลายขีดคือรถยนต์จะต้องมีตัวนี้ก่อน 2 ท่อนแล้วก็ขีด ๆ ยึดกัน ถ้าตัวยาวเขาจะมีแช็ตซีสั้นแช็ตซียาว อย่างรถบัสต้องแช็ตซียาว 12 เมตร คนไทยเรียกคัตซี ฝรั่งเรียก chassis รถเมล์ยาว 12 เมตร รถเก๋งยาว 3 เมตร สุดแล้วแต่ จะยาวจะขึ้นจะลง ซ้ายขวาต้องเท่ากัน คุณวีระศักดิ์ฯ บอกรัฐธรรมนูญฉบับนี้เหมือนกับคัตซีเขย่ง คืออย่างไร ก็ข้างนี้ 76 เลือกตั้ง ข้างนี้แต่งตั้งมา 74 เห็นไหมครับ ท่านเปรียบเทียบดีไหม ถัดไปคือข้อเสียที่ท่านบอก ไม่มีฟิวส์บ๊อกซ์ ฟิวส์บ๊อกซ์คืออะไร รถยนต์ทั้งหมดเดินด้วยสายไฟตลอดทั้งหมด ถ้ามีผิดปกติที่ฟิวส์บ๊อกซ์ขึ้นมาปั๊บฟิวส์ตรงนั้นขาด มีฟิวส์ 12 ตัวก็มี 12 จุด ถ้าเกิดสปาร์คตัวนี้ปั๊บ ฟิวส์ตัวนี้ก็จะรู้ว่าตัวไหนเสีย ก็จะตามไปไล่ ถ้ารถยนต์มีฟิวส์บ๊อกซ์ขาดปั๊บรถไม่วิ่ง แต่เปิดดูปั๊บฟิวส์ตัวนี้ขาด รู้เลยว่าตรงนี้ ๆ
ย้ำมีสาเหตุชัดที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เห็นไหมครับว่าคนที่เขาเรียนหนังสือ เขาวิเคราะห์นั้นเขาใช้ข้อมูลดีมากครับ ผมเอามาให้ท่านทั้งหลายฟังไว้ เขาบอกรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 นี้เหมือนรถยนต์ต้องเรียกว่าที่พิกลพิการ หนึ่งคือยางบวม วิ่งไปได้สัก 50 กิโลเมตรต้องเปลี่ยนครับ ถ้าไม่เปลี่ยนก็แตก แปลว่าต้องเปลี่ยนต้องแก้ไข เห็นไหมครับแช็ตซีเขย่ง วิ่งกระโดกกระเดก ๆ ข้างหนึ่ง 74 ข้างหนึ่ง 76 นี่ชัดเจนต้องแก้ไข หน้าปัดมัว หลายมาตราเขียนไว้ ตีความอย่างโน้นตีความอย่างนี้ หน้าปัดไม่ชัดเจน เสร็จเรียบร้อยแล้วไม่มีฟิวส์บ๊อกซ์ แปลว่ามีฟิวส์บ๊อกซ์ตรงนี้ขาดตรงนี้ต้องตัด ตรงนี้ต้องเสริม ต้องตัดตรงนี้ ยกตัวอย่างเหมือนกับคนที่จะไปทำซื้อเสียง ไปซื้อเสียงเข้ามา ถ้าไปซื้อเสียงเข้ามาก็พิสูจน์ว่าพรรครู้ไหม พรรคลงมติบอกมอบเงินไปให้กี่สิบล้าน ให้ไปซื้อเสียง อย่างนี้ยุบมันทั้งพรรค แต่ถ้าพิสูจน์ได้ว่าไปทำส่วนตัว อย่างนี้ก็เฉพาะส่วนบุคคลไป ใครจะว่าอะไร รัฐธรรมนูญปี 2540 ทำอย่างนี้ครับ รัฐธรรมนูญปี 2540 ไม่มีวรรคสอง แต่รัฐธรรมนูญปี 2550 มีวรรคสอง เพื่ออะไรครับ เพื่อจะบอกว่าต้องการจะจับจ้องพรรคการเมืองนี้ พรรคนี้มาเกิดเป็นพรรคนี้ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็คอยจ้องเลย ถ้าต้อนเอากรรมการเข้าไปได้คนหนึ่งก็เสร็จ ก็นี่อย่างไรละครับคนที่ถูกต้อนนี้อยู่จังหวัดเชียงราย เขาจะได้ขึ้นให้การศาลฎีกา จะได้รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไรอย่างไร
เพราะฉะนั้นที่พูดให้ฟังทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ 237 หรือ 309 ผมย้ำเลยในส่วนตัวผมบอก ที่ผมบอกว่าผมไม่อยากแก้ 309 ทางโน้นเขาอยากแก้ ก็เพราะผมไม่ได้ไปประชุมกับเขา ผมทำงานอยู่ทำเนียบฯ ประชุมถึง 18.40 น. เขาประชุมกันตั้งแต่บ่าย แล้วเขาก็มีมติแก้ 309 ผมก็พูดแบบของผม ผมตัดสินใจเร็ว ผมก็บอกผมไม่เห็นด้วยกับการแก้ 309 แล้วอย่างไร เมื่อเสียงข้างมาก 232 แล้วผมเสียงเดียว พูดจาดูแคลนผมอีก