นายกฯ ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญกับข้อเสนอ ของคณะสภาเด็กและเยาวชนฯ เป็นเสียงสำคัญของเยาวชนของชาติ
วันนี้ (1 พฤษภาคม 2567) เวลา 14.15 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นางสาวนดา บินร่อหีม ประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย นำคณะสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย จำนวน 80 คน เข้ารับโอวาทจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอมติสมัชชาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2566 โดยมี ข้าราชการของกองส่งเสริมการพัฒนาและสวัสดิการเด็ก เยาวชน และครอบครัว กรมกิจการเด็กและเยาวชน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เข้าร่วมด้วย นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับฟังการนำเสนอสถานการณ์ด้านเด็กและเยาวชน ประจำปี 2566 และมติสมัชชาเด็กและเยาวชน จากคณะสภาเด็กและเยาวชนฯ ครอบคลุม 6 ประเด็นปัญหาเร่งด่วนที่ส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนไทย ได้แก่ ประเด็นเศรษฐกิจ จากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อครัวเรือนและต่อคุณภาพชีวิตของเด็ก และเยาวชนไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผลกระทบในด้านรายได้และเริ่มกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของครอบครัว ประเด็นการศึกษา การเข้าถึงหลักสูตรของโรงเรียน ที่มีอยู่ในปัจจุบันอาจไม่สอดคล้องกับความต้องการของเยาวชน และบางหลักสูตรที่ไม่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน เป็นประเด็นสำคัญที่เด็กและเยาวชนควรมีส่วนร่วมในการวางแผนการศึกษา ประเด็นสุขภาพ ปัญหาทางด้านอารมณ์และปัญหาทางด้านจิตใจ และยังขาดการเข้าถึงของหน่วยงานของรัฐที่จะให้ข้อมูลหรือคำปรึกษา ประเด็นความรุนแรง การกลั่นแกล้ง การล้อเลียน การใช้ความรุนแรงทางโลกออนไลน์หรือภัยรูปแบบใหม่ที่ยังไม่มีหน่วยงานภาครัฐเข้ามามีบทบาทผู้รับผิดชอบในการดูแลเด็กและเยาวชนให้ปลอดภัยในโลกออนไลน์ ประเด็นสิ่งแวดล้อม ปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5 สถานการณ์ไฟป่าที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และชีวิตของเด็กและเยาวชนอย่างมาก และประเด็นการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ยังคงรู้สึกว่าผู้ใหญ่ในสังคมไม่ได้รับฟังเสียงของพวกเขา และนำเสียงของพวกเขาไปพิจารณาอย่างจริงจังมากนัก ซึ่งการนำเสนอประเด็นเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมกลไกการดำเนินงานของสภาเด็กและเยาวชน เพื่อให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการขับเคลื่อนมติสมัชชาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2566 และเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนให้เกิดการขับเคลื่อนเชิงนโยบายของประเทศไทย
จากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวให้โอวาทว่า รู้สึกยินดีที่ได้พบปะกับน้อง ๆ ทุกคนและรับฟังข้อคิดเห็นต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์กับประเทศไทย และเป็นความคิดที่สร้างสรรค์ไม่ใช่ความคิดที่บ่อนทำลาย ถือเป็นเรื่องที่ดีและอยากให้เป็นบรรทัดฐานในการทำงานของสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทยต่อไป ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้มีคุณภาพ ซึ่งเด็กและเยาวชนถือเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าอย่างมากที่จะเป็นผู้ร่วมกำหนดอนาคตของสังคมและประเทศ โดยมุ่งเน้นการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางและส่งเสริมภาคการศึกษาไทยให้มีมาตรฐาน เพื่อให้คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพและเข้าถึงการศึกษาได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งสนับสนุนให้เด็ก ๆ มีความกล้าคิด กล้าแสดงออกในทางสร้างสรรค์และอยู่ในกรอบของกฎหมาย
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า สำหรับการนำเสนอข้อมูลของน้อง ๆ วันนี้สะท้อนความต้องการที่แท้จริงของน้อง ๆ ที่มาจากสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย ซึ่งการเรียนรู้และการยอมรับในมุมมองของเยาวชน นับเป็นก้าวแรกในการสร้างสังคมที่ทุกคนมีส่วนร่วมภายใต้ความหลากหลาย โดยเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือและความพยายามร่วมกันของทุกคน เราสามารถสร้างประเทศไทยให้เป็นสังคมที่เต็มไปด้วยโอกาสที่ดีและความคิดสร้างสรรค์ได้
