รองนายกฯ พีระพันธุ์ แจงการปรับขึ้นค่าไฟ 6 บาทต่อหน่วย ไม่เป็นความจริง ยืนยันค่าไฟ 4.18 บาทต่อหน่วยตามเดิม พร้อมย้ำ สื่อมวลชนต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจ ไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน

ข่าวทั่วไป Friday July 19, 2024 14:37 —สำนักโฆษก

รองนายกฯ พีระพันธุ์ แจงการปรับขึ้นค่าไฟ 6 บาทต่อหน่วย ไม่เป็นความจริง ยืนยันค่าไฟ 4.18 บาทต่อหน่วยตามเดิม พร้อมย้ำ สื่อมวลชนต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจ ไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสนและตื่นตกใจ

วันนี้ (19 กรกฎาคม 2567) เวลา 14.50 น. ณ บริเวณหน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ชี้แจงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลและข่าวผ่านสื่อเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าไฟ 6 บาทต่อหน่วย ว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เดินทางไปประชุมกับทางกระทรวงพลังงานซาอุดีอาระเบีย ทำให้ไม่ได้อยู่ชี้แจงข้อเท็จจริงส่งผลให้เกิดความสับสนขึ้นในสังคม แต่เป็นเรื่องปกติทุกครั้งที่มีการปรับค่าไฟก็จะมีข่าวในทางลบออกไป ซึ่งความจริงเป็นเรื่องที่ทางกองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) กับรัฐบาล โดยกระทรวงพลังงานจะต้องมีการหารือร่วมกันทุกครั้ง โดยในวันนี้ได้มีการเชิญประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตและผู้ว่า ปตท. มาหารือร่วมกันและได้ข้อยุติที่จะยืนค่าไฟไว้ที่ 4.18 บาทต่อหน่วยตามเดิม ทั้งนี้ ขอขอบคุณการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่สามารถบริหารจัดการเรื่องภายในของการไฟฟ้า เพื่อช่วยเหลือประชาชน รวมทั้ง ทาง ปตท. ด้วย เพราะ ปตท. ก็ยินดีที่จะไม่รับเงินตอบแทนใด ๆ จากค่าไฟฟ้างวดนี้เลย เพื่อช่วยประชาชนในส่วนนี้ อย่างไรก็ตามการจะช่วยเหลือประชาชนไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าหรือน้ำมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระทรวงพลังงานเพียงกระทรวงเดียว แต่ต้องอาศัยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยปลัดกระทรวงพลังงานได้พยายามประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา

รองนายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ยืนยันจะพยายามตรึงราคาไว้ตามเดิม แต่ว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้เป็นกลไกหลักมาอย่างยาวนานในการดูแลราคาน้ำมันให้ประชาชนนั้นมีภาระหนี้สินเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะเร่งดำเนินการและพยายามตรึงราคาน้ำมันไว้ที่ประมาณ 33 บาท แต่ก็ต้องอยู่ที่ความร่วมมือของส่วนราชการอื่นด้วย ส่วนของกระทรวงพลังงานจะทำเต็มที่เช่นเดิม นอกจากนั้น รองนายกฯ ย้ำว่า ข่าวดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการพยายามที่จะสร้างข่าวเชิงลบ ทำให้ประชาชนตกใจหรือเข้าใจผิด ทั้งนี้ สื่อมวลชนต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจเพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสนและตื่นตกใจ

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