พร้อมแสวงหาความร่วมมือในด้านพลังงานสะอาด โครงการก่อสร้างพื้นฐาน และความเชื่อมโยง
วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม 2567) เวลา 16.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบหารือกับนางจีนา เอ็ม. เรมอนโด (The Honorable Gina M. Raimondo) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สหรัฐอเมริกาในประเด็นการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ไทย-สหรัฐ สรุปสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ในการมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ และเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจให้ใกล้ชิดและเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ประเทศไทยเปิดรับภาคเอกชนสหรัฐฯ เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น โดยไทยมีจุดแข็งในหลายด้านที่เป็นประโยชน์ต่อการลงทุน รวมถึงรัฐบาลกำลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจให้ง่ายมากขึ้น และส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐฯ และแนวโน้มของการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยินดีที่ได้มามาเยือนไทยในครั้งนี้ ซึ่งได้มีโอกาสหารือกับหลายกระทรวง รวมถึงคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งจะเป็นโอกาสในการเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนไทย-สหรัฐฯ ให้เป็นรูปธรรม พร้อมกล่าวชื่นชมนายกรัฐมนตรีและความพยายามของรัฐบาลในการแสดงบทบาทเชิงรุก ผ่านการเดินทางไปพบปะหารือกับทางผู้นำรัฐบาลและภาคเอกชนในต่างประเทศ เพื่อดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ มองว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดี สามารถสร้างการรับรู้ได้อย่างกว้างขวาง
ด้านการขยายการค้าและการลงทุน นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ต่างมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกัน เพื่อเสริมสร้างโอกาสในการเพิ่มพูนการค้าและการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศ โดยไทยพร้อมรองรับให้ภาคเอกชนสหรัฐฯขยายฐานการผลิตในไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด เศรษฐกิจสีเขียว และการจัดตั้ง data center เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ มองว่าสอดคล้องกับแนวทางในการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนสหรัฐฯ ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องถึงการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่ปราศจากคอร์รัปชัน ยึดถือกฎระเบียบและกฎหมาย รวมถึงต้องมีทรัพยากรและแรงงานที่มีทักษะ ซึ่งนายกฯ เน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรโดยมองว่าการฝึกทักษะและการอบรมจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งประเทศไทยและต่อบริษัทที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยด้วย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ชื่นชมต่อความพยายามของไทย พร้อมยินดีส่งเสริมการพัฒนาทักษะแรงงานไทย ผ่านความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาของสหรัฐฯ กับหน่วยงานที่รับผิดชอบการเสริมสร้างทักษะและการอบรมแรงงานไทยได้ในอนาคต
ด้านพลังงานสะอาด ทั้งสองฝ่ายหารือถึงการพิจารณาความเป็นไปได้ในการลงทุนในพลังงานสะอาด อย่างพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งไทยมองว่าเป็นประเด็นที่ไทยกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ แต่จำเป็นต้องศึกษาถึงความปลอดภัย รวมถึงรับฟังเสียงและความคิดเห็นของคนในพื้นที่ ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ มองว่าการลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์จะเป็นการสร้างโอกาสในการจ้างงาน รวมถึงพลังงานนิวเคลียร์เป็นพลังงานที่สะอาดและมีราคาถูก
ความเชื่อมโยง และโครงสร้างพื้นฐาน นายกฯ เน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาค โดยมีการพัฒนาสนามบิน ท่าเรือ เพื่อให้รองรับต่อการเดินทางและขนส่งสินค้า รวมถึงมีโครงการ Landbridge ที่จะสร้างผลประโยชน์ทั้งต่อไทยและต่อภูมิภาค ซึ่งภาคเอกชนสหรัฐฯ จะได้ประโยชน์เช่นกัน ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ชื่นชมรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หวังว่าจะมีความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนสหรัฐฯ และไทย เพิ่มมากขึ้น
กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific Economic Framework: IPEF) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวเชิญนายกฯ เข้าร่วมการประชุม IPEF Clean Economy Investor Forum ณ สิงคโปร์ ในเดือนมิถุนายน พร้อมมองว่ากรอบ IPEF จะเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอให้ภาคเอกชนสหรัฐฯ ได้เห็นถึงศักยภาพของไทย และแนวทางในการเพิ่มพูนการค้าและการลงทุนในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
ที่มา: http://www.thaigov.go.th