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับทุก ๆ ข้อเสนอที่ถูกนำมาเสนอ ซึ่งถือเป็นเสียงสำคัญของเยาวชนของชาติ โดยจะร่วมมือกับทุกภาคส่วนสร้างอนาคตที่ดีให้กับเยาวชนของเรา พร้อมฝากสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทยทุกคนในฐานะที่เป็นกำลังสำคัญในการสร้างความเจริญก้าวหน้าของประเทศ ขอให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี ทำหน้าที่ของตนเองในทุกบทบาทให้เต็มที่บนพื้นฐานความถูกต้อง ดีงามและสร้างสรรค์ เคารพในความคิดเห็นที่หลากหลาย เพื่อทำให้สังคมไทยมีแต่ความรัก ความสามัคคีและเหนือสิ่งอื่นใดคือการยึดมั่นในสถาบันหลักของประเทศ
นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรียังได้เล่าถึงประสบการณ์ก่อนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเคยทำงานให้กับองค์การยูนิเซฟ 10 ปี และเคยเดินทางไปประเทศเลบานอน เมืองเบรุต ซึ่งปัจจุบันมีสงครามเกิดขึ้น โดยเดินทางเข้าไปในเขตพื้นที่อพยพมีผู้ลี้ภัยจากประเทศซีเรียมาอาศัยตามตะเข็บชายแดนของประเทศเลบานอน ได้เห็นเด็กที่ต้องลี้ภัยจากประเทศซีเรียเข้ามาอยู่ในแคมป์ที่องค์การยูนิเซฟได้จัดตั้งขึ้น เนื่องจากมีสงครามกลางเมืองในประเทศซีเรีย ซึ่งพบว่าเด็กที่อาศัยอยู่ภายในแคมป์ขาดการได้รับวัคซีนป้องโรคโปลิโอ ทำให้อนาคตของเด็กเหล่านั้นยากลำบากมากขึ้น ทั้งนี้ ปัจจุบันสงครามกลางเมืองมีมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นอิสราเอลกับฮามาสซึ่งยังมีคนไทยตกเป็นเชลยที่ติดอยู่ 8 คน หรือปัญหาระหว่างรัสเซียกับยูเครน เด็ก ๆ ที่ไปโรงเรียนก็ไม่สามารถไปเรียนได้ โดยตนถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญและควรดูไว้เป็นตัวอย่างว่าเราต้องรับฟังความคิดเห็น ซึ่งจากข้อเสนอทั้งหมดที่เสนอมานั้นถือว่าเป็นเสียงที่สำคัญมาก โดยข้อเสนอบางข้อสามารถปฏิบัติได้ แต่บางข้อไม่สามารถปฏิบัติได้ถึงแม้จะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเรามีขีดจำกัดในการทำงานอยู่มาก ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าเสียงที่น้อง ๆ เสนอมานั้น เรื่องไหนที่สามารถทำได้ก็จะดำเนินการให้แน่นอน
สำหรับข้อเสนอเรื่องการศึกษานั้น นายกรัฐมนตรีย้ำว่า อยากให้ทุกคนที่ไม่มีทุนทรัพย์สามารถเข้าถึงระบบการศึกษาได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทุน หรือเรื่องของโอกาส เพราะหากเด็ก ๆ ได้รับการศึกษาที่ดีจะสามารถต่อยอดในการทำงานได้ แต่ยังมีเด็กประมาณ 1 ล้านคนที่หลุดออกนอกระบบการศึกษา โดยเฉพาะในช่วงที่โรคโควิด - 19 ระบาด ซึ่งเด็กที่มี Smartphone สามารถเรียนออนไลน์ได้ แต่ยังมีเด็กอีกหลายคนที่ไม่มี Smartphone ทำให้การเข้าถึงระบบการศึกษาไม่เท่าเทียมกัน ทั้งนี้ ถึงเวลาที่ทุกคนต้องเลิกด้อยค่าการศึกษาไทย เราต้องร่วมกันแก้ไขและพัฒนาระบบการศึกษาไทยเหมือนที่น้อง ๆ ช่วยกันเสนอแนะในวันนี้ โดยนายกรัฐมนตรีจะนำข้อเสนอในวันนี้ส่งให้กระทรวงศึกษาธิการเพื่อนำไปใช้ประโยชน์และมีการติดตาม รวมถึงจะมีการสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย รวมถึงข้อเสนอเรื่องการเกษตร รัฐบาลพยายามจะยกรายได้ของเกษตรกร 3 เท่าภายใน 4 ปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคายาง โดยปัจจุบันมีราคาเกือบ 100 บาท แต่รัฐบาลจะไม่หยุดเพียงแค่นั้นซึ่งปัญหาสำคัญของการเกษตรคือพ่อค้าคนกลาง จากการลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษนั้น หอมแดงเป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดแต่มีราคากิโลกรัมละ 7 - 15 บาท มีต้นทุนอยู่ที่ 8 บาท/กิโลกรัม ซึ่งไม่คุ้มกับการลงทุน ทั้งนี้ รัฐบาลจะทำให้หอมแดงมีราคากิโลกรัมละ 20 บาท แต่ราคาที่พ่อค้าแม่ค้าในตลาดขายนั้นกลับมีราคากิโลกรัมละ 200 บาท ซึ่งเงินกว่า 193 บาทนั้นพ่อค้าคนกลางเป็นคนที่รับไป ทำให้รัฐบาลจะต้องมีการตัดขั้นตอนของตัวกลางออกไป ส่วนเกษตรกรต้องนำเทคโนโลยีหรือการขายออนไลน์เข้ามาเสริมเพื่อที่จะขายตรงได้เลย
