นายกฯ หารือการพัฒนาและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ Start up ระบุภายในเวลา 4 ปีของรัฐบาลนี้ ประเทศไทยต้องมียูนิคอร์นเกิดขึ้นให้ได้
วันนี้ (29 พ.ย. 66) เวลา 15.15 น. ณ ลานสังคีต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประชุมหารือประเด็นการพัฒนาและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ Start up ร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ Start up โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการหารือดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวมาที่นี่เพื่อมาให้แรงบันดาลใจ เชื่อว่าการที่ทุกคนมารวมกันที่นี่เพราะมีความหวังและแรงบันดาลใจที่อยากจะส่งสินค้าและการบริการ ทั้งเรื่องของอาหาร Soft Power และเรื่องไฮเทคต่าง ๆ นั้น ต้องคิดภาพใหญ่ตลอดเพื่อขับเคลื่อนสู่ตลาดโลก เพราะปัจจุบันต้องยอมรับว่าถ้าทำเล็ก ๆ จะสู้เขาไม่ได้ จึงอยากให้ทุกคนมีความฝันและตื่นขึ้นมาทำงานเกิดผล เพราะไม่มี Short cut อะไรที่จะเดินไปข้างหน้าได้โดยที่เราไม่มีความขยันหมั่นเพียรในการทำงาน ซึ่งไอเดียที่เรามีไม่ว่าจะดีขนาดไหน ถ้ามัวแต่ฝันโดยที่ไม่ทำก็ไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวอยากแนะนำ 2-3 เรื่องว่า เรื่องแรกคือเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก มีแหล่ง Start up สองแหล่ง ซึ่งอยากให้ทุกคนได้ไปดู คือที่ซานฟรานซิสโก และที่อิสราเอล ซึ่งมีคนไปดูเยอะมากและมีไอเดียต่าง ๆ อยู่ที่นั่นจำนวนมาก เช่น วิธีการคือมีการนำ Start up ทุกคนมาอยู่ที่เดียวกันและทำเป็นออฟฟิศ พอถึงเวลาก็มีการนำเสนอให้ Investment community ดูอย่างตรงไปตรงมาภายในระยะเวลาการนำเสนอ 1 นาที เหตุผลในการนำเสนอภายในเวลาเพียง 1 นาทีเพราะมีการแข่งขันกันสูงในความต้องการทำ Start up มาก ตรงนี้แม้อาจจะเป็นการบั่นทอนพอสมควรแต่ก็เป็นวัฒนธรรมการนำเสนออย่างตรงไปตรงมา และไม่เป็นการเสียเวลาซึ่งกันและกัน ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะบางเรื่องหากมีความเกรงใจกันมากจนเกินไปและไม่พูดอย่างตรงไปตรงมาถึงไอเดียที่มีว่าไปไม่รอด ก็จะทำให้หลงทางไป เสียเวลาทำโดยไม่เกิดผล ดังนั้น จึงอยากให้มาโฟกัสที่จุดแข็งของเรา และมีการพูดกันอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้เกิดประโยชน์แท้จริงในการนำไปสู่การดำเนินการ
นายกรัฐมนตรีย้ำถึงการเดินทางมาวันนี้ว่า มาในฐานะรัฐบาลคือมาสร้างโอกาส และบรรยากาศ Start up ทุกคนมีความคิดสร้างสรรค์ ที่สำคัญคือหากมีไอเดียดี ๆ ทุกคนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้โดยที่ไม่ต้องไปพึ่งบริษัทใหญ่ ๆ ให้มาสงสารและเห็นใจ แต่ทำให้เขาอยากที่จะมาดูและเชื่อในคุณภาพของ Product ของท่านจริง ๆ และสามารถทำในสเกลที่ใหญ่กว่าได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องหากองทุนเหล่านี้มา และต้องพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาว่าอันนี้เวิร์คหรือไม่เวิร์ค รวมถึงการที่ต้องรู้ว่าขณะนี้ต่างประเทศเขาทำอะไรกัน วันนี้เป็นที่น่าเสียดายที่คนไทยมีคนเก่ง ๆ และเป็นคนที่มีความฝันและมีความหวังอยู่จำนวนมาก แต่สำหรับประชากรจำนวน 68 หรือ 69 ล้านคนไม่มียูนิคอร์นอยู่เลย [ธุรกิจสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น (Unicorn) คือสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าการลงทุนที่ได้รับจากนักลงทุน มากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ] เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงอยากให้แก้ไขและทำให้มียูนิคอร์นเกิดขึ้นให้ได้ภายในรัฐบาลนี้ เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ หากเป็นไปได้นายกรัฐมนตรีจะพยายามติดต่อและให้ตัวแทนนักศึกษาได้ไปศึกษาดูงานที่ซานฟรานซิสโก หรือที่อิสราเอล หากสามารถที่จะบินไปได้ เพื่อที่จะได้ไปเห็นถึงบรรยากาศและสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเพื่อนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองให้มีคุณภาพสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
รวมทั้งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่ามองเห็นถึงบรรยากาศของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มีศักยภาพที่เหมาะสมในการที่จะเชิญบริษัท Apple มาเวิร์คร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทั้งในเรื่องของเงินทุนและองค์ความรู้เพราะเห็นถึงศักยภาพไอเดียที่มีอยู่ ทั้งนี้ ขอขอบคุณคณาจารย์ทุกคนที่เป็นความหวังให้เด็กทุกคน เชื่อว่าภายในระยะเวลา 4 ปีที่รัฐบาลนี้บริหารประเทศอยู่ ประเทศไทยต้องมียูนิคอร์น
ที่มา: http://www.thaigov.go.th