นายกฯ แจงสภาฯ ยืนยันไม่มีการแบ่งแยกจัดสรรงบฯ ย้ำภายใน 4 ปี จะนำความมั่งคั่ง ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่มั่นคง ทำให้ชีวิตคนใต้ดีขึ้น
วันนี้ (5 มกราคม 2567) เวลา 17.58 น. ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 1 ครั้งที่ 5 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยนายกรัฐมนตรีชี้แจงถึงประเด็นเรื่องการดูแลประชาชนภาคใต้ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้ตนได้นั่งฟังการอภิปราย พยายามที่จะกลั่นกรองคำติชม คำแนะนำของสมาชิกสภาฯ ทุกท่านตั้งแต่เมื่อวานนี้ช่วงเย็น อยากจะขอชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องการดูแลพี่น้องประชาชนภาคใต้ ซึ่งในวันที่ได้แถลงนโยบายก็ได้มีข้อเตือนมา ตนก็ได้ชี้แจงไปแล้ว แต่วันนี้ก็ยังมีข้อกังขาอีก หน้าที่ฝ่ายบริหารก็ต้องชี้แจงต่อไป โดยในเรื่องภาคใต้ขอแยกระหว่างความมั่นคงกับความมั่งคั่ง การใส่เงินกับการใส่ใจ ซึ่งเรื่องงบประมาณเป็นเรื่องของการใส่เงิน เวลาที่เราทำ Budget ไม่ได้คิดถึงว่าจะเป็นภาคไหนได้เงินเท่าไร เราให้เกียรติกับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนเท่าเทียมเสมอภาค ไม่เคยกีดกันแบ่งแยก เป็นความสัตย์จริง เป็นปรัชญาหลักในการทำงบประมาณฉบับนี้ขึ้นมา ซึ่งการใส่เงินเป็นส่วนหนึ่ง แต่วันนี้นอกจากเรื่องการใส่เงินแล้ว อยากพูดถึงเรื่องการใส่ใจด้วย จากรัฐบาลนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตั้งแต่ที่เป็นนายกรัฐมนตรีตนได้ลงไปที่ภาคใต้หลายหน ได้ชี้แจงไปหลายหนแล้ว เรื่องเมกะโปรเจกต์ใหญ่ ๆ ก็อยู่ที่ภาคใต้มาก ไม่ว่าจะเป็น Landbridge ซึ่งจะสร้างความเจริญอย่างมากมายให้กับพี่น้องประชาชนคนใต้ทั้งหมด เรื่องการขยายสนามบินภูเก็ต หรือ อันดามัน International ซึ่งที่จริงไม่ได้ทำให้จังหวัดภูเก็ตเจริญอย่างเดียว จังหวัดกระบี่ จังหวัดพังงา ด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลเราได้มีการลงไปสำรวจ ทำถนนอ้อมเมือง นำความเจริญมาให้กับจังหวัดภูเก็ต เรื่องนี้เป็นเรื่องการใส่เงิน ขณะที่ในเรื่องใส่ใจ ตนได้ลงไปที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 2 หนแล้ว ลงไปดูเรื่องการเจรจาการค้า ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปพบปะกับท่านนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในเรื่องการสร้างสะพานที่ 2 การเจรจาเรื่องนิคมอุตสาหกรรม การดูแลเรื่องตรวจคนเข้าเมือง ทำให้การท่องเที่ยวระหว่างประเทศของเราดีขึ้นมาก ทำให้พี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีกินมีใช้ มีเงินเยอะขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับเรื่องความมั่นคงที่ความรุนแรงก็ลดน้อยลงไป และเมื่อวันนี้ที่เราทำเรื่องความมั่นคงดีขึ้นมากแล้ว เรื่องความมั่งคั่งก็เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลนี้ต้องนำความเจริญ ต้องนำเศรษฐกิจที่มีการพัฒนา มีการยกระดับ เพื่อให้ประชาชนมีเงินในกระเป๋ามากยิ่งขึ้น