ก็ไม่ได้ประชุมร่วมกัน รัฐมนตรีฯ นพดลฯ (นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ) เขากลับจากต่างประเทศเขาบอกเขาก็ไม่เห็นด้วย คือคิดธรรมดา แต่เขาคิดกันว่าจะได้ประโยชน์ในการต่อสู้คดี เขาคิดไป แต่พอพูดปั๊บโดนด่าทันที เห็นไหม 237 โดนด่าทันที แต่ผมต้องพูดอย่างนี้เพื่อจะบอกว่าผมไม่ต้องการ 237 ผมไม่ต้อง 309 อดีตนายกฯ ทักษิณฯ จะสู้คดีก็สู้กันไป คดีความผมก็มีในนั้นผมก็สู้ของผมไป และข้อสำคัญที่สุดคือว่า พรรคทั้ง 3 พรรคต้องโดนยุบ ต้องคิดอย่างนั้นครับ แก้มาสำเร็จเรียบร้อยก็ไม่ได้ โดนตีความทันทีครับ ย้อนหน้าย้อนหลังไม่ได้ โดนตีความทันที เพราะฉะนั้นไม่ได้หวังเรื่องนี้เลย แต่ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ที่ทำไมถึงคิดแก้รัฐธรรมนูญ เพราะรู้ว่ามันไปไม่ไกล มันไปไม่รอด เมื่อรู้อย่างนั้นแล้วเรามี 316 ต้องแก้เสีย เพื่อวันข้างหน้า เพื่อใครจะมาก็แล้วแต่ในวันข้างหน้า เขาจะได้ใช้รัฐธรรมนูญที่ดีพอสมควร เรื่องอย่างนี้ถ้าไม่ใช้โอกาสอย่างนี้พูดจะไปพูดที่ไหน มีคนตำหนิว่าผมชอบใช้สถานีเป็นนั่น ไม่หรอกครับ พูดจาต้องเป็นอย่างนั้นบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เขายกป้ายเหลือ 5 นาทีผมคิดว่าควรจะตอบคำถามหน่อย
ตอบคำถามประชาชน
คำถาม เจริญพรโยมนายกฯ ช่วยเสริมพุทธศาสนาทั้งพิธีกรรมและการปฏิบัติ
นายกรัฐมนตรี ครับ รับครับ
คำถาม ขอถามคุณสมัครฯ ว่า ผมออกชื่อท่านนะครับ เรื่องที่คุณชวนฯ (นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี) ว่ากระทบกระทั่งตั้งหลายประเด็นไม่เห็นตอบชี้แจง หรือว่าเป็นจริงอย่างที่เขาว่า ความจริงเป็นอย่างไรช่วยชี้แจงหน่อย
นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้ผมก็พยายามหลีกเลี่ยงครับ ที่คุณชวนฯ ท่านกล่าวหาว่าเป็นทำนองว่าผมมาเป็นนายกรัฐมนตรี เหมือนกับทักก็ไม่ดูไม่อะไรต่าง ๆ คือเป็นคนมีความบกพร่อง ผมเป็นคนมีความบกพร่องทางกฎหมาย คือเป็นคดีความ เป็นคดีโดนคดีและศาลตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา เอาคนอย่างนี้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ผมก็ไม่ทราบจะทำอย่างไรสิครับ เพราะคดีความขนาดนี้ โดนขนาดนี้ ผมก็หวังใจว่าข้างหน้าท่านจะไม่เล่นงานผม เท่านั้นเอง ถึงศาลอุทธรณ์ท่านก็ว่าให้รอลงอาญา ผมก็ทำงานต่อไปได้ ทีนี้ผมก็พูดไม่ได้อะไรต่าง ๆ แต่ว่าคุณชวนฯ ท่านพูดจาเป็นทำนองเหมือนกับว่าผมเป็นคนมีคดีติดตัว แล้วยังมาทำการเมือง ผมก็บอกว่าผมโชคไม่ดีเหมือนกับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองบางคน นั่นน้องชายเขาฉ้อราษฎร์ ทำยุ่งกับเงินธนาคารเขาหลายร้อยล้านครับ ต้องหนีคดีไป 20 ปี บัดนี้คดีหมดแล้วกลับมาเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่มีใครว่าอะไรนี่ครับ ไม่มีใครกระทบกระทั่งเลย ว่าน้องชายคนเป็นหัวหน้าพรรคคนนั้นเป็นคนฉ้อราษฎร์ ไม่มีละครับ ของผมนี่จะบังหลวงหรือไม่ ผมก็ต่อสู้ของผมอยู่ ผมแน่ใจว่าผมไม่บังหลวง คดีความรถดับเพลิงก็ดี อะไรก็ดี ขุดมาก็ว่ากัน ถ้าผมไม่มารับตำแหน่งนี้คดีความก็ไม่เกิด ที่ผมมารับตำแหน่งนี้คดีความก็เกิด ผมก็ท้าทายดูให้ตรวจสอบผมอย่างนี้ แต่ว่าคนที่น้องชายฉ้อราษฎร์นั้นถามสิว่าสื่อสารมวลชนได้จับไปขยำขยี้ไปว่ากล่าวไหม ไม่ มีความกริ่งเกรงใจ เกรงใจคุณพี่ชายกัน แล้วน้องชายก็หลบหนีไปจนกระทั่ง อย่างนี้ผมยังไม่เอามาพูดเลย แต่นี่ผมมาพูดให้เห็นก็เพราะว่า ผมไม่ได้ออกชื่อนะ หัวหน้าพรรคการเมืองในอดีตบางคน น้องชายไปฉ้อราษฎร์เขา อย่างนี้ แล้วคนในพรรคท่านแต่ก่อนนี้ก็มีคดีความ คดีหมิ่นประมาทเหมือนกันเลย แล้วยังมาให้เลือกตั้งอยู่อย่างไร ให้เลือกตั้งอยู่ได้อย่างไรครับ คดีความนี้ถ้าเป็นคดีความประเภทที่เขาเรียกว่าคดีลหุโทษ หรือคดีหมิ่นประมาท ในทางการเมืองเขาได้รับยกเว้นไว้ครับ ยกเว้นไว้เลย ในทางการเมืองได้รับยกเว้น คดีหมิ่นประมาทคดีลหุโทษ เอามาเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่บัดนี้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้กันไว้ เอาจนได้ละครับ หมายความว่าถ้าดำรงตำแหน่งอยู่มีคดีพาดมาปั๊บโดนเลยทันที แต่ก่อนไม่มีครับ แต่เดี๋ยวนี้มี
เห็นไหมครับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อต้องการจะจัดการเล่นงานกับใคร ก็ร่างไปบอกไปนี่จะจัดการอย่างนั้น ๆ คนร่างพูดจาชัดเจนเลยครับ บอกเลยจะต้องอย่างนั้น จะคอยดู จะทำกฎหมายอย่างนั้น ก็ทำไปสิครับ ตอนจะมาล่อหลอกให้ลงประชามติก็พูดกันลงประชามติ 14 ล้าน ๆ ทำไมชอบพูดซีกเดียว แล้วที่เขาไม่เห็นด้วย 10 ล้านนี่ว่าอย่างไรครับ 41 ต่อ 58 นะครับ 14 ล้านพูดว่าคนลงมติ 14 ล้าน แล้วคนที่เขาคัดค้าน 10 ล้านทำไมไม่พูดถึง ประหลาดนะครับวันนี้ต้องพูด ซีกเดียว มีหลายอันหลาย ๆ ข่าวในหนังสือพิมพ์ผมไม่อยากเดี๋ยวว่านินทาหนังสือพิมพ์ พูดซีกเดียวครับ ผมไปต่างจังหวัด รายงานข่าวโทรทัศน์ ผมไปพิษณุโลกหมูราคากิโลกรัมละ 100 บาท ถามแต่ก่อนขายเท่าไร แต่ก่อนขาย 70 บาท เดี๋ยวนี้ขาย 100 บาท ไปสุโขทัยก็ 100 บาท หมู 100 บาทถูกกว่ากรุงเทพฯ ตั้ง 20 - 30 บาท ไม่ลงข่าวว่าหมูถูกราคา 100 บาท ไม่พูด แต่บอกนายสมัครบอกน้ำพืชแพงขวดละ 50 บาท เห็นไหมละครับว่าความคิดอ่านของคนเสนอข่าวนี้ ของถูกก็มีจะเอื้อเฟื้อพูดถึงไม่พูด จะพูดแต่ข้างแพงข้างเดียว นี่ละครับแบบนี้ละครับ
เพราะฉะนั้นก็ตอบได้สองคำถามเท่านั้นเขายกป้ายหมดเวลาแล้ว ต้องขออภัยครับ เรื่องไม่จำเป็นไม่อยากพูดหรอกครับ แต่ว่าคนพูดไม่ค่อยคิดครับ น้องตัวเองอย่างนั้นฉ้อราษฎร์ชัด ๆ เลยนั่นละครับไม่เป็นไร แต่ผมนี่ผมไม่ได้บังหลวงนะครับ และผมก็ไม่ได้ฉ้อราษฎร์ แต่ว่าบังเอิญกฎหมายเขียนมาจะล่อผม ก็เอาสิครับ ไม่เป็นไรหรอกครับท่านกระทบผมได้ ผมก็กระทบของผมบ้าง ผมไม่ได้ออกชื่อ ใครไม่ได้กินปูนอย่าร้อนท้องก็แล้วกัน เวลาหมดแล้วครับ วันอาทิตย์หน้า 08.30 น. พบกันใหม่ วันนี้ลาก่อนครับ สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--