นายกฯ ติดตามความคืบหน้าแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เผยรัฐบาลตั้งใจพัฒนาต่อยอดแหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่ ให้ทันสมัยมีมาตรฐานสากล ย้ำหน่วยงานใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด
วันนี้ (11 ม.ค. 67) เวลา 14.00 น. ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ (โครงการพืชสวนโลก) อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ติดตามความคืบหน้าแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานพัฒนาพิงนคร (องค์การมหาชน) ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย (น้ำตกห้วยแก้ว) สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ แหล่งหัตถกรรมบ้านถวาย อำเภอหางดง สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) สวนสัตว์เชียงใหม่ และพบปะประชาชน นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญสรุป ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเดินทางมาตรวจราชการที่จังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้ ได้มีโอกาสเน้นย้ำความสำคัญของการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเป็นการสร้างงานใหม่ ๆ และสร้างรายได้ให้แก่คนในจังหวัด โดยจังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่สามารถเดินทางมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ศาสนสถาน และโบราณสถานต่าง ๆ รวมถึงคาเฟ่และสถานบันเทิงที่มีอยู่มากมายในจังหวัด โดยมีการผลักดันการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ทั้ง 7 แห่ง ได้แก่ ไนท์ซาฟารี ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ น้ำตกห้วยแก้ว สวนสัตว์เชียงใหม่ เวียงกุมกาม อุทยานราชพฤกษ์ และวัดพระธาตุดอยคำ ซึ่งรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะพัฒนาต่อยอดแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่แล้วของเชียงใหม่ให้มีความทันสมัย มีมาตรฐานสากล โดยรัฐบาลจะสนับสนุนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น (1) การจัดสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาปรับปรุงอาคารสถานที่ (2) การพัฒนาบุคลากร (3) การจัดหาตลาด ลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายใหม่ ให้เดินทางมาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น (4) การจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน อาทิ ป้ายบอกทาง เส้นทางเดินทางเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยว ที่เป็นมาตรฐานสากล เพื่อให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้
นอกจากนี้ รัฐบาลจะให้การสนับสนุนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ให้มีการพัฒนาทักษะให้สอดรับกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต โดยไม่ละทิ้งอัตลักษณ์และวัฒนธรรมพื้นถิ่นของตนเอง เพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นสามารถสร้างงานสร้างอาชีพในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วได้โดยไม่ต้องย้ายถิ่นฐานมาทำงานในเมืองใหญ่
นายกรัฐมนตรีย้ำว่านอกจากนี้ หน่วยงานเจ้าของเรื่องควรเสนอไอเดียใหม่ ๆ ที่สร้างสรรค์และทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้เป็นที่สนใจในโลกออนไลน์ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวรายใหม่ ๆ ได้ โดยการใช้ Content creator มาช่วยบอกเล่าเรื่องราวของสถานที่ท่องเที่ยวก็เป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากกลุ่ม Content creator มีไอเดีย วิธีการนำเสนอที่เข้าถึงกลุ่มคนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน หรือวัยเกษียณ ซึ่งหน่วยงานควรพิจารณาใช้ Content creator ที่เหมาะสมกับสถานที่ ว่าสถานที่ที่เรารับผิดชอบนั้น มีกลุ่มเป้าหมายที่จะมาท่องเที่ยวเป็นคนกลุ่มไหน โดยอีกหนึ่งไอเดียของการบอกเล่าเรื่องราวคือ การท่องเที่ยวเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็น วัดสำคัญในจังหวัด พระพุทธรูปที่มีประวัติยาวนาน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อพื้นถิ่นของชาวล้านนา ซึ่งการบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ประกอบการท่องเที่ยว จะช่วยดึงดูดผู้ศรัทธาให้เดินทางไปเยี่ยมชมได้ และสร้างโอกาสให้ชาวบ้านในพื้นที่ ในการค้าขายสินค้าให้แก่นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกด้วย รวมทั้งสามารถนำตัวอย่างที่เกิดขึ้นมาปรับใช้และต่อยอด เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดเชียงใหม่
สำหรับพื้นที่ของอุทยานหลวงราชพฤกษ์แห่งนี้ มีอาคารที่สามารถรองรับการจัดกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นการจัดแสดงสินค้า งานเทศกาล นายกรัฐมนตรีจึงอยากให้หน่วยราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาจัดงานต่าง ๆ ประจำปี เช่น งานประชุมประจำปี งานฤดูหนาว หรืองานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีในอุทยานหลวงราชพฤกษ์ เพื่อให้งบประมาณที่ภาครัฐจัดสรรลงไปปรับปรุงสถานที่เกิดความคุ้มค่า และต่อยอดการจัดงานเทศกาล (Festival) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและ Soft power ด้าน Festival ในภาคเหนือต่อไป
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำเรื่องสถานที่ที่มีพร้อมอยู่แล้ว เรื่องการที่จะไปจัดซื้อจัดจ้างสร้างใหม่ ๆ ให้เกิดความกังวลต่อสังคมอย่าให้มี เอาผลงานเป็นหลัก ไม่ใช่เรื่องจัดซื้อจัดจ้าง โดยขอให้อาศัยความใส่ใจลงไป และอาศัยการเข้าใจถึงเป้าหมาย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ถ้าพร้อม งบประมาณมีให้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องของงบประมาณอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของนโยบายและความใส่ใจ และเข้าใจถึงแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดตลาดท่องเที่ยว ซึ่งเชียงใหม่ถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพอยู่แล้ว ขอให้ดูแลสิ่งที่มีอยู่ให้ดีเพื่อจะได้นำมาซึ่งรายได้ของพี่น้องประชาชนต่อไป
รวมทั้งนายกรัฐมนตรีย้ำถึงการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินซึ่งมาจากภาษีของประชาชน การดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ จะต้องเป็นไปอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้ฝากในประเด็นเรื่องหากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นต้องมีการบริหารจัดการด้านจราจรให้มีประสิทธิภาพ ไม่ให้เกิดการจราจรติดขัด ป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุและการสูญเสียชีวิตของประชาชนและนักท่องเที่ยว รวมถึงฝากทุกหน่วยงานให้มีการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ของภาคเหนือ และใช้ศักยภาพที่จังหวัดเชียงใหม่มีอยู่ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ มวยไทย และกาแฟ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวให้อยู่ในประเทศได้นานขึ้น เพื่อสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่และภาพรวมของประเทศ
ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีได้เดินชมนิทรรศการ อาทิ สวพส. กับการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน การวิจัยและการพัฒนากัญชงเพื่อผลิตเส้นใย อีกทั้งยังได้รับชมการฟ้อนดอกระมิงค์ และทักทายประชาชนที่มารอให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวสวัสดีชาวเชียงใหม่ทุกคน รู้สึกดีใจได้มาพบกันอีกครั้งหลังจากที่มาเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว โดยวันนี้ได้มาดูติดตามโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลได้ทำไปและมาดูแลเรื่องการคมนาคม การเกษตรซึ่งเมื่อเช้าที่ผ่านมามีการประชุมไปหลายคณะ และประชุมเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ปีนี้รัฐบาลมีความเชื่อว่าชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนภาคเหนือทุกคนจะดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสิทธิที่จะได้รับอากาศสะอาด การท่องเที่ยว การคมนาคมที่ดีขึ้น รัฐบาลจะยกระดับรายได้ของประชาชนให้ดีขึ้น และขอให้ปีใหม่นี้เป็นปีใหม่ที่ทุกคนมีความสุขกับเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และมีร่างกายที่สมบูรณ์
ที่มา: http://www.thaigov.go.th