ส่วนข้อเสนอเรื่องสาธารณสุข บุหรี่ไฟฟ้า กัญชา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่เห็นด้วยและจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด กัญชาจะเป็นกัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น อีกทั้งสุขภาพจิตเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะปัจจุบันทุกคนต่างเจอปัญหาหลายอย่าง เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ สิทธิเสรีภาพของการเลือกเพศสภาพ ซึ่งรัฐบาลได้ผ่าน พ.ร.บ. ในการเลือกเพศสภาพแล้ว สามารถเลือกเพศได้ สามารถที่จะประกอบอาชีพได้ รวมถึงการลดอัตราการเกณฑ์ทหาร ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นสิ่งที่รัฐบาลพยายามดำเนินการเยียวยาจิตใจ เพิ่มความสบายใจให้กับประชาชนมากขึ้น แต่ถ้ามีปัญหาสุขภาพจิตเกิดขึ้นรัฐบาลก็มีความพร้อมที่จะนำบุคลากรเข้ามาช่วยเหลือ โดยขณะนี้ประเทศไทยขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ แต่ได้มีการพูดคุยกับว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ว่าจะมีการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ขึ้นใหม่ให้ครบทุกด้าน อีกทั้งจะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาสร้างความสะดวกให้ประชาชนในการไปหาหมอไม่ต้องอธิบายประวัติทางการแพทย์อีกต่อไป โดยรัฐบาลจะนำเทคโนโลยีระบบ Cloud System ที่สามารถดึงข้อมูลประวัติทางการแพทย์ได้ทั้งหมด เพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับทุกคนในการเข้าสู่ระบบสาธารณสุข รวมถึงเรื่องของการใช้ความรุนแรงที่ทุกคนได้พูดมาตรงนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นทางความมั่นคงไปแล้วว่าการบังคับใช้กฎหมายเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งเราต้องยอมรับว่าปัญหายังมีอยู่ ซึ่งผู้ใหญ่หลายคนมีความโน้มเอียงจะปฏิเสธปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมไทย แม้กระทั่งเรื่องของความรุนแรงทางเพศในครอบครัว ซึ่งเชื่อว่าการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง สามารถเยียวยารักษาทางกายและจิตใจของบุคคลเหล่านั้นทุกคน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องการใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV ซึ่งปัจจุบันมีการใช้รถ EV ประมาณร้อยละ 15 ซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และถ้ากรุงเทพฯ ร้อยละ 70-80 มีการใช้รถ EV มลภาวะก็น้อยลงไปอย่างแน่นอน รวมถึงการให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด การเปิดโรงงานอุตสาหกรรมในไทย รัฐบาลเน้นโรงงานเหล่านี้ให้ใช้ Green Energy, Wind Energy, Solar Energy หรือพลังงานน้ำ (Hydro Energy) ที่มาจากเขื่อน เป็นปัจจัยที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การเผาเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นเรื่องที่แก้ยาก ถึงแม้ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา จังหวัดเชียงใหม่ติดอันดับที่ 1 ของเมืองที่มี PM 2.5 สูง แต่อันดับของ PM 2.5 ก็ลดลงไปจากปีที่แล้วที่มีค่าสูงมาก และจากการตรวจสอบพบว่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทยลดน้อยลง ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหลายคนบอกว่าต้องมีการจัดการมาตรการภาษีที่เกี่ยวข้องโดยได้มีการสั่งการในที่ประชุม ครม. ว่า ถ้าเกิดพิสูจน์ทราบได้ว่าประเทศไหนมีการเผาเราจะไม่รับซื้อหรือการใช้ภาษีอย่างแรงเข้ามาบังคับใช้และนำภาษีที่เก็บได้นั้นมาช่วยดูแลสภาพอากาศของประชาชนคนไทยทุกคน
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญและความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ รวมถึงประเด็นการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชน พร้อมกล่าวว่าในวันนี้นายกรัฐมนตรีได้ทำหน้าที่การเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้องดูแลประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะยากดีมีจน หรือจังหวัดไหนมีสส. หรือไม่มี สส. ในฐานะรัฐบาลพร้อมดูแลให้มีความเท่าเทียม ความเสมอภาค ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลเด็กและเยาวชน เพื่อให้เขาได้มีโอกาส มีความหวัง และแรงบันดาลใจในการที่จะต่อสู้ไปกับโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงสูง ถ้ารัฐบาลทำไม่ได้ตรงนี้ถือว่าสอบตก ดังนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญและเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขอขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำและการนำเสนอ ซึ่งบางเรื่องก็สามารถทำได้ บางเรื่องก็ยังไม่สามารถทำได้ทันที แต่บางเรื่องก็ทำอยู่แล้ว จึงขอให้เชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลมีความตั้งใจทำจริงและสนองต่อคำที่ให้คำแนะนำมา โดยยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเวทีนี้ และอยากสนับสนุนให้เยาวชนเหล่านี้เจริญเติบโตเป็นบุคคลที่มีค่าต่อสังคมต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th