เน้นย้ำทุกหน่วยงานพร้อมรับมือฤดูฝนและฝนทิ้งช่วงทั่วประเทศ
วันนี้ (29 พฤษภาคม 2566) เวลา 09.30 น. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร ตรวจความคืบหน้าขยายแหล่งน้ำ เตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝนและฝนทิ้งช่วง พร้อมมอบที่ดินทำกินกับประชาชนตามนโยบายรัฐบาล
โดยรองนายกฯ ได้เดินทางตรวจติดตามการพัฒนาแหล่งน้ำแก้มลิงดงขวัญ ตำบลหนองปลิง อำเภอเมือง เพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนาแหล่งน้ำแก้มลิงดงขวัญ สำหรับการพึ่งพาตนเองรองรับพื้นที่รับประโยชน์ 1,600 ไร่ ต่อจากนั้น ได้เดินทางไป โรงเรียนพรานกระต่ายพิทยาคม ตำบลถ้ำกระต่ายทอง อำเภอพรานกระต่าย เพื่อรับฟังความคืบหน้าการแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้กับประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งได้มอบสมุดประจำตัวให้กับผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายของรัฐบาล ในลักษณะแปลงรวมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ?ป่าเขาเขียว ป่าเขาสว่างและป่าคลองห้วยทราย?
รองนายกฯ ได้พบปะรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ พร้อมกล่าวชื่นชมการทำงานของ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ถึงความคืบหน้าการขับเคลื่อนบริหารจัดการน้ำและการแก้ปัญหาที่ดินทำกินตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นฐานรากการแก้ปัญหาน้ำที่มีพัฒนาการไปมากในภาพรวม
นอกจากนี้รองนายกฯ ได้กำชับ สทนช. มท. และ กรมชลประทาน รวมทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ให้รับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชน โดยผนวกเป็นข้อมูล จัดทำแผนพัฒนาแหล่งน้ำและบริหารจัดการน้ำแบบมีส่วนร่วมกัน โดยเฉพาะหลายพื้นที่ ยังขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ต้องการแหล่งน้ำ จึงต้องมีแผนพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มเติม เป็นแหล่งน้ำสำรอง เพื่อจัดสรรกระจายการใช้น้ำอย่างทั่วถึงและลดความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำ ดังเช่น โครงการแก้มลิงหนองดงขวัญ ที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรกว่า 1,600 ไร่ โดยรองนายกฯ เน้นย้ำว่า ปัจจุบัน กำลังเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดปฏิบัติ 12 มาตรการรับมือฤดูฝนไปพร้อมกัน โดยให้ความสำคัญกับการใช้ประโยชน์จากบทเรียนแต่ละพื้นที่ให้เป็นประโยชน์ ทั้งนี้จว.กำแพงเพชร ยังมีพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง และประสบอุทกภัย สองฝั่งแม่น้ำปิง ที่ต้องดำเนินการและเฝ้าระวัง เพื่อลดความเสียหายและความเดือดร้อนของประชาชนแบบมีส่วนร่วมไปพร้อมกัน
สำหรับการแก้ปัญหาที่ดินทำกินและความเหลื่อมล้ำการถือครองที่ดิน รองนายกฯ ได้เน้นย้ำให้ คทช. เดินหน้า มุ่งเน้นการกระจายถือครองที่ดิน โดยคำนึงความสมดุล ระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างยั่งยืน เพื่อประโยชน์สูงสุดของการบริหารจัดการที่ดิน ที่เป็นรูปธรรมทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ขณะเดียวกัน ขอให้องค์กรปกครองท้องถิ่นเสริมแข็งแกร่งพัฒนาอาชีพ และสาธารณูปโภคพื้นฐานในทุกมิติไปพร้อมกัน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนใหม่ ให้เข้มแข็งและยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง
ที่มา: http://www.thaigov.go.th