?นายกฯ มอบนโยบายคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ย้ำขอให้ทุ่มเททำงานฟื้นฟูปัญหาทุกมิติ ทั้งสังคม การเมือง เศรษฐกิจ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชนคนไทยทุกคน
วันนี้ (21 ก.พ.67) เวลา 09.30 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายให้แก่คณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยมีนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้มีประกาศแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีแล้ว 5 ฉบับ จำนวน 30 ท่าน และตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ. 2546 กำหนดให้คณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประชุมอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง เพื่อพิจารณาและประเมินผลการดำเนินการของผู้ช่วยรัฐมนตรีในระยะเวลาที่ผ่านมาและเสนอแนะมาตรการอันเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีหรือของรัฐมนตรี ตลอดจนพิจารณาเรื่องอื่น ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย โดยที่วันนี้เป็นการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีนัดแรก จึงขอกราบเรียนเชิญนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานแก่ผู้ช่วยรัฐมนตรี เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของผู้ช่วยรัฐมนตรีเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลต่อไป
นายกฯ กล่าวว่าในโอกาสที่คณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีซึ่งได้รับการแต่งตั้งในรัฐบาลปัจจุบันและได้มีการประชุมเป็นครั้งแรก ต้องขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญที่ต้องอาศัยความรู้ความสามารถ ทักษะความชำนาญ และประสบการณ์ในงานแขนงต่าง ๆ มาช่วยขับเคลื่อนงานสำคัญของรัฐบาลให้สัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรม โดยนายกฯ ยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับทุกคน
นายกฯ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่า จากนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่ได้แถลงต่อรัฐสภา รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤตที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ รวมทั้งความท้าทายที่สำคัญทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ปัญหาหลายเรื่องเป็นผลพวงมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และสถานการณ์สงครามและความขัดแย้งระดับภูมิภาค ซึ่งล้วนแต่ซ้ำเติมให้วิกฤตเศรษฐกิจยืดเยื้อและขยายตัวเป็นวงกว้าง รัฐบาลได้มีนโยบายที่เป็นกรอบระยะสั้น มุ่งเน้นกระตุ้นการใช้จ่าย จุดเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจ เร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของประชาชนอย่างเร่งด่วน ผ่านการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชนคนไทยทุกคน
นายกฯ กล่าวถึงความคาดหวังว่า การที่ทุกคนมานั่งอยู่ตรงนี้ เราอยากจะฟื้นฟูปัญหาที่มีอยู่ขณะนี้ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นสังคม การเมือง เศรษฐกิจ อยากให้ทุกคนทุ่มเทและมีการประชุมกันอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการใช้ความสนิทคุ้นเคยในการหาเวลาพบปะพูดคุยระหว่างกัน หรือนัดรับประทานข้าวกัน ทั้งนี้แม้แต่ละคนจะมาจากคนละพรรคกัน แต่เราร่วมรัฐบาลเดียวกัน ดังนั้นการที่เรามาพบปะกันอย่างไม่เป็นทางการ (informal) นั้น จะทำให้การทำงานหลาย ๆ เรื่องสามารถที่จะช่วยเหลือกันได้ เช่น กรณีของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีพื้นที่และสิ่งที่ล้ำกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อยู่มาก รวมถึงกระทรวงพลังงานก็มี หรือต่างพรรคกัน ซึ่งตรงนี้อยากให้มีการพูดคุยกันเพื่อลด barrier ระหว่างกันลงเพื่อจะได้พูดคุยกันได้ เพื่อให้การทำงานบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
อนึ่งในช่วงเช้าวันนี้ ก่อนเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายให้แก่คณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เดินทางเข้ามาปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล โดยได้ขับรถยนต์ไฟฟ้า Abarth 500e ทะเบียน ศฐ 30 กรุงเทพมหานคร สีเขียว Yellow Green พร้อมเปิดกระจกทักทายสื่อมวลชน ว่า ?ผมก็อยากขับรถบ้าง มันเป็นความสุขอย่างหนึ่ง เพราะตอนเป็นนักธุรกิจก็ขับรถเองบ้าง ซึ่งรถคันนี้เป็นของลูกสาว เห็นว่าสวยดี และเป็นรถยนต์ไฟฟ้าด้วย? และเดินลงจากรถขึ้นไปยังตึกไทยคู่ฟ้า
ทั้งนี้ เวลา 10.30 น. นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าครั้งที่ 1/2567 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล
ที่มา: http://www.thaigov.go.th