นายกฯ มอบรางวัล 40 สุดยอดผู้ส่งออก PM?s Export Award 2023 ย้ำรัฐบาลเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการธุรกิจ เพิ่มโอกาสในการส่งออก เน้นสร้างรายได้เข้าประเทศโดยใช้การทูตเชิงรุก สร้างเครือข่ายทางการค้ากับต่างประเทศ
วันนี้ (9 พฤศจิกายน 2566) เวลา 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่นประจำปี 2566 หรือ Prime Minister?s Export Award 2023 ครั้งที่ 31 เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติและสร้างกำลังใจให้แก่ผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจส่งออกสินค้าและบริการดีเด่นภายใต้ชื่อทางการค้าของตนเอง มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนเอง นำนวัตกรรมมาประยุกต์ในการดำเนินธุรกิจ และดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด BCG Economy Model สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ และเป็นเครื่องมือรับรองด้านการดำเนินธุรกิจ การสร้างมาตรฐานสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ คณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต ผู้บริหารของหน่วยงานที่ได้รับรางวัล สื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ปี 2566 รวมจำนวน 40 รางวัล ดังนี้ 1. รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกยอดเยี่ยม 6 รางวัล 2. รางวัลแบรนด์ไทยยอดเยี่ยม 10 รางวัล 3. รางวัลธุรกิจ BCG ส่งออกยอดเยี่ยม 7 รางวัล 4. รางวัลสินค้าไทยที่มีการออกแบบยอดเยี่ยม 7 รางวัล 5. รางวัลธุรกิจบริการยอดเยี่ยม 4 รางวัล ประกอบด้วย สาขาโรงพยาบาล ศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง 1 รางวัล สาขาดิจิทัลคอนเทนท์และซอฟต์แวร์ 1 รางวัล สาขาธุรกิจสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ 2 รางวัล รางวัลสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยม 2 รางวัล และรางวัลสินค้าฮาลาลยอดเยี่ยม 4 รางวัล
นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัล พร้อมกล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจการค้าที่เปลี่ยนแปลงและมีความผันผวนตลอดเวลา ทำให้ประเทศไทยต้องตื่นตัวในการพัฒนาเศรษฐกิจในทุก ๆ มิติ หนึ่งในนั้นคือภาคการส่งออกที่สร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก ผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกถือว่าเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้สามารถแข่งขันได้ภายใต้บริบทโลกยุคใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างตลอดเวลา รัฐบาลเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจเพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออก เน้นการสร้างรายได้เข้าประเทศ โดยใช้การทูตเชิงรุก สร้างเครือข่ายทางการค้ากับต่างประเทศด้วยการเจรจา จากการได้รับความร่วมมือจากภาคการค้าเพิ่มขึ้น เพื่อหาตลาดใหม่ ๆ และรักษาตลาดเดิม รวมถึงตลาดเพื่อนบ้าน โดยพัฒนาสินค้า ด้วยการเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ สร้างอัตลักษณ์ความเป็นไทยและสินค้าในภาคเกษตร โดยรัฐบาลใช้คำว่า สร้างการเกษตรให้มีมูลค่าเพิ่ม และเพิ่ม Productivity โดยใช้นวัตกรรม รวมทั้งสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการยุคใหม่ ให้มีจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการที่มีขีดความสามารถในการแข่งขัน มีอัตลักษณ์ที่ชัดเจน และมีความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ รัฐบาลส่งเสริมนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ โดยมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ แห่งชาติเพื่อเฟ้นหาศักยภาพและยกระดับคนไทยให้กับแรงงานที่มีทักษะชั้นสูง และเปิดตลาดใหม่ใน 11 ภาคอุตสาหกรรม โดยมุ่งสานต่อนโยบาย Carbon Neutrality เป็นแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน เปิดประตูการค้าภายใต้กฎหมายและกฎระเบียบใหม่ที่เอื้อต่อความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ ทั้งหมดนี้เพื่อให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศเข้มแข็ง ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกมีความพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง ปรับตัวเปลี่ยนกลยุทธ์พัฒนาสินค้าและบริการ ให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของโลก โดยรางวัล PM?s Export Award ที่ทุกท่านได้รับวันนี้ ถือเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุด และเป็นรางวัลเชิดชูผู้ประกอบการไทยที่มุ่งมั่น ทุ่มเท เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการให้มีคุณภาพมาตรฐานในทุกมิติ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งด้านการประกอบธุรกิจ นวัตกรรม แบรนด์ การส่งออก การออกแบบ และคุณภาพ ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของ SDGs
?ขอขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้จัดการมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการไทยทุก ๆ สาขา และในกลางเดือนนี้กระทรวงพาณิชย์จะทำงานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเชิญทูตพาณิชย์และเอกอัครราชทูตจากทั่วโลก มาประชุมใหญ่เพื่อให้นโยบายในการที่จะช่วยผู้ส่งออกทุกท่านมีการเปิดตลาดที่ดีขึ้น ที่รวดเร็วขึ้น สะดวกขึ้น และมีทูตพาณิชย์เป็นผู้นำในการเป็นหัวหอกในการที่จะพยายามหารายได้เข้าประเทศ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้พวกท่านได้เร่งทำงานต่อไป เพื่อการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดโลก และขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกันรักษามาตรฐานการดำเนินธุรกิจเพื่อเป็นแบบอย่าง และแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ใช้ต่อยอด เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนภาคส่งออกของไทยให้เติบโตและเป็นภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศต่อไป? นายกรัฐมนตรีกล่าว
สำหรับรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น PM?s Export Award กระทรวงพาณชิย์ได้จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตลอด 30 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2535 มีผู้ได้รับรางวัลรวมทั้งสิ้น จำนวน 798 รางวัล จาก 257 บริษัท และในทศวรรษใหม่กับการก้าวเข้าสู่ปีที่ 31 ภายใต้แนวคิด ?Better Vision Brighter Future : เปิดมุมมองใหม่ ขับเคลื่อนธุรกิจไทยมุ่งสู่เศรษฐกิจแห่งอนาคต อย่างเต็มภาคภูมิ? โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน (Environmental, Social and Governance: ESG) สำหรับรางวัล PM?s Export Award 2023 มีผู้สมัครเข้ารับรางวัลทั้งหมดจำนวน 162 ราย ผ่านการพิจารณาเข้ารับรางวัลใน 7 สาขา รวม 40 รางวัล 37 บริษัท และจากข้อมูลการส่งออกของผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลในปีนี้ มีส่วนในการสร้างรายได้เข้าประเทศในปี 2565 คิดเป็นมูลค่า 14,567.65 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.79 จากปีก่อนหน้า และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม - กันยายน) ได้สร้างรายได้ให้แก่ประเทศแล้วประมาณ 12,257.24 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.96 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยในการสนับสนุนการจ้างงานไม่น้อยกว่า 7,654 ราย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th