วันนี้ (30 พฤษภาคม 2567) เวลา 18.00 น. ณ ห้อง Grand Ballroom โรงแรม Capella Hotel นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาในงานนิทรรศการไวน์ฝรั่งเศส ตามคำเชิญของสมาคม Union des Grands Crus de Bordeaux ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ชื่นชอบและผู้ผลิตไวน์จากเมืองบอร์โดซ์ (Bordeaux) ของฝรั่งเศส ได้เล็งเห็นศักยภาพของไทย ที่มีความพร้อมในการจัดงานนิทรรศการไวน์ Ch?teaux จากเมือง Bordeaux ซึ่งเป็นการจัดครั้งแรกในไทย โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปคำกล่าวปาฐกถาของนายกรัฐมนตรี ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานรวมไวน์ Ch?teaux นี้ซึ่งสมาคมฯ ได้จัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ถือว่าเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม สังคม และเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นระหว่างไทยและฝรั่งเศส
ประเทศไทยมีวัฒนธรรมและประเพณีที่หยั่งรากลึก และไวน์เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของทั้งวัฒนธรรมและประเพณี การชิมไวน์ไม่ได้เป็นเพียงการชิมรสชาติ แต่เป็นศิลปะ เป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ และประสบการณ์ของงานฝีมือ และไวน์ Bordeaux รวบรวมศิลปะนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึง "วิสัยทัศน์ IGNITE Thailand" ที่มุ่งหวังให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ สำหรับนักท่องเที่ยว ด้วยการแสดงจุดแข็ง "Soft Power" ของไทย เช่น อาหารไทย และการผสมผสานที่ไม่เหมือนใครกับไวน์นานาชาติ นายกรัฐมนตรีเชิญชวนให้ทุกคนสัมผัสกับอาหารไทย ซึ่งสะท้อนศิลปะการทำอาหารของเชฟและมรดกทางวัฒนธรรม
ไทยได้ลดภาษีนำเข้าไวน์ เริ่มตั้งแต่ปี 2567 ภาษีไวน์จะลดลงจาก 10% เป็น 5% และอากรนำเข้าไวน์จากทุกประเทศจะได้รับการยกเว้น โดยยกเลิกอัตราเดิมที่ 54%-60% การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นประโยชน์ต่อประเทศผู้ผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงเช่นฝรั่งเศส
นโยบายนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมตลาดไวน์ที่มีชีวิตชีวา ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยเข้าถึงไวน์ระดับโลกได้มากขึ้น ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่ชื่นชอบไวน์ทั่วโลก และเพื่อสร้างภาพลักษณ์และสถานะให้ไทยในระดับโลกในด้านการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ไทยได้ลดภาษีสรรพสามิตสำหรับสถานบันเทิง ไนท์คลับ ดิสโก้ บาร์ และค็อกเทลเลานจ์ ซึ่งจะลดต้นทุน กระตุ้นให้จัดกิจกรรมมากขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อชุมชน ส่งเสริมสังคมที่มีชีวิตชีวา
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปีหน้าจะเป็นปีที่สำคัญสำหรับการท่องเที่ยวไทย มีการจัดกิจกรรมระดับโลกมากมาย อาทิ Michelin Food Festival, Formula E และการแสดงของนักดนตรีระดับโลก ระดับ A-list รวมทั้งไทยอยู่ระหว่างเจรจากับผู้จัดงานระดับโลกอื่น อาทิ Formula 1, Art Basel และอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยมตลอดทั้งปี
พร้อมเชิญชวนให้งานในคืนนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับผู้ผลิตไวน์ ในการได้ลิ้มรสไวน์จับคู่กับอาหารไทยในภูมิภาคต่าง ๆ ได้ค้นพบความหลากหลายของอาหารไทย และเฉลิมฉลองให้กับการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมของไทยและฝรั่งเศส รวมทั้งเพื่ออนาคตของ "Soft Power" ไทย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้จัดงานลักษณะนี้ในช่วงสิ้นปีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยอาจจัดที่ภาคใต้หรือภาคเหนือ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th