นายกฯ สรุปภาพรวมการลงพื้นที่ภาคอีสาน ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานแก้ไขทุกปัญหา
วันนี้ (30 มิถุนายน 2567) เวลา 11.10 น. ณ โรงเรียนรัตนบุรี ตำบลรัตนบุรี อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เผยว่า จากการลงพื้นที่จังหวัดน่านและจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นการลงพื้นที่เพื่อติดตามปัญหายาเสพติด จากนั้นเดินทางลงพื้นที่ในจังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดสุรินทร์ ปัญหาหลักที่ได้รับฟังจากประชาชนคือ เรื่องน้ำท่วมน้ำแล้ง ราคาสินค้าเกษตรกรรม ปัญหายาเสพติด และการพัฒนาพื้นที่ถนน สนามบิน ทั้งนี้ ทุก ๆ ปัญหาเป็นวาระสำคัญของรัฐบาลที่จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาให้หมดไป โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการในการทำงานเพื่อแก้ไขทุกปัญหา
นายกฯ กล่าวถึงการลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีได้ดูประเพณีแห่เทียนพรรษาซึ่งมีความสวยงามมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาดูเยอะ ปีละหลายหมื่นคน ควรจะส่งเสริมให้เป็น Festival หรือ Event ประจำปีของจังหวัด เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนรวมทั้งจังหวัดด้วย ทั้งนี้ วันที่ 20 - 21 กรกฎาคมนี้ จะมีงานใหญ่ จะพยายามเคลียร์ตารางงานเพื่อมาร่วมงานด้วย นากจากนั้น นายกฯ สั่งการให้กรมชลประทานดูแลการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เช่น อ่างเก็บน้ำ ฝาย แก้มลิง ทั้งนี้ รัฐบาลลงทุนในการบูรณาการแก้ไขปัญหาไม่ท่วมไม่แล้ง มีการลงทุนลงเงินแล้ว แต่เหนือสิ่งอื่นใดการลงใจก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยปี 2566 ที่ผ่านมาปัญหาน้ำท่วมแทบจะไม่มีเลย เพราะกรมชลประทานมีการประสานกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่ ทำให้การบริหารจัดการน้ำ กักเก็บน้ำมีประสิทธิภาพสูงส่งผลให้ปัญหาน้ำท่วมหายไป
นายกฯ กล่าวอีกว่าสำหรับการลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ มีผลการจับกุมยาเสพติดมากเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ แต่ภาคอีสานตอนล่างยังขาดสถานที่ในการรักษาที่เพียงพอ ทั้งนี้ นายกฯ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงมหาดไทย สาธารณสุข ตำรวจและทหาร ทำงานอย่างบูรณาการหามาตรการในการปราบปรามและรักษาผู้ป่วยอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ ภายในไตรมาส 3 หรือสิ้นเดือนกันยายนจังหวัดร้อยเอ็ดจะเป็นจังหวัดพื้นที่สีขาวปลอดยาเสพติด ถ้าทำสำเร็จเป็นพื้นที่สีขาวหรือใกล้เคียงจริง ๆ ก็จะนำไปใช้กับจังหวัดอื่น ๆ ในภาคอีสาน เพราะจังหวัดในภาคอีสานได้รับผลกระทบอย่างสูงจากยาเสพติดซึ่งต้องยอมรับว่ายาเสพติดไหลเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นจำนวนมากอีกทั้งยังได้ให้กรมชลประทานมาดูแลการบริหารจัดการน้ำภาคอีสาน ซึ่งปีนี้มั่นใจจะไม่มีปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ส่วนปัญหาราคาสินค้าเกษตร ก่อนที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลหอมแดงมีราคาประมาณ 10 บาท ซึ่งปีที่ผ่านมาราคาขยับขึ้นมาอยู่ที่ 15 บาท ทำให้เกษตรกรมีรายได้พออยู่ได้ แต่ปีนี้ได้มอบ KPI ไปยังกระทรวงพาณิชย์ต้องทำราคาหอมแดง 20 บาทให้ได้ นอกจากนั้นยังมีพริกที่มีต้นทุนการผลิตประมาณ 20 บาท แต่ขายได้ประมาณ 25 บาท ทำให้เงินไหลเข้ากระเป๋าเกษตรกรน้อยมาก ทั้งนี้จะพยายามทำให้ราคาขายดีขึ้นกว่านี้ด้วยการเปิดตลาดต่างประเทศ
นายกฯ กล่าวถึงจังหวัดสุรินทร์ว่าเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงได้ลงพื้นที่ห้วยแก้ว เพิ่มปริมาณการกักเก็บน้ำ เพื่อไว้ใช้ในฤดูแล้งหรือฤดูฝนไว้ป้องกันน้ำท่วมได้ นอกจากนั้นจังหวัดสุรินทร์มีการปลูกข้าวเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ข้าวเกษตรอินทรีย์ ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ขายได้กิโลกรัมละ 40-45 บาท ตันละ 45,000 บาท หากเป็นข้าวเกษตรอินทรย์ล้วน ๆ จะมีราคาถึงกิโลกรัมละ 100 บาท ตันละ 100,000 บาท โดยเราต้องหาวิธีการที่จะอัพเกรดข้าวของจังหวัดสุรินทร์ขึ้นไปอีกเพื่อทำให้ชาวสุรินทร์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อีกทั้ง นายกฯ สั่งการให้พัฒนาด่านศุลกากรช่องจอม ที่อยู่ติดกับประเทศกัมพูชาเพื่อกระตุ้นศักยภาพการค้าชายแดน และให้กระทรวงคมนาคมศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างสนามบินที่จังหวัดสุรินทร์ นอกจากนั้น นายกฯ ชื่นชมโคเนื้อสุรินทร์วากิวนับเป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวหนึ่ง ถ้าเรามีการพัฒนาให้ดี พัฒนาสายพันธุ์ให้ดี หาตลาดใหม่ ๆ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ มาตรฐาน เราต้องมีมาตรฐานที่คงเส้นคงวา มีโรงเชือด โรงตัดแต่งให้เพียงพอเพื่อทำให้รายได้ของประชาชนดีขึ้น
ที่มา: http://www.thaigov.go.th