นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีวาระพิเศษ
วันนี้ (15 สิงหาคม 2567) เวลา 15.00 น. ณ โถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้เป็นวาระพิเศษ สืบเนื่องมาจากการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับกรณีนายกรัฐมนตรี โดยมติคณะรัฐมนตรีเรื่องแรก คือ คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามมาตรา 170 (4) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงเป็นเหตุให้รัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 167 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย คณะรัฐมนตรีที่เหลือจึงอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นมาใหม่จะเข้ารับหน้าที่ตามมาตรา 168 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามมาตรา 10 วรรค 4 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2545 บัญญัติให้ในระหว่างที่คณะรัฐมนตรีต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นมาจะเข้ารับหน้าที่ โดยศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ดังนั้น เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินดำเนินการต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง จึงได้มีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชชัย เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี
นายภูมิธรรม ฯ ยังกล่าวอีกว่า คณะรัฐมนตรียังได้เห็นชอบตามแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี กรณีศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 170 (4) ดังนี้ 1) สถานะของคณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
1.1 สิ้นสุดลงแต่ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ไม่เรียกว่ารักษาการ และได้รับเงินเดือนแต่ยังไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 168 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
1.2 คณะรัฐมนตรียังคงมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศเท่าที่จำเป็นทุกประการ กรณีนี้มีสถานการณ์คุกคามความมั่นคงของชาติย่อมมีอำนาจหน้าที่ที่จะประกาศมาตรการเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติได้ เช่น ประกาศภาวะฉุกเฉินหรือประกาศกฎอัยการศึก เป็นต้น
1.3 การลงชื่อตำแหน่งของรัฐมนตรียังคงลงชื่อในตำแหน่งเดิมมิใช่เป็นการรักษาการหรือรักษาการในตำแหน่ง
1.4 ตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วยทั้งหมด
1.5 ให้คณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งตามมาตรา 11 (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ประจำรองนายกรัฐมนตรี ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้
2.1 เรื่องที่เป็นนโยบายซึ่งมีผลผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ไม่ควรพิจารณา
2.2 เรื่องที่จำเป็นเร่งด่วนหรือเรื่องที่ต่อเนื่องให้พิจารณาดำเนินการเป็นเรื่อง ๆ ไป นอกจากนั้นยังมีแนวทางการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีในส่วนของรายละเอียดทางนายวิษณุ เครืองาม จะเป็นชี้แจงต่อสื่อมวลชนต่อไป
โอกาสนี้ นายภูมิธรรม ฯ ยังแจ้งว่า หลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดได้มีข้อสรุปว่า วันนี้ เวลา 16.00 น. ณ อาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3 พรรคเพื่อไทยโดยกรรมการบริหารพรรคจะจัดประชุมเพื่อเสนอชื่อผู้จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคทุกพรรคจะไปร่วมกันแถลง เพื่อจะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีที่จะเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พรุ่งนี้ เวลา 10:00 น.
ที่มา: http://www.thaigov.go.th