วันที่ 26 พฤศจิกายน 2566 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังตนได้มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ช่วยทบทวนดูกฎหมายที่ต้องการปรับแก้ไข ให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับสังคมมากขึ้นนั้น ล่าสุด สปน. ได้ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับบริจาคและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย (ฉบับที่..) พ.ศ. ?. เพื่อปรับปรุงร่างระเบียบในหลายประเด็น ให้มีความกระชับรวดเร็ว และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และครอบครัวของผู้ได้รับผลกระทบมากยิ่งขึ้น โดยในการปรับปรุงเนื้อหา คือกำหนดนิยาม คำว่าสาธารณภัยเพิ่มเติม ซึ่งให้ความหมายถึงเหตุการณ์รุนแรงสะเทือนขวัญของประชาชน เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รุนแรงสะเทือนขวัญ เช่น เหตุกราดยิง ที่สะเทือนใจของประชาชน เพื่อจะได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ยังมีการปรับปรุงวัตถุประสงค์ของกองทุน โดยเพิ่มเติมประเด็นการฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้ประสบภัย เพื่อให้สามารถจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาด้านจิตใจได้ตามระเบียบเพราะที่ผ่านมาระเบียบไม่ได้ระบุชัดเจนในเรื่องนี้ แต่อาศัยมติคณะกรรมการกองทุน เพื่ออนุมัติจ่ายเยียวยาดังกล่าว ขณะเดียวกัน ยังมีการแก้ไขเพิ่มเติมการจ่ายเงินกองทุนให้สามารถจ่ายเพื่อปลอบขวัญแก่ผู้บาดเจ็บและทายาทผู้เสียชีวิตได้ เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การจ่ายเงินให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบ จากกรณีประสบภัยขนาดใหญ่ รุนแรง หรือ เป็นที่สะเทือนขวัญของประชาชน
?นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น โดยจะมีการปรับแก้อีกหลายส่วน เพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนได้รวดเร็ว และคล่องตัวขึ้น ซึ่งผมได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสื่อสารกับพี่น้องประชาชน ให้เข้าใจระเบียบการเยียวยา เพื่อที่จะได้เข้าถึงการช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างเท่าเทียม เพราะผมได้รับการร้องเรียนจำนวนมากในช่องทางโซเชียลมีเดีย ถึงกรณีการเยียวยา เนื่องจากประชาชน ยังไม่ทราบว่า เมื่อได้รับความเดือดร้อน จะมีสิทธิได้รับการช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งร่างระเบียบนี้ จะมีการปรับให้เยียวยาผู้เสียหายได้กว้างขึ้น และขณะนี้กำลังดำเนินการแก้ไขให้สมบูรณ์ที่สุด เพื่อให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบต่อไปเพราะการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เป็นหนึ่งในนโยบายที่ท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญ เพื่อให้ทันสมัย และเป็นประโยชน์ต่อทั้งหน่วยงานรัฐ และประชาชน โดยเวลานี้ หลายหน่วยงาน ก็กำลังเดินหน้าทำในเรื่องนี้ จึงขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจได้ว่า หน่วยงานรัฐพยายามที่จะเข้าไปดูแล เพื่อยกระดับความเสมอภาคให้ดียิ่งขึ้น? รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ที่มา: http://www.thaigov.go.th