นายกฯ มั่นใจเศรษฐกิจปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว ย้ำรัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ
วันนี้ (2 ม.ค. 2567) เวลา 11.00 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคาดหวังการเจริญเติบโตเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกว่า ขึ้นอยู่กับหลายๆอย่าง ซึ่งเราพยายามทำเต็มที่ อะไรทำได้เราทำก่อน ก็หวังว่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วก่อนที่เราจะเข้ามาบริหารงานคิดว่าจะสามารถปล่อยเรื่องของดิจิทัลวอลเล็ตออกมาได้ในไตรมาสแรกประมาณ 1 ก.พ. หรือ 1 มี.ค.67 แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้ ซึ่งเราก็พยายามหาวิธีอื่นมาทดแทน ไม่ว่าจะผ่านการท่องเที่ยว การกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ เราก็พยายามทำขึ้นมา
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีมาตรการเฉพาะกิจหรือมาตรการเร่งด่วนมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เงินดิจิทัลยังไม่เรียบร้อยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ทำอยู่ทุกเรื่องอย่างที่ได้แถลงไป เช่น เรื่องการประมงก็ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างหนึ่ง และเรื่องของวีซ่าฟรีซึ่งเป็นระยะยาวก็น่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างหนึ่ง นักท่องเที่ยวจีนก็ไม่จำเป็นจะต้องขอวีซ่า ที่เราคิดว่าจะหมดตอนสิ้นเดือน ก.พ.ก็ไม่มีอายุแล้ว เป็นการยกเว้นทั้งสองทางอย่างถาวร
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการเข้าบริหารประเทศ นายกฯ พูดได้ใช่หรือไม่ว่าเศรษฐกิจปีนี้จะดีกว่าปีที่ผ่านมา นายกฯ กล่าวว่า ใช่ครับ พยายามทำอย่างเต็มที่ เมื่อถามว่า มีปัจจัยหรือเหตุผลอะไรที่ทำให้นายกฯมั่นใจ นายกฯ กล่าวว่า ก็หลายๆ มาตรการที่เราพยายามจะทำออกมา ไม่ได้มีจุดไหนจุดเดียว เช่น การยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ การเพิ่มรายได้ลดรายจ่าย การเจรจาสนธิสัญญาการค้า การเจรจาการลงทุน ซึ่งก็เห็นผลแล้วที่เห็นกันอยู่ในแง่ของที่มีบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติมาลงทุนเรื่องการทำให้ธุรกิจง่ายขึ้น และวันนี้ก็มีการพูดคุยกันเรื่อง One stop service ซึ่งยังไม่สำเร็จผล จึงยังไม่ได้มีการชี้แจงเพราะอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ การขนส่งสินค้าจากไทยข้ามไปลาว จีน ที่ต้องการให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นเราดูจากหลายๆ เรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยากให้ทบทวนเรื่องเงินดิจิทัล เพราะตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้น นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบ ดูแต่ 1.5 เปอร์เซ็นในไตรมาส 3 มันไม่ดีครับ เดี๋ยวต้องดูไตรมาส 4 ด้วย อย่าลืมที่เรียนมาโดยตลอดเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไม่จำเป็นต้องติดลบก็ถือว่าอยู่ในภาวะที่หนักหนาอยู่เหมือนกัน เพราะดูอย่างประเทศอื่น ๆ เพื่อนบ้านเราคิดว่าสื่อมวลชนทราบดีอยู่แล้วขยายตัวเท่าไหร่
ที่มา: http://www.thaigov.go.th