นายกฯ ตอบรับข้อเสนอชาวเชียงใหม่ ผลักดัน ?พ.ร.บ. อากาศสะอาด? ย้ำงบประมาณมีจำกัด ต้องใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นสำคัญ
วันนี้ (16 ก.ย. 66) เวลา 14.30 น. ณ ห้องประชุม Auditorium อุทยานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ พบปะคนรุ่นใหม่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อร่วมพูดคุยประเด็นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ระบบขนส่งคมนาคม สังคมและสิ่งแวดล้อม (PM 2.5) เพื่อร่วมหารือทิศทางการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีภาคเอกชน ภาคประชาชน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชนม์เจริญ แสวงรัตน์ ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และตัวแทนเอกชน ผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ และขับเคลื่อนกลุ่มการเมืองของท้องถิ่น ร่วมพูดคุยในประเด็นดังกล่าวด้วย นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
ประเด็นที่นำเสนอขอสนับสนุนจากรัฐบาล ได้แก่ 1) โครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วย สนามบินและระบบขนส่งสาธารณะ ขยายเวลาเปิด 24 ชม. เสนอสนามบินแห่งที่ 2 ส่งเสริมเอกชนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ระบบโครงข่ายถนน Links เชื่อม 25 อำเภอ 2) ส่งเสริมสนับสนุนการทำตลาด ได้แก่ อัพเกรดงานแสดงสินค้าเป็นระดับประเทศ จัดงาน Event ระดับโลก ดึง Event ใหญ่มาจัดในจังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มศักยภาพศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ 3) ปรับปรุงกฎกระทรวงต่าง ๆ เกี่ยวกับ Visa 4) ส่งเสริมและสนับสนุนการทำตลาดในต่างประเทศ 5) นโยบายสนับสนุนเพิ่มจำนวนผู้ประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เดินหน้าแก้ไขปัญหาผังมืองและกรใช้ประโยชน์ที่ดิน ขณะที่ประเด็นข้อเสนอของคนรุ่นใหม่ เช่น ประเด็นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ระบบขนส่งคมนาคม สังคม และสิ่งแวดล้อม (PM 2.5) ประเด็น Sotf power โอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจ การขอให้ขับเคลื่อน พ.ร.บ.อากาศสะอาด พื้นที่สาธารณะที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก การทำ Wellness Tourism ฯลฯ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดแรก ๆ ที่รัฐบาลเดินทางมารับฟังปัญหา ซึ่งก่อนหน้านี้ได้หาทางออกมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปิดสนามบิน ที่จะต้องขยายเวลาเพื่อให้เที่ยวบินต่างประเทศลงมามากขึ้น ซึ่งน่าจะมีข่าวดีเร็วขึ้น ส่วนเรื่องเสียงโดยรอบสนามบิน ต้องมีการบริหารจัดการที่เหมาะสม โดยฝากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ดูแลเรื่องเสียงไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล สำหรับกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรียกเว้นวีซ่าคนจีน นั้น นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ซึ่งเชียงใหม่เป็นกลุ่มจังหวัดที่นักท่องเที่ยวจีนให้ความสนใจ ส่วนการสร้างสนามบินแห่งที่ 2 อยู่ในแผนงานของรัฐาบาลอยู่แล้ว ยืนยันว่าทำงานไม่ใช่เพื่อจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงประเด็นเรื่อง Soft power ว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างจริงจังโดยได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ Soft power ในการขับเคลื่อนเรื่องนี้แล้ว พร้อมกล่าวรู้สึกดีใจกับข้อเสนอที่ต้องการผลักดันจังหวัดให้ 12 เดือน 12 Event ซึ่งเชื่อว่าทุก ๆ เดือนจะเป็น High season ของจังหวัดเชียงใหม่ ขณะเดียวกัน World Event พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ มีความพร้อมในการจัดสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจัดการประชุมระดับนานาชาติ และจัดนิทรรศการ
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องการเพิ่มจำนวนประชากร ว่าตรงกับนโยบายสาธารณสุขของนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่าสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยต้องชื่นชมกระทรวงสาธารณสุขว่าเป็นผู้ปิดทองหลังพระ ดึงดูดการลงทุนเข้ามา การบริการด้านสาธารณสุขของไทยถือเป็นระดับ World Class ส่วนการแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 หากไม่สามารถกำจัดฝุ่นละอองได้ ภาคการท่องเที่ยวจะกระทบไปด้วย ซึ่งตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา จังหวัดน่าน ลำปาง แพร่ และเชียงใหม่ ติดอันดับ 10 ของโลก ที่มี PM 2.5 เพราะฉะนั้น Solution ที่เสนอมาอย่าง Command Center ต้องไปพิจารณาว่าหากไม่ให้เกษตรกรปลูกและเผาแล้วจะมีแนวทางอย่างไรมารองรับไม่ให้กระทบกับเกษตรกร ขณะที่ พ.ร.บ.อากาศสะอาด เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลนี้ที่จะเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยขณะนี้ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำร่างเรื่องนี้ไว้แล้ว
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำว่า งบประมาณแผ่นดินมีจำนวนจำกัด ทุกจังหวัดที่ไปมีการของบประมาณหมด ดังนั้นการดำเนินการใดก็ตามต้องคำนึงและรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศไว้ด้วย อะไรที่เป็นของท้องถิ่นก็อยากให้ทำ ไม่ใช่ว่าโครงการขนาดใหญ่ อบต.ไหนอยากทำอะไรก็ทำ ทำมาแล้วมีผลต่อเนื่องหรือเปล่า ไม่ใช่ทำออกมาแล้วเสียหายหมด ให้คำนึงถึงการใช้จ่ายงบประมาณที่มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ
จากนั้น นายกรัฐมนตรีพบปะผู้ประกอบการ รับฟังปัญหาภาพรวมของจังหวัดเชียงใหม่ และส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Start Up) โดยนายกรัฐมนตรีได้รับฟังผลงานจาก Start Up เช่น ระบบเตือนภัยแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นแนวคิดจากเด็ก ป.6 สามารถนำมาต่อยอดให้การแจ้งเตือนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นวัตกรรมการผลิตน้ำเชื้อโคแยกเพศ ระบบบริหารจัดการหอพัก อพาร์ทเมนท์และธุรกิจรายวัน (Horganice) บริการทำควาสะอาดและรีดผ้า (BeNeeT) พร้อมเยี่ยมชมผลงานดังกล่าวของ Start Up ที่นำมาจัดแสดง
ทั้งนี้ ในเรื่องเงินลงทุนนั้น นายกรัฐมนตรีแนะให้ Start Up ได้มีการพิจารณาการจับคู่ค้าหรือ Matching กับต่างประเทศมาร่วมลงทุนด้วย พร้อมย้ำถึงการมีความทะเยอทะยานให้มากขึ้นในการคิดหาแนวทางและขับเคลื่อนธุรกิจของตนเองให้มีศักยภาพ ให้สามารถแข่งขันได้กับต่างประเทศหรือระดับสากลได้ สิ่งนี้หากทำได้จะสามารถสร้างชื่อเสียงทั้งกับตนเอง สถานบันการศึกษาของตนเองได้อีกด้วย นอกจากนี้ ในการประเด็นการขับเคลื่อน Wellness city รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพร้อมรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย.
ที่มา: http://www.thaigov.go.th