นายกฯ ให้สัมภาษณ์สรุปภารกิจช่วงเช้าที่กรุงโรม หารือภาคเอกชนอิตาลี 3 บริษัท ผลักดันการลงทุนใน Aviation Industry การประกัน และขยาย Supply Chain สนับสนุน SMEs ไทย
วันนี้ (20 พฤษภาคม 2567) เวลา 10.40 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโรม ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 5 ชั่วโมง) ณ ห้อง Earth Lab Creative Event Space โรงแรม Six Senses นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภารกิจการเยือนกรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลีวันแรก โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้พบหารือภาคเอกชนอิตาลี จำนวน 3 บริษัท ดังนี้
1. บริษัท Leonardo S.p.A. เป็นบริษัทผู้ผลิตเฮลิคอปเตอร์ โดยมีเฮลิคอปเตอร์ในไทยทั้งหมด 30 ลำ มีการทำเรื่องเรดาร์ และ Aviation Technology นอกจากนี้ บริษัทฯ มีหุ้นกับบริษัท Airbus ทำเครื่องบิน ATR ซึ่งในไทยก็มีใช้อยู่ ในการพูดคุยมีวัตถุประสงค์ 2 เรื่อง คือ 1. เสนอให้มี Regional Office ในประเทศไทย ซึ่งทางบริษัทมีความสนใจมาก 2) ตั้งศูนย์ซ่อมบำรุง ทางบริษัทยังต้องมีจำนวน volume ก่อน โดยนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับบริษัทว่า การมองไปยังอนาคตเป็นสิ่งสำคัญ นโยบายหลักของรัฐบาลพยายามอัปเกรด Aviation Industry สนามบินทั้งหลาย ทั้งสนามบินหลัก (สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ล้านนา อันดามัน) และสนามบินรอง บางสนามบินมีขนาดเล็ก ซึ่งถ้ามีการสร้างใหม่ต้องเป็นสนามบินขนาดเล็ก การใช้เครื่องบิน เช่น ATR ก็จะมีขนาดเล็กกว่า Airbus 320 ที่ใช้อยู่ หรือ boeing 737 ที่ใช้กันอยู่อย่างแพร่หลาย สนามบินของไทยอาจจะไม่สามารถลงได้ เพราะฉะนั้นเรื่อง ATR ซึ่งบริษัทฯ หุ้นครึ่ง ๆ กับฝรั่งเศส ก็มีศักยภาพเช่นกัน นอกจากนี้ได้พูดคุยเรื่องการอัปเกรดกองทัพไทยระยะ 10 ปีที่คุยไว้ที่ฝรั่งเศส ก็ได้พูดคุยกับบริษัท ขอให้พูดคุยกับทางทูตทหาร และนายกรัฐมนตรีได้ให้กระทรวงการต่างประเทศติดต่อกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดด้วย เพราะบริษัทนี้มีศักยภาพสูงในการที่จะทำเรื่อง Defense Industy มาก อยากให้เขาเข้ามาพูดคุยต่อและสานต่อได้
2) Generali บริษัททำประกัน ซึ่งมีทั้ง Life และ Non-life ปัจจุบันถือหุ้นอยู่ 49% บริษัทมีความเข้าใจในศักยภาพการเติบโตของประเทศไทย เพราะเขามั่นใจว่าไทยจะมีการเติบโตไปอีกเยอะ ต้องการเจาะตลาดธุรกิจประกัน ซึงยังต่ำอยู่เมื่อเทียบกับตัวเลขทั่วโลก ตรงนี้จึงเป็นช่องทางในการทำธุรกิจที่เขาหมายปองอยู่ แต่ก็ในการถือหุ้น 49% ก็มีความลำบากในการเสนอกับคณะกรรมการ นายกรัฐมนตรีจึงได้เน้นย้ำว่า ถ้าตลาดมีขนาดใหญ่ แม้ 49% ผลตอบแทนทางการเงินก็ยังสูงอยู่ดี ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีพูดคุยให้มั่นใจว่าการเติบโตของประเทศไทยเป็นไปด้วยดี และอุตสาหกรรมการประกันยังไปได้อีกไกลมาก ทั้งในเรื่องประกันสุขภาพและประกันชีวิต โดยหวังว่าเขาจะมาลงทุนในไทย
3) บริษัท Ducati Motor เป็นบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ระดับพรีเมียม เป็นเรื่องน่ายินดีว่าบริษัทมีการลงทุนโรงงานผลิตในไทย ซึ่งนอกเหนือจากอิตาลี ประเทศไทยเป็นประเทศเดียว และไม่ได้เข้ามาลงทุนอย่างเดียว ยังมี Training Center ด้วย เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้หว่างประชาชนกับประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี นอกจากนี้ บริษัทสนใจลงทุนใน Moto E หรือ E bike ที่ใช้แบตเตอรี่ ซึ่งเป็นอนาคตอยู่แล้ว ปัจจุบันบริษัทมีความเข้าใจการแข่งขัน ทั้ง มอเตอร์ กรังด์ปรีซ์ ที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่ง Ducati ก็มีส่วนร่วม รวมถึง Moto E ก็มีความสนใจ และบังเอิญว่า Formula E ที่รัฐบาลติดต่ออยู่มาจัดที่เชียงใหม่ปีนี้ กับ Moto E เจ้าของเดียวกัน นายกรัฐมนตรีจึงได้พูดคุยความเป็นไปได้ในการจัด Formula E ที่เชียงใหม่ อาทิตย์หนึ่งแล้ว สุดสัปดาห์ต่อมาจัด Moto E ด้วย ซึ่งพยายามพูดคุยกันอยู่ ทั้งนี้ สิ่งสำคัญคือ บริษัทต้องการขยาย Supply Chain ซึ่งสำคัญมาก เพราะไม่ใช่แค่การประกอบ แต่ส่วนประกอบต่าง ๆ จะมาทำที่ไทยเยอะขึ้น ซึ่งจะทำให้ SMEs ไทยแข็งแกร่งขึ้น และการที่เขามี Training Center รวมถึงมีการพัฒนาเรื่องต่าง ๆ เช่น วิธีการภาษี เป็นต้น ก็ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยขึ้นไปได้อีก
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การพูดคุยในวันนี้เป็นการแลกเปลี่ยนทางธุรกิจ สังคมทางยุโรปค่อนข้างใกล้ชิดกัน รวมถึงฝรั่งเศส อิตาลี มีความเชื่อมโยงกัน Airbus Leonardo มีความเชื่อมโยงกัน ดังนั้น การมาเยือนทั้งสองประเทศและได้พูดคุยในภาพรวมถือว่าได้ประโยชน์สูงอยู่
ที่มา: http://www.thaigov.go.th