นายกรัฐมนตรีประกาศไทยมีเพื่อนบ้านที่ดี ย้ำแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่ความขัดแย้ง
วันนี้ (23 เม.ย.) เวลา 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 23-24 เมษายน 2551 โดยมีบุคคลระดับสูง อาทิ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมเดินทางมาด้วย
เมื่อเดินทางมาถึง ดาโต๊ะ ซรี อูตามา ด็อกเตอร์ ราอิส ยาติม (Datuk Seri Utama Dr. Rais Yatim) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย และดาโต๊ะ ชอร์ ชี เฮียง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยมาเลเซีย ต้อนรับ หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางต่อไปยังสถานเอกอัครราชทูต เพื่อพบปะคนไทยและมอบนโยบายแก่ทีมประเทศไทยในมาเลเซีย สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีชื่นชมทีมไทยแลนด์ โดยกล่าวว่า ปัจจุบันทีมประเทศไทยในต่างประเทศ ประกอบด้วย ภาครัฐและเอกชนซึ่งรวมทั้ง รัฐวิสาหกิจ นักธุรกิจ นักศึกษาและคนไทยที่อาศัยและทำมาหากิน ประกอบอาชีพอยู่ในประเทศนั้น ซึ่งยินดีที่ทราบว่ากิจการร้านอาหารไทยของคนไทยในมาเลเซียมีความรุ่งเรือง ร้านต้มยำกุ้งของคนไทยเชื้อสายมาเลย์หรือของคนไทยแท้ๆ มีอยู่มากกว่า 4,000 แห่งในประเทศมาเลเซียนี้ และสถานเอกอัครราชทูตไทย จะทำหน้าที่เบ็ดเสร็จ หรือ One Stop Service เพื่อเป็นศูนย์กลางที่ให้บริการข้อมูลข่าวสารและการบริการแก่ทั้งคนไทยในต่างประเทศและคนต่างประเทศที่ต้องการรู้จักหรือจะเข้ามาลงทุนค้าขายในประเทศไทย เพื่อนบ้านคือมิตรที่ดีของประเทศไทย
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวต่อไปอีกว่า การเดินทางเยือนประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนเพื่อแนะนำตัว ในฐานะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยนั้น ทำให้ทราบว่า ไทยมีเพื่อนบ้านที่ดี โดยเริ่มจากการเดินทางเยือน สปป.ลาว ซึ่งรัฐบาลลาวกล่าวว่า ความมั่นคงของลาวคือความมั่นคงของไทย ลาวมีโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ (Hydro Power Plants) ที่ใช้ภายในประเทศเพียงร้อยละ 15 โดยที่เหลือไทยเป็นผู้บริโภค กัมพูชามีการพัฒนาที่รวดเร็ว นครวัด นครธม ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเชื่อมโยงกับไทยได้ พม่าก็เป็นอีกหนึ่งเพื่อนบ้านที่ดี โดยมีแนวความคิดการพัฒนาเส้นทางระหว่างเมืองทวาย เพื่อเชื่อมท่าเรือน้ำลึกของไทยที่เกาะสีชัง ขณะที่สิงคโปร์เป็นประเทศเล็ก แต่มีศักยภาพสูง อินโดนีเซียก็มีความสนใจร่วมลงทุนกับไทยในสาขาประมง และขอให้ไทยช่วยถ่ายทอดความรู้และความสามารถด้านการแปรรูปอาหาร เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนท้องถิ่น ด้วยประชากรกว่า 500 ล้านคน จาก 10 ชาติทำให้อาเซียนแข็งแกร่ง เมื่ออาเซียนบวกกับมิตรประเทศอื่นๆ เช่น อาเซียน+ ญี่ปุ่น หรือ อาเซียน+จีน ก็ยิ่งเป็นที่สนใจของประเทศต่างๆ ทั้ง จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปก็สนใจที่อยากเข้ามาพูดคุยด้วย บรรยากาศการเมืองไทย เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยถึงสถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบันว่า การเมืองไทยมีการพัฒนาที่ดีขึ้น ปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตส่วนหนึ่งจากความไม่ลงรอยกันระหว่างฝ่ายดูแลความมั่นคงกับรัฐบาล ทำให้เกิดความตึงเครียด แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่พลเรือนเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาก็เรียบร้อยดี ทหารก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี การโยกย้ายตำแหน่งที่ผ่านมาก็เป็นไปอย่างราบรื่น สถานการณ์การเมืองไทยก็เดินหน้าต่อไป การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องธรรมดาที่มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งต้องชี้แจงทำความเข้าใจกันไป ความมั่นคงของประเทศเป็นเรื่องหลัก พูดได้อย่างเต็มปากว่า ไม่มีชนวน ไม่มีความร้าวฉาน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ นายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปยังโรงแรม J.W. Marriott ซึ่งรัฐบาลมาเลเซียจัดให้เป็นโรงแรมที่พัก
