นายกฯ ย้ำความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นใจถึงใจ heart to heart เชื่อมั่นความสัมพันธ์ที่ดีเป็นเครื่องยืนยันความร่วมมือในอนาคต
วันนี้ 18 ธันวาคม 2566 เวลา 14.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในการเดินทางเข้าร่วมการประชุมASEAN-Japan วันที่ 4 พอใจมากกับผลของการเดินทางครั้งนี้ โดย นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ย้ำ ไทย-ญี่ปุ่นหุ้นส่วนใจถึงใจ heart to heart ทุกคนพูดคุยกันด้วยรอยยิ้มความเข้าใจล้วนมีปรารถนาที่ดีต่อกัน โดยในการเดินทางครั้งนี้นายกรัฐมนตรีให้คะแนนความสำเร็จจากการพูดคุยกับเอกชน 8-9 จากเต็ม 10
นายกรัฐมนตรี ยังให้สัมภาษณ์ถึงผลสำเร็จของการเดินทางครั้งนี้ว่า ญี่ปุ่นลงทุนในไทยมากกว่า 60 ปีด้วยจำนวนเงินรวมหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในการเดินทางครั้งนี้ได้พบกับนักธุรกิจรายใหญ่ของญี่ปุ่นหลายราย ซึ่งผู้นำบริษัทเหล่านี้ล้วนเคยประจำที่ประเทศไทย ผู้ที่เคยประจำอยู่ที่ประเทศไทยและมาเป็นผู้บริหารสูงสุดในองค์กรจะมีความลำเอียงตามธรรมชาติมีความชอบในประเทศไทย ซึ่งในส่วนของการลงทุนสิ่งที่บริษัทมีความต้องการ และรัฐบาลสามารถให้ได้ในสิ่งที่เป็นพื้นฐานก็จะทำให้เกิดความสบายใจที่จะร่วมธุรกิจกัน อาทิ supply chain ความมั่นคงทางการเมือง พลังงานสีเขียว วัตถุดิบ ความตกลงทางการค้า และอีกส่วนคือชีวิตความเป็นอยู่ของการดำรงชีวิตในประเทศไทย เมื่อคนญี่ปุ่นมาอยู่ในประเทศไทย ซึ่งมีค่าครองชีพเหมาะสม มีโรงเรียนที่ดี ระบบสาธารณสุขที่ดี มีชีวิตที่ดีในประเทศไทย ทำให้ชื่นชอบการมาดำรงชีวิตในประเทศไทย
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาการลงทุนไทย-ญี่ปุ่นไม่เคยมีปัญหา ซึ่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้พบกับนายนายกรัฐมนตรีระหว่างการประชุมเอเปคเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้ขอให้ไทยช่วยลดข้อจำกัดในเรื่อง visa ให้นักธุรกิจ ซึ่งประเทศไทยก็จัดการให้อย่างดี
ในส่วนของ Landbridge โดยนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยเชิญชวนให้นักลงทุนมาร่วมทุนกับไทยในการทำโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งในส่วนของการทำโครงการขนาดใหญ่จะทำให้เกิดผลประโยชน์ เกิดเป็นตัวเงินหมุนเวียน การจ้างงานต่อประเทศ เห็นได้ชัดเจนว่านักลงทุนญี่ปุ่นสนใจ ให้ความสำคัญ โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะพูดคุยกับคนในพื้นที่ และเป็นโครงการที่ต้องการให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมด้วย
โดยในส่วนของภาพรวมการเดินทางครั้งนี้ และการพูดคุยกับนักธุรกิจ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นให้คะแนน 8-9 เต็ม 10 เรียกว่าพูดคุยกับทุกบริษัทด้วยความสบายใจ อะไรทำได้ เราพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้บริษัท ส่วนอะไรที่ไม่ได้ก็พร้อมจะให้ทางเลือก ต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม และบีโอไอที่ร่วมทำงานกันมาอย่างดี
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่ามีอะไรที่อยากนำไปปรับปรุงในประเทศไทยบ้าง นายกรัฐมนตรีได้ตอบว่าครั้งนี้มาพูดคุยเพื่อเสนอให้ญี่ปุ่นมีลงทุนในไทยมากขึ้น ให้เพิ่มการลงทุน โดยญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นในเรื่องของ Soft Power packaging นำสินค้ามาเพิ่มราคาได้เป็นอย่างดี
โดยในวันนี้ ได้พบกับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา อีกครั้ง และได้พูดคุยว่า จังหวัดสระแก้วมีนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งหากได้รับความร่วมมือจากกัมพูชาจะสามารถยกระดับขึ้นได้อีก ทำให้เกิดความตกลงว่าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะเดินทางมากรุงเทพฯ และจะประชุมเพื่อความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ การค้าชายแดน ร่วมมือเป็นศูนย์ขนส่งสินค้า โดยฝ่ายกัมพูชาจะสร้างนิคมอุตสาหกรรม เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือให้เกิดการค้าการขนส่งร่วมกัน
ในส่วนของการพูดคุยกับบริษัท Panasonic ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ได้พูดคุยกันเรื่องการทำแบตเตอรี่ ซึ่ง Panasonic เป็นผู้ทำแบตเตอรี่ให้เทสล่า โดยบริษัท Panasonic กำลังพิจารณาสร้างโรงงานใหม่ มีความต้องการพื้นที่ทำโรงงาน 600 ไร่ และเห็นไทยเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ ทั้งนี้ Panasonic ลงทุนในไทยตั้งแต่ปี 1961 แล้ว มีความผูกพันกับประเทศไทยอย่างมาก โดยเบอร์สองของบริษัทเคยประจำการอยู่ที่ประเทศไทยมาตลอด
ที่มา: http://www.thaigov.go.th