ออท.เยอรมนี เข้าพบรอง นรม. นายสุพัฒนพงษ์ ฯ ในโอกาสพ้นจากหน้าที่ พร้อมหารือส่งเสริมการค้า การลงทุน ความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด และ SME
วันนี้ (14 กรกฎาคม 2566) เวลา 9.00 น. ณ ห้องประชุม 3 ชั้น 25 ศูนย์ Energy Complex กระทรวงพลังงาน นายเก-ออร์ค ชมิท (H.E. Mr. Georg Schmidt) เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในโอกาสที่ ออท. พ้นจากหน้าที่ สรุปสาระสำคัญจากการเข้าเยี่ยมคารวะ ดังนี้
รองนายกรัฐมนตรีฯ ยินดีที่ได้พบหารือกันในวันนี้ และกล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูตฯ สำหรับบทบาทในการส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-เยอรมนี ตลอดเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ในไทย โดยทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดในหลายมิติ พร้อมมั่นใจว่า เอกอัครราชทูตฯ แม้จะหมดวาระในประเทศไทยแต่ความผูกพันก็จะยังคงส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศต่อไป
เอกอัครราชทูตฯ กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีที่ได้มาเยี่ยมคารวะ เพื่ออำลารองนายกรัฐมนตรีฯ ในวันนี้ โดยระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งในไทยได้ผ่านความท้าทายทั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งได้ส่งเสริมความสัมพันธ์ไทยและเยอรมนีให้ใกล้ชิด และมีความร่วมมือทั้งด้านการลงทุนและการค้า พลังงานสะอาด การพัฒนาอย่างยั่งยืน และกรอบพหุภาคี เป็นต้น
ด้านเศรษฐกิจและพลังงานสะอาด ต่างยินดีที่การค้าและการลงทุนของทั้งสองฝ่ายมีพลวัต โดยมีบริษัทเยอรมนีจำนวนมากที่เข้ามาลงทุนในไทย โดยรองนายกรัฐมนตรีฯ กล่าวชื่นชมในนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของเยอรมนี ซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่ไทยต้องการเรียนรู้และนำมาปรับใช้ โดยเฉพาะการพัฒนาธุรกิจ SME ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย พร้อมกล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูตฯ ที่มีบทบาทแข็งขันในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน หวังว่าภาคธุรกิจของเยอรมนีจะเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มเติม โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานสะอาด และรถยนต์ไฟฟ้า
ด้านเอกอัครราชทูตฯ กล่าวชื่นชมรัฐบาลที่ส่งเสริมนโยบายในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาด และขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีฯ ที่อำนวยความสะดวกและส่งเสริมการลงทุนระหว่างภาคธุรกิจของเยอรมนีและไทยมาโดยตลอด โดยประเทศไทยนับได้เป็นประเทศที่มีศักยภาพในการลงทุน และความได้เปรียบในเรื่องที่ตั้ง ยินดีจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือในด้านพลังงานสะอาดระหว่างสองประเทศต่อไป
ความร่วมมือทวิภาคี รองนายกรัฐมนตรีฯ และเอกอัครราชทูตฯ ต่างยินดีต่อความคืบหน้าของไทยในการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทยกับสหภาพยุโรป ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีฯ มองว่าจะช่วยยกระดับการพัฒนาการผลิตสินค้าไทยให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยด้วย ด้านเอกอัครราชทูตฯ ยินดีที่ร่วมมือกับไทยเพื่อเพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจไทย โดยเฉพาะภาคธุรกิจ SME ซึ่งเยอรมนีเชื่อมั่นว่ามีศักยภาพในการเจริญเติบโตอีกมาก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th