นายกฯ ติดตามสถานการณ์ความมั่นคงชายแดน ด่านศุลกากร แรงงานข้ามชาติ หารือการพัฒนา จ.กาญจนบุรี ขอบคุณทุกหน่วยงานร่วมทำงานอย่างเต็มที่ ย้ำแก้ปัญหายาเสพติดให้มีผลเป็นรูปธรรมใน 90 วัน
วันนี้ (11 พ.ค. 67) เวลา 13.00 น. ณ กองพลทหารราบที่ 9 อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ประชุมหารือประเด็นปัญหาและการพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรี (ประเด็นสถานการณ์ความมั่นคงชายแดน ด่านศุลกากร และแรงงานข้ามชาติ) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ เข้าร่วมด้วย
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายกรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2566 และข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดกาญจนบุรี จากผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และสรุปสถานการณ์ด้านชายแดน การลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การลักลอบนำเข้ายาเสพติด มาตรการควบคุมยางพาราในพื้นที่จากกองกำลังสุรสีห์
โอกาสนี้ นายกฯ ได้มอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติ โดยกล่าวถึงการเดินทางมาจังหวัดกาญจนบุรีว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 เพื่อมาติดตามแนวทางการพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรี โดยขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจบุรี ที่ได้มีการติดตามงานอย่างใกล้ชิด เฉพาะอย่างยิ่งเรื่องปัญหาที่ดินทำกินเอกสารสิทธิ 2481 ซึ่งมีดำเนินการมีความคืบหน้าไปมาก ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องที่ดินทำกิน ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลก็ได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อเนื่อง และมีงานที่ต้องทำต่ออีกมาก ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณในการดำเนินการเรื่องนี้ที่มีความคืบหน้ามาโดยตลอด รวมทั้งขอบคุณกองทัพที่มีการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งการดำเนินการเรื่องของที่ดินทำกินให้กับประชาชน โดยการกันพื้นที่ที่อาจยังไม่ใช้ประโยชน์ของกองทัพมาแบ่งให้ประชาชนทำมาหากินได้ และหวังว่าจะไม่หยุดแค่นี้ รวมถึงการดูแลเรื่องภัยแล้ง น้ำท่วม ตลอดจนการขุดลอกคูคลองต่าง ๆ ก็ขอให้ทำอย่างต่อเนื่องต่อไป
นายกฯ กล่าวชื่นชมการดำเนินการด้านการพัฒนาท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรี สิ่งสำคัญคือการที่จะทำอย่างไรให้เกิดการใช้จ่ายต่อหัวในจังหวัดกาญจนบุรีให้มากขึ้น จึงฝากให้ทำตรงนี้ให้มากขึ้น ซึ่งส่งผลประโยขน์ต่อประชาชนทั้งต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ และด้านการท่องเที่ยว รวมถึงร้านอาหาร โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ นอกจากนี้ การพัฒนาด้านการคมนาคมก็เป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่ทำให้เกิดการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ มาจังหวัดกาญจนบุรีดีขึ้น รวมทั้งระบบคมนาคมที่ดียังจะส่งผลดีต่อการค้าขายชายแดนได้ด้วย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า นายกฯ กล่าวถึงเรื่องการทำเกษตรกรรมว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ไม่ว่าเป็นการปลูกข้าว และพืชใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพสูง เช่น ทุเรียน ซึ่งขณะนี้จังหวัดกาญจนบุรีเริ่มมีการปลูกมากขึ้น และส่งออกไปขายยังต่างประเทศด้วย ทั้งนี้ ย้ำว่าขอให้ปลูกในพื้นที่ที่ถูกกฎหมาย ขณะเดียวกันนายกฯ ย้ำว่าการบริหารจัดการน้ำก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีนั้นเชื่อว่าไม่มีเรื่องของการขาดแคลนน้ำ เพราะมีเขื่อน 3 เขื่อน แต่เป็นเรื่องของการบริหารจัดการให้ดีโดยเฉพาะการจัดท่อส่งให้เพียงพอ ทั้งนี้ นายกฯ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการจัดการเรื่องน้ำให้ดี โดยใช้เทคโนโลยีสมัย และบูรณาการการทำงานร่วมกันทั้งฝ่ายความมั่นคง GISTDA ศึกษาแนวทางการบริหารจัดการด้วยทรัพยากรที่มีให้เต็มประสิทธิภาพ โดยเมื่อเช้าที่ผ่านมา ก็ได้ไปติดตามโครงการต่าง ๆ ทั้งการทำแก้มลิงสำหรับกักเก็บน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในอดีตให้หมดไป จึงขอเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วก่อนฤดูน้ำจะมาถึง
ส่วนกรณีสถานการณ์การค้าชายแดนนั้น นายกฯ ย้ำว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยขอขอบคุณกำลังพล และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่ช่วยกันทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่อย่างหนัก ทั้งเรื่องของการลักลอบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย มาตรการควบคุมยางพาราในพื้นที่ การลักลอบนำเข้ายาเสพติด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ การที่เราสามารถป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบยางพาราเถื่อนตามแนวชายแดนเข้ามาจำหน่ายในประเทศ ทำให้ส่งผลดีต่อราคายางในประเทศดีขึ้น จึงขอขอบคุณทองทัพ กระทรวงการคลัง กรมศุลกากร ที่ทำงานกันอย่างใกล้ชิด
นายกฯ กล่าวถึงเรื่องยาเสพติดว่า เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญและดำเนินการอย่างจริงจัง ทำให้สามารถจับกุมได้มากกว่าปีก่อน ๆ ถึง 3-4 เท่า แต่ supply ก็ยังเข้ามาอยู่มาก จึงฝากให้ สำนักงาน ป.ป.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทหาร ตำรวจ หน่วยงานการปกครอง ช่วยกันทำหน้าที่อย่างหนักขึ้น ให้เป็นไปตามที่เราได้ประกาศให้ยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ให้การแก้ปัญหายาเสพติดมีผลเป็นรูปธรรมใน 90 วัน เพื่อให้ยาเสพติดหมดไป จัดการผู้ค้าทั้งรายใหญ่รายย่อยให้ราบคาบ และบำบัดลูกหลานที่ติดยาให้สำเร็จไปด้วยกัน พร้อมย้ำ ไม่ว่าจะเป็นครึ่งเม็ดหรือหนึ่งเม็ด ถ้าเป็นผู้ขายจับทันที แต่หากเป็นผู้เสพและมอบตัวก็จะเป็นผู้ป่วย นำไปสู่การบำบัดรักษาต่อไป
ในตอนท้าย นายกฯ ย้ำถึงเรื่องการค้าขายชายแดนที่มีการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งที่ดีต่าง ๆ รองรับ ทั้งรถไฟทางคู่ หรือรถไฟฟ้า เป็นสิ่งที่ดี เพราะสามารถร่นระยะเวลาในการขนส่งสินค้าได้เร็วขึ้น ซึ่งตรงนี้รัฐบาลให้ความสำคัญโดยขับเคลื่อนนโยบาย National Single Window ให้เป็น One Stop Service อย่างแท้จริง โดยให้หน่วยงานกรมศุลกากรนำร่อง และขอความร่วมมือทุกหน่วยงานร่วมกันขับเคลื่อนเรื่องนี้ให้เกิดผลสำเร็จภายในเดือนกันยายนนี้ สอดคล้องกับการพัฒนาโครงการพื้นฐานไปพร้อมกัน
ที่มา: http://www.thaigov.go.th