นายกฯ หารือ เอกอัครราชทูตเวียดนามฯ ย้ำพลวัตในความสัมพันธ์ไทย - เวียดนาม พร้อมเดินหน้าสานต่อความร่วมมือที่มีศักยภาพระหว่างกัน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว
วันนี้ (1 มีนาคม 2567) เวลา 12.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายฟาน จี๊ ทัญ (H.E. Mr. Phan Chi Thanh) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่ออำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีชื่นชมความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามที่ใกล้ชิดและมีพลวัตอย่างต่อเนื่อง พร้อมขอบคุณเอกอัครราชทูตเวียดนามฯ ที่มีบทบาทอย่างแข็งขันในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับเวียดนามมาตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าเอกอัครราชทูตเวียดนามฯ จะเป็น Friend of Thailand และยังคงสนับสนุนบทบาทของไทยและความร่วมมืออันดีระหว่างกันต่อไป
เอกอัครราชทูตฯ กล่าวยินดีและมีความสุขอย่างยิ่งตลอดระยะเวลาที่ได้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้นำความปรารถนาดีจากนายกรัฐมนตรีเวียดนามและเชิญนายกรัฐมนตรีเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการและเข้าร่วมการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (Joint Cabinet Retreat: JCR) ครั้งที่ 4 ในเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งรัฐบาลเวียดนามพร้อมให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีอย่างเต็มที่
ด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยและเวียดนามมีความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง มูลค่าการค้า และการลงทุนระหว่างกันมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า การเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี และเข้าร่วมการประชุม JCR ครั้งที่ 4 ในเดือนพฤษภาคม 2567 จะเป็นแรงผลักดัน และเป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน (Comprehensive Strategic Partnership) ซึ่งจะมีส่วนสนับสนุนความร่วมมือระหว่างกันให้เข้มแข็งมากขึ้นในทุกมิติ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ด้านเอกอัครราชทูตเวียดนามฯ เห็นว่า ไทยและเวียดนามควรเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้นเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยเฉพาะการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ ซึ่งเอกอัครราชทูตเวียดนามฯ ขอให้นายกรัฐมนตรีสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงไทย - เวียดนามซึ่งจะมีส่วนสำคัญเพิ่มพูนมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกัน
ด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายยินดีที่การท่องเที่ยวระหว่างไทยกับเวียดนามฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง มีจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวนมากในปี 2566 โดยนายกรัฐมนตรีพร้อมมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเวียดนาม โดยเฉพาะการเพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างกัน ซึ่งเมื่อช่วงเช้าวันนี้ นายกรัฐมนตรีได้แถลงวิสัยทัศน์และศักยภาพของประเทศไทยในเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค ซึ่งทางเอกอัครราชทูตฯ ขอให้นายกรัฐมนตรีสนับสนุนและอำนวยความสะดวกสายการบินเวียดนามในการเพิ่มเที่ยวบินตรงมายังประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดอุดรธานี
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตเวียดนามฯ ชื่นชมการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งเชื่อมโยงกันทางบก ผ่านโครงการ ?6 ประเทศ 1 จุดหมาย? เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากนอกภูมิภาค ส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยว 6 ประเทศในทริปเดียว โดยเอกอัครราชทูตเวียดนามฯ ชื่นชมวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีและเชื่อว่าเป็นโครงการที่จะได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน และพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
ที่มา: http://www.thaigov.go.th