โดยสิ้นเดือน ก.พ. ตนจะลงพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ไม่ใช่ไปดูเรื่องความมั่นคง แต่ไปดูเรื่องเศรษฐกิจ ไปพร้อมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อไปดูเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร ซึ่งหลายอย่างเชื่อว่ามีของดีอยู่มากใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลนี้ใส่ใจ หลาย ๆ อย่างจะถูกนำขึ้นมา อย่างเมืองยะลา เป็นเมืองที่มีผังเมืองสวยที่สุดในประเทศและพร้อมรับนักท่องเที่ยว อาหารใต้มีสเน่ห์ มีเอกลักษณ์ แต่ขาดการโปรโมทในเวทีโลก ดังนั้น หากผู้ใหญ่ในรัฐบาลลงพื้นที่และสนับสนุนต่อเนื่อง ก็เชื่อว่าสิ่งดี ๆ เหล่านี้จะนำเงินเข้าประเทศได้จำนวนมาก ทำให้พี่น้องประชาชนภาคใต้มีกินมีใช้ขึ้นอีก
?อย่างประเทศฝรั่งเศส หลายท่านดื่มไวน์ก็รู้ว่าองุ่นกิโลกรัมละไม่กี่ร้อย แต่ถ้านำไปทำเป็นสินค้าที่มี Value added จริง ๆ กลายเป็นไวน์ ขวดหนึ่งก็เป็นหลายหมื่นได้ ตัวอย่างมีอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งผมจะลงไปดูในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปลาหน้าตก หรือปลานิลสายน้ำไหล ที่เลี้ยงโดยว่ายสวนน้ำขึ้นไปที่มีราคาสูงถึงตัวละ 3,000 บาท ไม่มีใครทราบ ไม่มีใครโปรโมท แต่ผมเชื่อว่า หลังจากสิ้นเดือนหน้าแล้ว รัฐบาลนี้ลงไปจะสร้างตลาดให้กับสินค้าประเภทนี้และอีกหลายประเภท ซึ่งยังไม่มีใครสร้าง? นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรียังชี้แจงถึงเรื่องสนามบินจังหวัดยะลา ที่มีการลงทุนและเปิดใช้บริการแล้วแต่ขณะนี้ หยุดบิน เพราะไม่มีความต้องการใช้ การที่เราจะลงไปช่วยโปรโมท 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เกิดความต้องการใช้ หวังว่าจะมีสายการบินที่จะไปเปิดการบินต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ เครื่องบินที่บินลงสนามบินเบตงจะต้องเป็นเครื่องบินใบพัด ไม่สามารถใช้เครื่องบินขนาดใหญ่ได้ เพราะขนาดของเครื่องบินทำให้ต้องบินไปวนกลับมาลง ซึ่งต้องล้ำเข้าไปในเขตชายแดนมาเลเซีย ดังนั้น ตนจะไปปรึกษาพูดคุยกับนายกฯ มาเลเซีย เพื่อที่จะอนุญาตให้เราสามารถบินข้ามไปได้ในเวลาที่เราจะลงหรือเวลาจะขึ้น ซึ่งรายละเอียดเล็ก ๆ เหล่านี้ ถ้าเรามีศิลปะ วัฒนธรรม อาหารที่ดี แต่ไม่มี Connectivity ที่ดีก็ไม่มีประโยชน์ ต้องทำควบคู่กันไป โดยมั่นใจว่าเรื่องเหล่านี้ ถ้าเราไปสร้าง Demand ได้ สายการบินก็จะกลับมาบินอย่างปกติ
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำมั่นใจว่าภายใน 4 ปีที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี จะนำความมั่งคั่ง จะทำให้ชีวิตประชาชนมีความเป็นอยู่ที่มั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มั่นใจว่าชีวิตความเป็นอยู่ของชาวภาคใต้ทั้งหมดจะดีขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ที่มา: http://www.thaigov.go.th