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (23 เม.ย.) เวลา 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 23-24 เมษายน 2551 โดยมีบุคคลระดับสูง อาทิ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมเดินทางมาด้วย
เมื่อเดินทางมาถึง ดาโต๊ะ ซรี อูตามา ด็อกเตอร์ ราอิส ยาติม (Datuk Seri Utama Dr. Rais Yatim) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย และดาโต๊ะ ชอร์ ชี เฮียง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยมาเลเซีย ต้อนรับ หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางต่อไปยังสถานเอกอัครราชทูต เพื่อพบปะคนไทยและมอบนโยบายแก่ทีมประเทศไทยในมาเลเซีย สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีชื่นชมทีมไทยแลนด์ โดยกล่าวว่า ปัจจุบันทีมประเทศไทยในต่างประเทศ ประกอบด้วย ภาครัฐและเอกชนซึ่งรวมทั้ง รัฐวิสาหกิจ นักธุรกิจ นักศึกษาและคนไทยที่อาศัยและทำมาหากิน ประกอบอาชีพอยู่ในประเทศนั้น ซึ่งยินดีที่ทราบว่ากิจการร้านอาหารไทยของคนไทยในมาเลเซียมีความรุ่งเรือง ร้านต้มยำกุ้งของคนไทยเชื้อสายมาเลย์หรือของคนไทยแท้ๆ มีอยู่มากกว่า 4,000 แห่งในประเทศมาเลเซียนี้ และสถานเอกอัครราชทูตไทย จะทำหน้าที่เบ็ดเสร็จ หรือ One Stop Service เพื่อเป็นศูนย์กลางที่ให้บริการข้อมูลข่าวสารและการบริการแก่ทั้งคนไทยในต่างประเทศและคนต่างประเทศที่ต้องการรู้จักหรือจะเข้ามาลงทุนค้าขายในประเทศไทย เพื่อนบ้านคือมิตรที่ดีของประเทศไทย
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวต่อไปอีกว่า การเดินทางเยือนประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนเพื่อแนะนำตัว ในฐานะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยนั้น ทำให้ทราบว่า ไทยมีเพื่อนบ้านที่ดี โดยเริ่มจากการเดินทางเยือน สปป.ลาว ซึ่งรัฐบาลลาวกล่าวว่า ความมั่นคงของลาวคือความมั่นคงของไทย ลาวมีโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ (Hydro Power Plants) ที่ใช้ภายในประเทศเพียงร้อยละ 15 โดยที่เหลือไทยเป็นผู้บริโภค กัมพูชามีการพัฒนาที่รวดเร็ว นครวัด นครธม ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเชื่อมโยงกับไทยได้ พม่าก็เป็นอีกหนึ่งเพื่อนบ้านที่ดี โดยมีแนวความคิดการพัฒนาเส้นทางระหว่างเมืองทวาย เพื่อเชื่อมท่าเรือน้ำลึกของไทยที่เกาะสีชัง ขณะที่สิงคโปร์เป็นประเทศเล็ก แต่มีศักยภาพสูง อินโดนีเซียก็มีความสนใจร่วมลงทุนกับไทยในสาขาประมง และขอให้ไทยช่วยถ่ายทอดความรู้และความสามารถด้านการแปรรูปอาหาร เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนท้องถิ่น ด้วยประชากรกว่า 500 ล้านคน จาก 10 ชาติทำให้อาเซียนแข็งแกร่ง เมื่ออาเซียนบวกกับมิตรประเทศอื่นๆ เช่น อาเซียน+ ญี่ปุ่น หรือ อาเซียน+จีน ก็ยิ่งเป็นที่สนใจของประเทศต่างๆ ทั้ง จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปก็สนใจที่อยากเข้ามาพูดคุยด้วย บรรยากาศการเมืองไทย เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยถึงสถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบันว่า การเมืองไทยมีการพัฒนาที่ดีขึ้น ปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตส่วนหนึ่งจากความไม่ลงรอยกันระหว่างฝ่ายดูแลความมั่นคงกับรัฐบาล ทำให้เกิดความตึงเครียด แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่พลเรือนเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาก็เรียบร้อยดี ทหารก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี การโยกย้ายตำแหน่งที่ผ่านมาก็เป็นไปอย่างราบรื่น สถานการณ์การเมืองไทยก็เดินหน้าต่อไป การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องธรรมดาที่มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งต้องชี้แจงทำความเข้าใจกันไป ความมั่นคงของประเทศเป็นเรื่องหลัก พูดได้อย่างเต็มปากว่า ไม่มีชนวน ไม่มีความร้าวฉาน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ นายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปยังโรงแรม J.W. Marriott ซึ่งรัฐบาลมาเลเซียจัดให้เป็นโรงแรมที่พัก
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--